“เธอเป็นใคร?” จ้าวหลันจือไม่เคยเห็นโม่โม่ ก็เลยไม่รู้ตัวตนของเธออยู่แล้ว
“น่าสนใจดีนะ คุณมาหาโหมวยู่เพื่อลูกสาวแล้ว หรือว่าไม่เคยสืบเลยเหรอว่าฉันเป็นใคร?” โม่โม่แสยะยิ้ม สายตายากที่จะคาดเดา
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอเป็นใคร นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรา ก็มีคุณชายรองโหมวช่วยพวกเราได้อยู่แล้ว” จ้าวหลันจือมองเธออย่างดูถูก ใหญ่แค่ก็ไม่เท่าโหมวยู่หรอก
คำพูดของจ้าวหลันจือทำเอาทุกคนตะลึงกันไปหมด ขนาดชางหลิงยังอดไม่ได้เป็นห่วงแทน จ้าวหลันจือทำตัวอวดดีจนชินแล้ว เป็นความเคยชินจากบ้านนอก เมื่อก่อนเพราะตระกูลชางมีเงินหน่อยก็หยิ่งผยอง ตอนนี้ กลับกล้าท้าทายโม่โม่
“ฉันเป็นว่าที่ภรรยาของโหมวยู่ เขามีงานที่ต้องทำเยอะ เกรงว่าจะไม่มีเวลา แต่ว่า ฉันกับเขาเป็นคนครอบครัวเดียวกัน สิ่งที่เขาตัดสินใจได้ ฉันก็ทำได้” โม่โม่มองดูโหมวยู่ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนจะไม่มีเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
เป็นดังว่า ผู้ชายก็แบบนี้ ผู้หญิงที่สวยมากแค่ไหน พอกลายเป็นดอกไม้ที่ถูกย่ำยีแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วล่ะ
จ้าวหลันจือสีหน้าซีดขาว
ว่าที่ภรรยา……โหมวยู่ มีว่าที่ภรรยางั้นเหรอ? งั้นทำไมชางฉิงถึงบอกว่าโหมวยู่ชอบเธอล่ะ?
ในตอนที่สถานการณ์น่าอึดอัดนั้น เสียงโทรศัพท์ของซูเสี่ยวเฉิงก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เบิกตาโพลงโต
“ให้ตายสิ!” เธออดไม่ได้พูดคำหยาบ “มาอีกแล้ว?”
พอซูเสี่ยวเฉิงพูดจบ ทุกคนก็ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูกัน ถูกข่าวที่ออกมาอีกครั้งดึงดูดความสนใจไป
“เรื่องอื้อฉาวของหญิงสาว บานปลายอีกครั้ง หลังออกเดตกับแฟนหลายคนพร้อมๆกัน ประวัติการเปิดห้องถูกเปิดโปง?”
ซูเสี่ยวเฉิงอ่านออกมา เธอเปิดดูรูป พอเห็นใบหน้าใครคนหนึ่ง ก็ต้องตกใจ “หลิงหลิงเธอดูสิ นี่เป็นผู้ชายต่างชาติที่พวกเราเห็นวันนั้นนี่? เป็นนักมวยใต้ดินที่ถูกหลีซินต่อยจนยับไง”
ทุกคนต่างซุบซิบกันขึ้นมา ชางหลิงจับโทรศัพท์ซูเสี่ยวเฉิงไว้ สีหน้าบนใบหน้าชะงักไปทันที
“ตายแล้ว” จ้าวหลันจือหมดแรงทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น
เธอที่เป็นแม่ของชางฉิง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่ารูปนั้นจริงหรือปลอม ถ้าเรื่องเมื่อคืนชางหลิงตั้งใจใส่ร้าย พอหลักฐานพวกนี้ออกมา ชางฉิงก็ไม่มีโอกาสได้พลิกแพลงสถานการณ์แล้ว
โม่โม่ยิ้มอย่างพอใจ เธอเงยหน้ามองโหมวยู่ และมีความได้ใจ
เธอรู้ว่า แค่เพียงเรื่องเมื่อคืน อาจจะไม่พอที่จะลบชางฉิงออกไปจากหัวใจโหมวยู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นชางฉิงมาหาเขาร้องไห้ทำตัวน่าสงสารอ้อนวอนขอให้เขาให้อภัย แต่ว่าถ้าเปิดโปงเรื่องเมื่อก่อนของเธอ คนทั้งเมืองก็จะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงยังไง
โหมวยู่รักเธอมากแค่ไหน ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่มีผู้ชายคนไหนรับผู้หญิงแบบนี้ได้หรอก โหมวยู่ไม่ให้คนอย่างชางฉิงแบบนี้ ทำให้ตระกูลเสียชื่อเสียงหรอก
สายตาเฉียบคมของโหมวยู่จ้องโม่โม่ ผู้หญิงคนนี้ ฝีมือเด็ดขาดมาก เมื่อคืน ขนาดเขายังถูกเธอตัดหน้าเลย
เขารู้ว่าโม่โม่จะลงมือกับชางฉิง ดังนั้น เขาสั่งฉู่ฉือเตรียมโรงแรมไว้ก่อนแล้ว แต่ว่า เขาไม่คิดเลยว่า โม่โม่จะจับตัวชางฉิงไประหว่างทาง และเปลี่ยนโรงแรม
พอฉู่ฉือพวกเขาไปถึง ก็สายเกินไปแล้ว และต่อมา ก็มีข่าวออกมาทันที
โหมวยู่ทำเสียงฮึอย่างเย็นชา แต่กลับไม่ได้เปิดโปงโม่โม่ทันที แต่กวาดตามองไปที่จ้าวหลันจือ
“เชิญเธอออกไป ต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะไล่พวกนายออกให้หมด!” โหมวยู่ทำหน้าเย็นชา พูดกับพวกยาม
“ครับคุณชายรอง” พวกยามไม่กล้าหายใจเลยด้วยซ้ำ และรีบจับตัวจ้าวหลันจือเข้าไปในลิฟต์
ชางหลิงเหลือบไปเห็นรอยแดงบนคอโหมวยู่ ก็พึ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้จ้าวหลันจือสาดน้ำร้อนเข้ามา
“คุณชายรอง” เธอเข้าไปดูบาดแผลของโหมวยู่ แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้เขา โหมวยู่ก็มองค้อนมา
“ยังมีเธออีก คนในบ้านเธอมาทำเรื่องวุ่นวายในบริษัท กระทบถึงการทำงานของทุกคน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอรับผิดชอบไหวเหรอ?”
น้ำเสียงเขาเข้มงวด ชางหลิงตกใจจนใจสั่น
โหมวยู่เป็นอะไรไป? ทั้งที่เขารู้ว่าเธอไม่ได้ทำอะไร ทำไมถึงมาดุเธอแบบนี้ล่ะ?
หลิวจื่อเวยตอนแรกยังคิดว่าชางหลิงกับเขามีอะไรกัน เพราะโหมวยู่ออกมาปกป้องชางหลัง ตอนนี้ดูแล้ว ก็งั้นๆสินะ
“ขอโทษค่ะ” แม้เธอจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของชางฉิง แต่จ้าวหลันจือมาโวยวายเธอจริงๆ
“เรื่องนี้ถ้าไม่จัดการให้เสร็จ เธอก็ไม่ต้องมาทำงานอีก” โหมวยู่พูดอย่างเย็นชา และก้าวเดินออกไปทันที
ชางหลิงยืนนิ่งอยู่กับที่ ก็ไม่เข้าใจว่าโหมวยู่หมายความว่ายังไง? อะไรคือเธอไม่ต้องมาทำงานอีก? เขาจะไล่เธอออกงั้นเหรอ?
โม่โม่ยิ้มให้กับชางหลิง เดินเข้าไปตบบ่าเธอเบาๆ “โหมวยู่ก็เป็นแบบนี้ เธออย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
ชางหลิงก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเดินไป เธอยังไม่รู้ว่าเลยเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
“เธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ รอเรื่องซาลงค่อยกลับมา” โม่โม่ปลอบใจเธอ “พวกเราเก็บสิทธิการแข่งขันไว้ให้ ช่วงนี้ เธอก็กลับไปเตรียมตัวที่บ้านแล้วกันนะ”
ชางหลิงยังไงก็เป็นพี่สาวของชางฉิง เธออยู่ที่นี่ ก็คงทำให้โหมวยู่นึกถึงเรื่องของชางฉิง ทหให้เธอหายไปด้วยอีกคนก็ดี ส่วนสิทธิการแข่งขันอะไรนั่น ก็แค่คำโกหกของโม่โม่ ทำงานที่บริษัทก็จะได้ข่าวใหม่และข้อมูลที่ใหม่กว่า เธอทำงานที่บ้าน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว
ถึงตอนนั้นก็แค่เดินตามพิธี ตัดสิทธิเธอออก พี่น้องตระกูลชางก็จะได้ออกจากเซิ่งซื่อ โลกของเธอกับโหมวยู่จะได้สงบสุขสักที
“แต่ว่า……” ซูเสี่ยวเฉิงกำลังจะพูดอะไร แต่ก็ถูกชางหลิงห้ามเอาไว้ก่อน
“ขอบคุณค่ะคุณโม่” เธอโค้งคำนับโม่โม่
เรื่องที่เกิดขึ้นกับชางฉิงก็น่าตกใจพอแล้ว แม้เธอกับชางฉิงจะมีความแค้นกันมากแค่ไหน ตอนที่ทะเลาะกันก็เคยคิดจะทะเลาะกันจนตายไปข้าง แต่ว่า ยังไงชางหลิงก็เป็นผู้หญิง เธอรู้ว่าการที่ผู้หญิงเจอเรื่องแบบนี้มันน่าหดหู่แค่ไหน
เมื่อกี้เธอสังเกตสีหน้าโหมวยู่ที่มีต่อโม่โม่ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคนแน่
ชางหลิงใจเย็นวาบขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังตัวสั่นเล็กน้อย ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอบ้าง เกรงว่า เธอคงจะไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
ชางหลิงเก็บข้าวของตัวเองออกจากบริษัท แต่ว่า พอเดินมาถึงประตูบริษัท ก็เห็นหลีซินยืนรออยู่หน้ารถ
ชางหลิงรู้ว่าโหมวยู่สั่งมา เป็นไปตามที่คิดเลย รอหลีซินส่งเธอกลับมาแล้ว โหมวยู่ก็รออยู่ในคลับแล้ว
“นายทำใช่ไหม?” ชางหลิงเปิดประเด็นทันที เธอเอาของตัวเองวางลงพื้นอย่างแรง และถามโหมวยู่
โหมวยู่เงียบ ไม่ได้ตอบคำถาม
แม้จะไม่ใช่เขาทำ แต่เรื่องนี้ เขาก็มีส่วนอยู่
“นายไม่พูดก็แสดงว่ายอมรับแล้วสินะ” ชางหลิงเดินไปข้างๆโหมวยู่
“หรือว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรือไง?” โหมวยู่เงยหน้ามองเธอ “ชางฉิงทำแบบนั้นกับเธอ เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายชางฉิงกลับบ้างเลยหรือไง?”
“ฉันไม่ได้เห็นใจเธอ” ชางหลิงตอบ “เธอเป็นแบบนี้ก็สมควรแล้ว แต่โหมวยู่ ไม่ว่าเธอเป็นยังไง นายใช้คนไป……ไปข่มขืนเธอ นี่นายกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายนะ! นายมีอำนาจขนาดนี้ มีหลายพันหมื่นวิธีที่จะสั่งสอนเธอ ทำไมถึงเลือกวิธีการที่สกปรกแบบนี้ล่ะ?”
โหมวยู่ขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบโต้คำพูดของเธอ
วิธีนี้สกปรกจริง เขาเคยคิดว่าโม่โม่จะทำยังไงกับชางฉิง เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเขาเลยสั่งฉู่ฉือเตรียมตัวไว้ก่อน แต่ว่า โม่โม่สมควรแล้วที่เติบโตมาจากตระกูลโม่ ฝีมือของเธอ ชนะเขาขาดลอยเลย
“นายนี่มันสุดยอดจริงๆนะ” ชางหลิงนั่งลง มือไม้เย็นเฉียบ
ก่อนหน้านี้ซูเสี่ยวเฉิงเคยบอกว่าโหมวยู่เป็นคนเด็ดขาด ดุเดือดรุนแรง เธอยังคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น แต่ว่า ตอนนี้เธอเห็นเองกับตาแล้ว ก็รู้สึกเย็นวาบที่หลัง แต่ทุกอย่างนี้ ตัวเองกลับเป็นคนช่วยหลักดันอยู่เบื้องหลัง เธอบอกกับโหมวยู่ให้เขาช่วยแก้แค้นเอง แต่พอมาวันนี้ แก้แค้นสำเร็จแล้ว เธอกลับรู้สึกเหมือนจิตสำนึกตัวเองก็หายไปด้วย
“เมื่อกี้ฉันยังบอกกับจ้าวหลันจือว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ว่า สิ่งที่นายทำกับฉันทำก็ไม่ต่างกันนี่?” วันนั้นจ้าวหลันจือคุกเข่าต่อหน้าเธอแล้ว แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากช่วย แต่ในใจกลับตัดสินใจว่าขอโอกาสจากโหมวยู่อีกครั้ง ไม่ปล่อยชางฉิง แต่อย่างน้อยก็อย่าปิดกั้นโอกาสและหนทางในอาชีพของเธอเลย
พอมาวันนี้ เรื่องก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ชางหลิงไม่รู้แล้วว่าควรทำยังไงดี
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ฉันจะรับผิดชอบเอง” เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะเขา
อย่าว่าแต่ชางหลิงเลย ขนาดโหมวยู่มาคิดแล้วก็ยังต้องกลัว ตระกูลโม่น่ากลัวมากจริงๆ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับชางหลิงล่ะ……
ให้ชางฉิงเข้าเซิ่งซื่อ ก็เพื่อตบตาทุกคน ไม่อยากให้ชางหลิงเป็นที่สังเกต เขาพยายามตัดอำนาจของตระกูลโม่ออกไป ในตอนที่กำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่า ชางหลิงกลับไล่ชางฉิงออกจากเซิ่งซื่อ ทำให้ชางฉิงกลายเป็นสุนัขจนตรอก คิดจะฆ่าชางหลิง
ชางหลิงเป็นคนปากแข็งแต่ใจอ่อน ปากบอกว่าเกลียดชางฉิงเข้าไส้ แต่ในใจกลับไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่นิสัยเธอแบบนี้ ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนรอบข้างคิดไม่ซื่อ จะถูกหลอกใช้ได้
ชางหลิงนั่งอยู่กับที่ โทรศัพท์กลับได้รับข้อความ เธอเปิดออก เป็นข้อความจากชางหวยซู
——ฉิงฉิงฆ่าตัวตายแล้ว ชางหลิง ตอนนี้เธอพอใจหรือยัง?