ชางหลิงมองดูนาฬิกาที่อยู่บนฝาผนัง “อ้าว ใกล้ถึงเวลานอนกลางวันของฉันแล้ว ถ้าไม่คุกเข่าฉันก็จะไม่รออยู่เป็นเพื่อนละ”
เธอทำท่าทีจะลุกขึ้นและจ้าวหลันจือก็ตัดสินใจได้สักที
“ได้!” เธอกัดฟันพูด “ฉันคุกเข่า!”
“คุณแม่!” ชางฉิงร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า
คู่สามีภรรยาชางเจิ้งตงเตรียมจะห้ามเธอไว้ แต่ขาทั้งสองข้างของจ้าวหลันจือคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว และคุกเข่าลงต่อหน้าชางหลิง
“หลิงหลิง ขอร้องคุณปล่อยลูกฉันไปเถอะนะ” เสียงของจ้าวหลันจือสั่น
ชางหลิงเชิดหน้าใส่ วินาทีที่จ้าวหลันจือคุกเข่าลงพื้น จู่ๆก็สะเทือนถึงใจของเธอ ดวงตาเริ่มมีน้ำตาซึมออกมา
ถ้าไม่มีพวกเธอสองแม่ลูก เธอก็ยังสามารถมีความรักที่งดงามยิ่งใหญ่ที่สุดของแม่ แม่ของชางหลิงเป็นผู้หญิงดีเด่นที่มีพรสวรรค์ แต่สุดท้ายเพราะครอบครัวบ้านนี้เลยทำให้ตกอับ
“ก้มกราบด้วย” ชางหลิงพูดต่อ
“ชางหลิง!” ชางหวยซูตะคอกใส่ “คุณอย่าทำตัวมากเกินนะ!”
“ฉันแค่รับแทนแม่ของฉัน หรือว่าพวกเธอสองแม่ลูกไม่ควรจะก้มกราบให้คุณแม่ของฉันที่เสียชีวิตไปแล้วหรือไง?” ชางหลิงเงียบสงบเหมือนเดิม แต่นิ้วมือกลับหยิกแขนตัวเองไว้แน่น
“ฉันกราบ” ตาจ้าวหลันจือแดงไปหมด เธอก้มเอวลงไปคลานอยู่บนพื้น
“วั่นชิง หลิงหลิงฉันขอโทษพวกคุณ ฉันมากราบขอโทษพวกคุณที่นี่!” น้ำเสียงของเธอแหบ
“คุณแม่!” ชางฉิงก็คุกเข่าตามด้วย “ลูกสาวไม่ได้เรื่องเอง……”
น้ำตาของชางหลิงไหลลงมา เธอยกมือขึ้นมาเช็ดเงียบๆแต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่
สิบสี่ปี รอมาสิบสี่ปี ในที่สุดเธอก็ได้รับคำขอโทษจากจ้าวหลันจือแทนคุณแม่ของเธอ
แล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ? จ้าวหลันจือและชางฉิงก็ยังมีชีวิตดีๆอยู่บนโลกใบนี้ แต่แม่ของเธอกลับกลายเป็นกระดูกขาวที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินลึก
“หลิงหลิง คุกเข่าก็ทำแล้ว หัวก็ก้มกราบแล้ว ตอนนี้คุณตกลงจัดงานแถลงข่าวได้แล้วใช่ไหม” จ้าวหลันจือถามเธอ
ชางหลิงยิ้มแห้ง
“ฉันเคยบอกตอนไหนว่าฉันจะตกลงจัดงานแถลงข่าว?”
“คุณ!” ทรุดตัวลงกับพื้น “คุณเล่นฉันอยู่งั้นเหรอ?”
“ชางหลิง!” ชางฉิงโมโหเตรียมโถมตัวไป “ฉันจะฆ่าคุณ!”
บอดี้การ์ดชุดดำรีบพุ่งเข้ามากักตัวของชิงฉางไว้ ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดร้องของผู้หญิงและเสียงร้องไห้ของโจวรุ่ยฟางก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน
“ชางหลิง!” ชางหวยซูพุ่งเข้ามาแต่บอดี้การ์ดชุดดำปิดกั้นตัวเขาไว้ไม่ให้เขาเข้าใกล้ชางหลิง “คุณพูดกลับคำได้ยังไง! ทำไมตระกูลชางถึงมีของดุร้ายอย่างคุณออกมาด้วย!”
ชางหลิงจัดเสื้อที่ใส่อยู่บนตัวและยิ้มอย่างนิ่งเฉย
“ทำไม แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?” ชางหลิงมองไปที่ชางฉิง “คุณยอมรับว่าคุณอยากฆ่าฉันสักทีสินะ? ทำไมไม่แสดงละครต่อ? ชางฉิง พี่สาวแค่อยากให้คุณได้บทเรียนดีๆบ้าง ทุกคนไม่ใช่คนโง่กันนะ คุณคิดว่าแค่ร้องไห้ทำตัวน่าสงสารก็จะมีคนมาช่วยคุณงั้นเหรอ? ตอนนั้นตอนที่คุณคิดหาวิธีเพื่อที่จะทำร้ายฉันแล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าจะมีเรื่องอย่างวันนี้ล่ะ?
“คุณปล่อยฉันนะ?” ชางฉิงพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากการปราบปรามของบอดี้การ์ดชุดดำ แต่เธอเป็นเพียงผู้หญิงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
“คุณลองพูดดูสิ ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยฉิงฉิง” ชางหวยซูรู้ว่าชางหลิงมีจุดประสงค์อื่น
ชางหลิงลืมลูกตาขึ้นแล้วเดินไปทางชางหวยซู “คุณท่านชาง พวกเขาประสบการณ์น้อย หรือว่าคุณก็มึนสับสนไปด้วย? อันนี้เป็นเซิ่งซื่อนะ ใบประกาศที่พวกเขาสั่งมาจะให้เด็กฝึกงานอย่างฉันมีสิทธิ์ที่จะไปแก้ไขได้ยังไง? ถึงแม้ฉันไปแถลงข่าวก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกแค่ว่าฉันมีความกดดันจากทางตระกูล เลยจำเป็นต้องมาแก้ตัวให้ชางฉิง ถ้าถึงตอนนั้นเดียวยิ่งกลายเป็นตัวตลกไปอีก”
สีหน้าชางหวยซูชะงัก
คำพูดของชางหลิง……ก็เหมือนจะถูก
“แต่ว่าฉันรู้สึกแปลกใจ วันนี้ทั้งครอบครัวของพวกคุณมาที่นี่ก็เพื่อให้ฉันให้อภัยชางฉิงแค่นี้เหรอ? ไม่ได้มีเหตุผลอื่น?”
ชางหลิงรู้อยู่แล้วว่าคุณพ่อของเธอและคุณปู่คุณย่าของเธอเป็นคนนิสัยยังไง เหตุผลที่พวกเขาให้ความสำคัญกับชางฉิงขนาดนี้ก็เพราะชางฉิงเชื่อฟังและยอมทำตามที่พวกเขาสั่ง จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้กับตระกูลชาง
และแน่นอน หลังจากที่ชางหลิงพูดจบ ชางเจิ้งตงและชางหวยซูสองพ่อลูกก็สบตากัน
“ชางหลิง” ชางเจิ้งตงพูด “ครอบครัวเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องโวยวายให้ดูน่ารังเกียจขนาดนี้ ให้คนพวกนี้ถอยออกไปซะ ทำแบบนี้มันกลายเป็นสภาพอะไรละเนี่ย”
ชางหลิงยิ้ม เธอส่งสายตาให้บอดี้การ์ดชุดดำให้พวกเขาต่างถอยกลับไป ชางฉิงโดนทิ้งตัวลงบนพื้นและกอดกับจ้าวหลันจือ
ทุกคนต่างนั่งลงกับที่ ชางหลิงไม่ได้พูดอะไรรอพวกเขาพูดประโยคต่อไป
“คืออย่างงี้……ทีแรกตระกูลหยูบอกว่าจะลงทุนให้ตระกูลชาง แต่พอมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น พวกเขาก็มีท่าทีเปลี่ยนไป แถมตอนนี้พวกเรามีโครงการใหม่ที่กำลังจะเริ่มและติดต่อตระกูลหยูไม่ได้ ทางตระกูลหยูพวกเราก็ไม่ไปคาดหวังแล้วก็เลยต้องคิดแผนใหม่เพื่อเป็นทางออก คุณดู……” ชางเจิ้งตงยิ้มอย่างเอาใจ
“ฉันไม่มีเงิน” ชางหลิงตอบอย่างว่องไว “ขนาดบ้านวิวาห์ฉันยังถูกยึดไปเลย พวกคุณคิดว่าฉันยังมีอะไรที่เอาออกมาได้อีก?”
“พวกเรารู้ว่าคุณไม่มีเงิน แต่ว่าคุณหลีมีไม่ใช่หรือไง? กำลังทรัพย์ของเขาพวกเราก็พอรู้อยู่ หุ้นส่วนของNova เก่งกว่าตระกูลหยูเยอะเลยแหละ …… ตอนนี้คุณอยู่กับเขา ก็ไปปรึกษากับเขาให้หน่อยให้เขาช่วยตระกูลชางหน่อย” เป็นครั้งแรกที่ชางเจิ้งตงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำต้อยกับชางหลิง
เขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูล ปกติก็สนใจแค่ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลชาง ไม่เคยประทับใจต่อหลานสาวอย่างเธอเลย
ชางหลิงผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้ พวกคนในครอบครัวตระกูลชางเป็นพวกแวมไพร์ชัดๆ ดูดแม่เธอจนแห้งเหี่ยวไปหมดแล้วตอนนี้ยังจะมาดูดเธออีก
“หลีซินมีเงินแต่อันนั้นก็เป็นเงินของเขา ยังไงพวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปคิดกังวลแทนหรอก” ชางหลิงยิ้มแห้ง “อีกด้านพวกคุณไม่สนใจว่าฉันจะเป็นหรือจะตาย แต่กลับกันอีกด้านก็หวังให้ฉันช่วยพวกคุณ พูดออกไปคงกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น”
“ฉันไม่คุยกับคุณก็ได้ แต่ช่วยเรียกหลีซินมาให้ฉันหน่อย” ชางหวยซูรู้ว่าชางหลิงไม่ตกลงแน่ๆ เขาก็เลยไม่ได้จะคุยสื่อสารกับเธออยู่แล้ว
“ได้” ชางหลิงยักไหล่ เธอจะคอยดูว่าชางหวยซูจะคุยกับหลีซินยังไง
เธอส่งสายตาให้พนักงาน พนักงานออกจากประตูไป ผ่านไปสักพัก หลีซินก็ผลักประตูเข้ามา
“คุณ……” เขากำลังจะเรียกเธอ แต่กลับเห็นชางหลิงส่งซิกผ่านทางสายตามาให้ก็เข้าใจความหมายของเธอทันที “สุดที่รัก คุณหาฉันเหรอ?”
ชางหลิงได้ยินชื่อที่หลีซินเรียกออกมาก็ถึงกับตื่นเต้นจนไอออกมา บรรยากาศของความตึงเครียดถูกทำลายในทันที
“คุณท่านชางบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ชางหลิงทำปากจู๋ชี้ไปทางชางเจิ้งตง
มีเรื่องจะคุยกับเขา?
หลีซินแปลกใจ เขานั่งลงตรงข้ามของชางหวยซู
“คุณท่านชาง คุณเรียกผมมามีธุระอะไร” หลีซินถาม
ชางหวยซูมองไปที่ชางหลิง แต่ชางหลิงกลับทำเป็นหันไปทางอื่น ทำตัวเหมือนไม่อยากมายุ่งเกี่ยวด้วย
“ที่จริงก็ไม่มีอะไร ก็ตอนนี้คุณหลีคบกับลูกสาวของฉันแต่ผ่านไปนานขนาดนี้ยังไม่เคยมาเยี่ยมทักทายกันเลย พวกเราที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่รอพวกคุณไม่ไหวก็เลยต้องมาเยี่ยมทักทายเองก่อน” ชางหวยซูนั่งตัวตรง “คุณหลี ถ้าคุณจริงใจต่อลูกสาวของฉันจริงๆ มีบางเรื่องฉันจำเป็นต้องบอกคุณอย่างชัดเจนก่อน”
“เชิญพูด” หลีซินนิ่งเฉยใจเย็น
“ถึงแม้ตระกูลชางจะเป็นตระกูลเล็กๆที่ไม่มีเงินและอิทธิพลมาก แต่ยังไงถือว่ามีฐานะและอิทธิพลในเมืองหนาน เป็นครอบครัวสามัญจริงจัง จะให้ผู้หญิงในตระกูลของเราตามไปอยู่กับคุณโดยไม่ชัดเจนแบบนี้ไม่ได้ ก็เลยถ้าพวกคุณจะอยู่ด้วยกันก็ต้องทำตามกฎระเบียบ สามหนังสือหกพิธีการ จัดงานแต่ง พิธีของวัฒนธรรมตามมารยาทห้ามขาดสักอย่าง” ชางเจิ้งซูพูดต่อ
ชางหลิงหยักคิ้วเข้าใจความหมายของชางหวยซูสักที
“อันนี้ธรรมดาอยู่แล้ว” หลีซินไม่ได้ปฏิเสธ “ไม่ทราบว่าคุณท่านชางอยากทำยังไง?”
“เรื่องของงานแต่งพวกวัยรุ่นอย่างพวกคุณจะทำยังไงจะจัดยังไงก็ตามใจ แถมความสามารถของNovaก็ไม่ต้องสงสัยแต่ว่าเรื่องค่าสินสอด……” ชางหวยซูชะงัก
คนในห้องรับแขกเงียบกันไปหมด ต่างคนต่างสบตากัน สุดท้ายโจ่วรุ่ยฟางเป็นคนเปิดปากพูด
“สิบล้าน” โจ่วรุ่ยฟางพูดอย่างมั่นใจ “ฉันเป็นคุณย่าของหลิงหลิง ดังนั้นถ้าฉันจะพูดแบบนี้ก็คงไม่ดูล่วงเกินไปหรอก”
สิบล้าน!
ชางหลิงมองบนใส่ นี่พวกเขาให้คุณค่ากับเธอจริง