ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่62 เขาดื่มเหล้าอีกแล้ว

บทที่62 เขาดื่มเหล้าอีกแล้ว

“อือ……ก็แค่สิบล้าน ไม่เยอะ” หลีซินไม่ได้เก็บไปคิดมาก

พวกเขาเห็นท่าทีของหลีซินแบบนี้ต่างก็ดีใจขึ้น

แต่โจ่วรุ่ยฟางกลับรู้สึกหงุดหงิด ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกคงจะขอเยอะกว่านี้

“แต่ว่าตอนนี้เงินของฉันเก็บไว้ที่ชางหลิงทั้งหมด ถึงฉันมีใจจะให้แต่ก็ต้องให้เธอตกลงด้วยถึงจะได้” หลีซินยิ้มและสบสายตากับชางหลิง

“อะไรนะ?” โจวรุ่ยฟางตกใจ “คุณ เจ้านายใหญ่อย่างคุณเอาเงินทั้งหมดยกให้เด็กซื่อบื้อไร้เดียงสาอย่างยัยนี้ดูแลเนี่ยนะ?”

“ไม่ได้เหรอ?” หลีซินถามเธอ “ขอแค่เธอชอบ ก็แค่เงินมันจะสำคัญอะไรล่ะ?”

โจวรุ่ยฟางโดนหลีซินพูดใส่จนสำลักพูดไม่ออกมาสักคำ สีหน้าของชางหวยซูดูแย่ขึ้นมาทันที

ชางฉิงมองชางหลิงอย่างไม่ยอม ในใจโคตรไม่พอใจ ชางหลิงอย่างเธอเป็นของอะไรกันแน่ ทำไมถึงทำให้หลีซินหลงใหลเสน่ห์ได้ขนาดนี้?

อำนาจการตัดสินใจตกลงมาอยู่ในมือของชางหลิงแทน ชางหลิงกวาดมองทุกคนสุดท้ายมองไปที่ชางหวยซู “ก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ก็ต้องดูว่าคุณท่านชางจะตกลงข้อเสนอของฉันหรือเปล่า”

“ข้อเสนออะไร?” ชางหวยซูรีบถามกลับ

“ก็ง่ายๆเอง” นิ้วโป้งบนมือทั้งสองข้างของชางหลิงหมุนเล่น “ฉันจะเอาหุ้นส่วนหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัท”

ทุกคนต่างตกใจ

“ผู้ถือหุ้นของบริษัทเต็มไปหมดแล้ว ยังจะมีหุ้นส่วนหกสิบเปอร์เซ็นต์มาจากไหน?” สีหน้าชางหวยซูขาวซีด

“ฉันช่วยคุณคิดคำนวณมาแล้ว บนมือน้าจ้าวมีสิบห้าเปอร์เซ็นต์ บนมือชางฉิงมีสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แถมที่คุณปู่คุณย่ายังมีอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ บวกกันก็ได้หกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ชางหลิงยกยิ้มมุมปาก

“ชางหลิง คุณอยากให้พวกเราสองแม่ลูกถึงกับตายเลยใช่ไหม?” จ้าวหลันจือตะคอกออกมาด้วยความโมโห

“ใช่เหรอ?” ชางหลิงลุกขึ้นยืน เธอมองจ้าวหลันจือด้วยความดูถูกแล้วยิ้มแห้ง “บริษัทของตระกูลชาง แม่ของฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ หลังจากที่เธอเสียชีวิต มันควรต้องมีบางส่วนที่ฉันควรได้สืบทอดต่อแต่สุดท้ายกลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวมาให้ฉันเลย แต่แม่เลี้ยงและน้องสาวกลับได้หุ้นส่วนเพราะเหตุผลนี้ พวกคุณคิดว่าปิดบังความจริงไว้แล้วฉันจะไม่รู้หรือไง? พวกคุณรังแกที่ฉันอายุยังน้อยไม่สามารถต่อต้านได้ ถือมรดกของแม่ฉันมาโอ้อวดต่อหน้าฉัน อวดดีมาหลายปีแล้วก็คงพอใจแล้วมั้ง”

“ไม่ได้!” ชางหวยซูปฏิเสธ “ฉันไม่เคยดูออกเลยจริงๆว่าเด็กไร้เดียงสาอย่างคุณจะมีความทะเยอทะยานขนาดนี้”

“จะให้หรือไม่ให้พวกคุณไปตัดสินใจกันเองแล้วกัน” ชางหลิงก็ไม่ได้รีบร้อนจนถึงขั้นที่ต้องให้พวกเขาตัดสินใจตอนนี้ “แต่ว่าพวกคุณเองก็รู้ไว้ก่อนว่าฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลชางเลยแม้แต่น้อย มันจะล้มหรือไม่ล้มละลายก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ก็อย่างที่พวกคุณเคยพูด ยังไงชาตินี้ฉันก็สามารถเกาะผู้ชายกินไม่กังวลเรื่องกินอยู่ใช้ชีวิตอิสระสบาย คนที่จะหิวจนไปขอทานไม่ใช่ฉันสักหน่อย”

“คุณจำเป็นต้องโหดร้ายแบบนี้ใช่ไหม?” ชางหวยซูชี้ไปที่เธอ

“คนที่โหดร้ายก่อนคือพวกคุณต่างหาก” ชางหลิงสบตากลับ นัยน์ตาเยือกเย็น

ชางหวยซูโดนเธอจ้องมองจนแอบกลัวในใจ

ชางหลิงในปัจจุบันไม่เหมือนกับชางหลิงในความทรงจำของเขาเลยราวกับเป็นคนละคนกัน เขาควบคุมเธอไม่อยู่แล้ว

“คุณพ่อ ไม่ต้องไปขอร้องเธอ” ชางฉิงพยุงจ้าวหลันจือเดินมาข้างชางหวยซู “ตระกูลชางยังมีฉันอยู่ พวกคุณไว้ใจได้เลย ฉันจะไม่มีทางทำให้ตระกูลล้มละลายเด็ดขาด”

ถึงจะโดนไล่ออกจากเซิ่งซื่อแล้วทำไม? แต่โหมวยู่ชอบเธอนี่เป็นความมั่นใจสูงสุดของเธอ เดิมทีเธอก็ไม่ได้มีความตั้งใจในการงานและไปแข่งขันกับคนอื่นอยู่แล้ว ถ้าได้เป็นคุณนายโหมวขึ้นมา ใครจะยังอยากไปทำงานอีก

“แต่……” ชางหวยซูมีความกังวล

ชางฉิงมาพูดกระซิบข้างหูชางหวยซูไม่กี่คำ ทำเอาตาชางหวยซูสว่างขึ้นมาทันที

“จริงเหรอ?” เขายืนยันกับเธออีกรอบ

ชางฉิงพยักหน้า

ชางหลิงมองดูการเล่นกลของพวกเขาสองพ่อลูก ก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ถ้าอย่างงั้น พวกคุณก็ไปจัดการกันเองแล้วกันนะ”

เธอบิดขี้เกียจและหาว “หลีซิน คุณช่วยฉันไปส่งพวกเขาหน่อยนะ ฉันง่วงแล้วจะไปนอนต่อละ”

ชางหลิงเดินออกไปจากห้องรับแขกแบบชิวๆ ปล่อยให้คนด้านหลังใช้สายตาจ้องมองเธอจนจะกลายเป็นรูแล้ว

ขึ้นไปชั้นบน ชางหลิงเห็นกล่องกระดาษที่วางอยู่ในห้องรับแขก คงจะเป็นหลีซินที่ช่วยเธอจัดเก็บของถึงครึ่งแล้วโดนคนในตระกูลชางรบกวน เธอเก็บแขนเสื้อขึ้นและเริ่มจัดการเก็บของเอง

ผ่านไปไม่นานหลีซินก็ขึ้นมาชั้นบน พอเห็นเธอบนใบหน้าก็เริ่มมีความกังวล

“พี่สะใภ้ส่งพวกเขากลับไปแบบนี้ แล้วคราวหน้าพวกเขาจะมาหาเรื่องคุณอีกไหม”

จะว่าไปมันก็บังเอิญเหลือเกิน เขาคิดว่าหัวหน้าของเขากับความสัมพันธ์ทางครอบครัวถือว่าแย่แล้ว แต่ไม่คิดว่าพี่สะใภ้คนนี้กับความสัมพันธ์ทางครอบครัวยิ่งแย่กว่าอีก

“ไม่ว่าวันนี้จะจบยังไง พวกเขาก็จะมาหาเรื่องฉันอีกแน่นอน” ถึงแม้จะจนปัญญาแต่มันก็คือความจริง

ชางหลิงถอดหายใจ “ตระกูลชางคือหลุมลึก พวกเขาโลภมากจนถึงขั้นที่คุณไม่สามารถคาดคิดได้ ถึงแม้วันนี้ฉันตกลงช่วยชางฉิงบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ครั้งต่อไปเธอก็ยังจะมาทำร้ายฉันอีก ถึงแม้วันนี้พวกเขาเอาสิบล้านไปจากคุณ พอรอเงินพวกนี้ใช้จนหมด พวกเขาก็จะมาขอที่คุณด้วยเหตุผลอื่นอีก”

อยู่ด้วยกันมาหลายปีขนาดนี้ ถึงแม้เธอรู้สึกว่าตัวเองรู้จักนิสัยคนในตระกูลชางดี แต่ว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆนี้ก็ทำให้เปลี่ยนความคิดเธอใหม่ทันที

“แล้วคุณมีวิธีแก้ปัญหาไหม?” หลีซินถามเธอ

“ไม่มี” ชางหลิงพูดอย่างใจลอย “ที่ฉันจะเอาหุ้นส่วนเพราะอยากหาเรื่องให้พวกเขาไม่สบายใจล้วนๆ ฉันรู้พวกเขาไม่มีทางให้ฉัน และฉันก็รู้ว่าถึงฉันเอาไปก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลชางฟื้นขึ้นมาได้”

หลีซินละอายใจ เขารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ควรเพ้อฝันไปไกลต่อชางหลิง

ท้องฟ้าเริ่มมืด สัมภาระของชางหลิงยกขึ้นใส่บนรถหมดแล้ว ชางหลิงยืนอยู่หน้ารถและยิ้มให้หลีซิน “เสร็จแล้ว ส่งถึงตรงนี้ก็พอ คุณก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วรีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ”

อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เธอก็รู้สึกเสียดายถึงแม้อายุหลีซินใหญ่กว่าเธอแต่ยังไงก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวโต ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาดูแลเธอได้ดีมากราวกับเป็นพี่ชายที่สนิทสนม

“ขอบคุณนะหลีซิน หวังว่าพวกเราเป็นจะเพื่อนกันตลอดนะ”

หลีซินพยักหน้า มีความเศร้าอยู่เช่นกัน

“ไม่ว่าตอนไหน Novaก็เป็นบ้านคุณตลอด พวกเรายินดีต้อนรับคุณกลับมาเสมอ”

ชางหลิงยิ้มและโบกมือขึ้นรถ

หลีซินมองดูรถที่เริ่มหายไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็เริ่มจืดจางลง เขาจับกุมหน้าอกไว้อย่างทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกโล่งๆอะไรสักอย่างในใจยิ่งอยู่ยิ่งหนักขึ้นทำให้เขาอดเศร้าไม่ได้

แต่ว่าความเศร้าแบบนี้ เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นความรู้สึกยังไง เขาไม่กล้าคิดลึกและคิดลึกไม่ได้

คนขับรถเอาของสัมภาระวางไว้ที่หน้าประตู ชางหลิงกล่าวขอบคุณกับเขาแล้วเปิดประตูเข้าไป

ในห้องไม่ได้เปิดไฟ ชางหลิงถอดหายใจ หมดอาลัยตายอยาก

วันนี้เธอนั่งดูโทรศัพท์ทั้งวัน หลังจากที่โหมวยู่จากไปก็ราวกับหายไปบนโลกเลย ไม่แม้แต่จะส่งข้อความมาให้เธอเลยสักข้อความ

เขายังจะกลับมาอีกไหม?

ชางหลิงมองดูห้องที่มืดไปหมด ความรู้สึกเหงาโดดเดี่ยวที่ไม่เคยมีมาก่อนก็โผล่ขึ้นมา

อยู่ในNova เธอคุยเล่นกับหลีซินได้ ตรงนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงมากมาย มีคนเยอะแยะไปทั่ว แต่ตอนนี้พอย้ายเข้ามาบ้านหลังใหญ่ จู่ๆเธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในหลุมฝังศพ

เธอเปิดไฟเตรียมเอาของตัวเองจัดวางไว้ให้ดี แต่ทันใดที่ไฟในห้องสว่างคนที่นอนอยู่บนโซฟาก็ทำเอาเธอตกใจไปใหญ่

“โหมวยู่?” เธอรีบเดินไปหา

เขาอยู่ในบ้าน?

โหมวยู่นอนหงายอยู่บนโซฟา ขาอีกข้างวางลงบนพื้น เพราะว่าจู่ๆไฟก็สว่างขึ้นมากะทันหัน เขายกแขนขึ้นมาบังหน้าตัวเองเพราะความไม่ชิน

ชางหลิงยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าอย่างแรง

เขาดื่มเหล้าอีกแล้ว?

“คุณกลับมาเมื่อไหร่?” ชางหลิงนั่งลงข้างเขา

โหมวยู่ลืมตาขึ้นมา บนใบหน้าเขายังมีรอยแดงหลังจากดื่มเหล้ามา สายตาเหม่อลอย พอเห็นชางหลิง เขาก็รีบลุกขึ้นมาในเวลาแรกและสวมกอดเธอไว้แน่น

“ทำไมคุณพึ่งกลับมา ฉันคิดถึงคุณ” เขาใช้หัวถูไถบนแก้มของเธอ ผมสั้นทิ่มแทงไปที่ชางหลิงทำให้เธอรู้สึกคัน

ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกันแน่เนี่ย พอดื่มเหล้าก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นน้องหมาน้อยที่ติดคนเฉย ไม่เหมาะกับคาแรคเตอร์ท่านปาะธานเผด็จการของเขาเลย

“คุณดื่มเยอะอีกแล้ว?” ชางหลิงขมวดคิ้ว ทีแรกเธอยังนอยเรื่องเมื่อเช้าอยู่ แต่พอเห็นสภาพเขาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องอาละวาดยังไง

“หลิงหลิง” ระหว่างที่โหมวยู่พูดอยู่ก็ขึ้นบนตัวเธอและสวมกอดเธอไว้

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท