ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 84 ไปจากเมืองหนาน

บทที่ 84 ไปจากเมืองหนาน

บทที่ 84 ไปจากเมืองหนาน

ชางหวยซูถอยออกจากอาคารที่ชางหลิงอยู่ และกลับไปที่ห้องผู้ป่วยของชางฉิง

“เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นชางหวยซูจ้าวหลันจือก็รีบทักทายเขา “หล่อนตอบรับแล้วหรือยัง?”

ชางหวยซูส่ายหัว โดยไม่ได้ตอบกลับ

บนเตียงผู้ป่วย ชางฉิงก็ยังคงหลับสนิทอยู่หล่อนกินและนอนพักตามปกติ มาตั้งหลายวันแล้ว แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักคำ

“หล่อนกำลังคิดยังไงกันแน่? ฉิงฉิงถูกทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว แม้แต่ตระกูลชางก็จะไม่ปล่อยไปด้วยงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติที่แม่ของหล่อนทิ้งไว้หรอกเหรอ? หล่อนจะทนดูมันล่มสลายอย่างนี้ไปงั้นเหรอ?”

ที่จริงแล้วจ้าวหลันจือไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าทรัพย์สมบัตินี่จะเป็นของใคร หล่อนรู้แค่ว่า ถ้าตระกูลชางจบแห่แล้วหล่อนกับชางฉิงก็จะใช้ชีวิตที่ยากลำบากไปด้วย

หล่อนมาจากชนบทอย่างยากลำบาก ถึงได้เสพสุขกับชีวิตภรรยาของครอบครัวที่พรั่งพร้อมด้วยความสุขมา 10 กว่าปี แล้วจะปล่อยให้มันหายไปแบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?

“กลายเป็นแบบนี้แล้ว มันยังไม่ใช่เพราะพวกคุณทำร้ายอีกเหรอ?” ชางหวยซูนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหนักอึ้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวที่ดีของคุณต้องการเข้าไปแทรกแซงการแต่งของชางหลิงล่ะก็ ตอนนี้ตระกูลหยูก็คงกลายเป็นญาติของเราไปแล้ว และตระกูลชางก็คงผ่านช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันกับความยากลำบากมานานแล้ว”

“เฮ้ย!” จ้าวหลันจือไม่พอใจ “เรื่องของชางฉิงกับหยูเฉินในตอนแรกนั้นคุณก็ยังเห็นด้วยเลย ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นความผิดของเราไปทั้งหมดล่ะ? และการไล่ชางหลิงออกจากตระกูลชาง ก็เป็นความคิดของตัวคุณเองนิ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีใครบังคับคุณด้วย”

“นอกจากนี้ คุณให้ความสำคัญกับลูกสาวคนโตของคุณขนาดนี้ ทำไมตอนนี้หล่อนถึงไม่มาช่วยคุณในตอนที่คุณตกทุก ได้ยากล่ะ?”

“คุณก็ยังมีหน้ามาพูดนะ? การไปเจรจาครั้งที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะชางฉิง บอกกับฉันว่าหล่อนสามารถจัดการโหมวยู่ได้สำเร็จ ฉันจะยอมปล่อยปลาใหญ่หลีซินตัวนั้นไปเหรอ? ชางหวยซูโดนทำให้โกรธอย่างมาก “ดีแล้วที่ตอนนี้ ยังไม่ได้จัดการโหมวยู่ แถมยังใส่ชื่อเสียงของตระกูลชางลงไปอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ทุกคนข้างนอกต่างก็พากันหัวเราะเยาะตระกูลชาง มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว”

ชางฉิงที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาทันทีหล่อนจ้องไปที่เพดานด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว และรอยฟกช้ำที่มุมปากของหล่อนก็ชัดเจนอย่างมาก เหมือนกับผีดูดเลือดที่หิวโหยจนใกล้ตายอย่างไงอย่างงั้นเลย

“ฉิงฉิงกลายเป็นแบบนี้ ยังไม่ใช่นางชั้นต่ำคนนั้นที่ทำร้ายอีกเหรอ เพราะเราเห็นแก่หน้าของทั้งครอบครัวเลยไม่ได้ไปฟ้องร้องหล่อน หล่อนน่ะเป็นคนดี และยังชอบโอ่เพื่อเอาหน้าอีก” จ้าวหลันจือจะไม่ยอมให้อภัย “ลูกสาวของฉันกลายเป็นแบบนี้ ทำไมหล่อนถึงยังมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ที่นั่นอีก?”

“ฟ้องร้องหล่อนเหรอ? คุณมีหลักฐานไหมล่ะ? หรือมีแค่ปากของคุณ?” ชางหวยซูส่งเสียงเย็นชา “ไม่ว่าหล่อนจะเป็นยังไงหล่อนก็ยังเป็นลูกสาวของตระกูลชาง คุณทำลายไปคนหนึ่งไม่พอ ยังอยากจะส่งอีกคนเข้าคุก อยากจะพังทลายตระกูลชางลงจนถึงที่สุด และเราทุกคนก็ไปขอทานที่ถนนอย่างนั้นใช่ไหม?”

“นอกจากนี้ ใครบอกล่ะว่าจะต้องเป็นชางหลิงทำ? ผมพูดไปตั้งนานแล้วนะว่า ตระกูลโหมวไม่ได้ยั่วยุง่ายขนาดนั้น เพราะตระกูลโหมวมีการหมั้นหมายกับตระกูลโม่แล้ว และลูกสาวคนดีก็กลัวความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ดังนั้นชางฉิงจึงเปลี่ยนเป็นดี เพราะกลัวคนอื่นจะไม่รู้ และต้องเข้าไปใกล้ ไม่รู้ตระกูลโหมวและตระกูลโม่เป็นตระกูลอะไรเหรอ แล้วพวกคุณคิดว่ามันสามารถยั่วยุได้จริงเหรอ?”

ได้ยินชางหวยซูพูดดังนั้นจ้าวหลันจือก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ

“คุณกำลังจะพูดว่า เรื่องนี้ของฉิงฉิง…อาจจะเป็นตระกูลโหมวหรือตระกูลโม่เป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?” จ้าวหลันจือครุ่นคิด “คุณพูดแบบนี้ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า วันนั้นที่ฉันไปที่บริษัทเซิ่งซื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจริงๆ ด้วย และหล่อนก็พูดว่า หล่อนเป็นคู่หมั้นของโหมวยู่… ”

“คุณพบกับคุณหนูตระกูลโม่จริงๆ เหรอ?” ชางหวยซูก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน

“ฉัน…ฉันจะไปรู้จักคุณหนูตระกูลโม่ที่ไหนกันล่ะ…” จ้าวหลันจือ หวาดผวา

“คุณ…คุณ…” ชางหวยซูชี้ไปที่จ้าวหลันจือ อีกนิดเดียวเขาก็จะโดนหล่อนทำให้โกรธจนเป็นลมไป

“ตระกูลโม่เป็นใคร? หรือว่าคุณสามารถยั่วยุพวกเขาได้? สาวๆ ที่สูญเสียด้วยมือของโม่โม่นั้นมีเยอะมาก ทำไมพวกคุณถึงไม่รู้จักเข็ดจำไว้เล่า? ถ้าเป็นตระกูลหยู ทั้งชางหลิงและหลีซินอาจยังมีแรงที่จะไปสู้นะ ถ้าตระกูลโม่เข้ามาแทรกแซง ธุรกิจของตระกูลชางล่ะ คุณ… คุณจะให้ผมไปหาใครล่ะ!”

สีหน้าจ้าวหลันจือซีดเซียวหล่อนก็เข้าไปที่นั่งเก้าอี้ซึ่งอยู่ข้างๆ อย่างหนักอึ้ง และรู้สึสับสนเช่นกัน

ชางฉิงฟังสิ่งที่ชางหวยซูพูดแล้ว ในที่สุดท่าทางในสายตาของหล่อนก็เปลี่ยนไป

หล่อนลืมไปว่ายังมีโม่โม่อีกคน… แต่โหมวยู่ไม่ได้บอกเหรอว่า จะคอยปกป้องหล่อนทุกด้าน? ทำไมถึงปล่อยให้โม่โม่ลงมือกับหล่อนล่ะ?

เพียงแค่ตั้งแต่ที่หล่อนเกิดอุบัติเหตุ มาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 5 วันเต็มๆ แล้ว5วันนี้ โหมวยู่ไม่เคยมาเยี่ยมหล่อนเลย…

หรือเป็นเพราะเขารู้เรื่องพวกนั้นเลยทอดทิ้งหล่อน? แต่ว่าในตอนแรกทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหล่อนเคยตั้งท้องลูกของคนอื่นนั้นเขาก็ไม่ได้รังเกียจหล่อนเลยนะ แล้วเขาจะทอดทิ้งหล่อนเพียงเพราะเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับชางหลิง เพราะเรื่องนี้ หล่อนไม่ควรคิดล้างความสัมพันธ์!

“แล้วตอนนี้ควรทำยังไงดี?” จ้าวหลันจือตกตะลึง “ตระกูลชาง จะหายไปแบบนี้ไม่ได้นะ ฉิงฉิงสุขภาพไม่ดี หล่อนยังต้องการเงินการรักษา…”

ในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแต่กลับไม่มีความสามารถในการให้กำเนิดบุตร แล้วในอนาคตหล่อนจะแต่งงานยังไง?

“ฉันจะไปขอร้องชางหลิงเอง ฉันจะคุกเข่าให้หล่อน และให้เงินหล่อนสักหน่อย แม้ว่าหลอนจะไม่สามารถช่วยตระกูลชางได้ อย่างน้อยก็ให้เงินสักหน่อยคงจะให้ได้อยู่บ้าง” หล่อนพูด พร้อมกับกำลังจะออกจากประตูไป

“หยุดยู่กับที่เดี๋ยวนี้!” ชางหวยซูส่งเสียงดุด่าอย่างดัง

ชางหลิงเพิ่งบอกมาว่าให้แม่ลูกพวกหล่อนสงบลงบ้างคุณไปตอนนี้ก็คงจะเอาแต่ไปสร้างปัญหาสะเปล่า ไม่ใช่ว่าอยากจะไปบังคับให้ชางหลิงดูตระกูลชางตายต่อหน้าหรอกเหรอ

“อยู่ที่นี่แหละ ชางหลิงทางนั้นไม่จำเป็นต้องให้คุณไปยุ่งหรอก!” ชางหวยซูพูดอย่างขมขื่น พร้อมกับยืนขึ้น “ปัญหายังไม่ใหญ่พออีกหรือไง ยังจะสร้างปัญหาอีก ตระกูลชางจะถูกทำลายโดยความไม่รู้ของพวกคุณสองคนแล้ว!”

ชางหวยซูเดินออกไปอย่างรวดเร็วและไม่อยากอยู่กับผู้หญิงที่เอาแต่รนหาที่ตายอีกต่อไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าชางหวยซูออกไปแล้ว จ้าวหลันจือก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด หล่อนเช็ดน้ำตา และร้องไห้อย่างสะอื้น

“ร้องไห้ทำไม?” ชางฉิงลุกขึ้นนั่งและไม่ได้เอ่ยปากพูดอยู่นาน น้ำเสียงของหล่อนแหบแห้งมาก

“ฉิงฉิง ลูกตื่นแล้วเหรอ?” จ้าวหลันจือเช็ดน้ำตาของตัวเอง และเดินไปข้างๆ ชางฉิง

“เรื่องมันยังไม่ถึงตอนสุดท้าย” ดวงตาชางฉิงมืดครึ้ม “รอให้หนูอาการดีขึ้น หนูจะไปหาโหมวยู่เอง หนูรู้แล้วว่า ร่างกายแบบนี้ของหนูเขาคงไม่ต้องการแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่หนูกลายเป็นแบบนี้เขาก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย หนูจะให้เขาจ่ายเงินก้อนหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้น เราสองคนจะนำเงินก้อนนี้ และไปจากเมืองหนาน”

“ไปจากเมืองหนานเหรอ?” จ้าวหลันจือประหลาดใจ “แต่… “

เมืองหนานในตอนนี้ ยังมีที่ให้ซุกหัวนอนสำหรับฉันอยู่เหรอ?” ชางฉิงไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าคนภายนอกมองหล่อนยังไง เพราะพยาบาลที่มาเปลี่ยนยาให้หล่อนยังต้องกระซิบอย่างลับๆ เลย แล้วจะนับประสากับคนที่ชอบดูความตื่นเต้นล่ะ

โดยเฉพาะชางหลิง…

ตอนนี้หล่อนคงจะภูมิใจมากสินะ

“ดี” จ้าวหลันจือตอบรับ “เราออกไปกัน ส่วนพ่อที่ไร้ยางอายคนนั้นของลูก เมื่อเห็นว่าลูกกำลังทุกข์ทรมาน ไม่เพียงแต่ไม่ใส่ใจ ยังซวยซ้ำซวยซ้อนอีกด้วยครอบครัวแบบนี้ เราอยู่ต่อไปมันก็ไม่มีความหมายอะไร

“ตระกูลโหมวเป็นตระกูลที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหนาน โหมวยู่รวยกว่าเราอีก ถ้าลูกได้เงินจากเขา แม่จะกลับไปด้วย ฉวยโอกาสตอนที่พ่อของลูกไม่ระวังนั้น ขายบ้านใหม่หลังนั้นไปด้วยสะ มีเงินก้อนนี้แล้ว พวกเราจะไปที่ไหนก็ไม่ต้องกังวลเลย”

ชางฉิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จับผ้าห่มไว้แน่น และในสายตาของหล่อนก็มีความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท