บทที่ 86 เขาไม่เคยบอกว่าชอบหล่อนเลย
ฉู่ฉือก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอชางฉิงที่นี่เขาซ่อนแบบฟอร์มไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับยิ้มอย่างเก้อเขิน
“คุณ ชางฉิงครับ” เขาแสดงความเคารพกับหล่อนอย่างสุภาพ
“คุณชายรองล่ะ? คุณชายรองอยู่ที่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่มาเยี่ยมฉันล่ะ? หรือว่าเขาถูกคนพวกนั้นโกหกหรือเปล่า? ผู้ช่วยฉู่ คุณต้องเชื่อฉันนะคะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันโดนคนใส่ร้าย คุณต้องช่วยฉันคุยกับคุณชายรองนะ” ดูเหมือนชางฉิงจะฉวยความหวังสุดท้ายไว้ได้ หล่อนจับแขนของฉู่ฉือไว้ และพูดอย่างไม่หยุด
“คุณ ชางฉิงครับ” ฉู่ฉือคลายแขนของชางฉิงออก “ขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้คุณชายรองมีธุระเร่งด่วนจนไม่สามารถปริตัวมาได้ ผมว่า เดี๋ยวเขาเสร็จธุระแล้ว ก็คงจะมาเยี่ยมคุณเอง คุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ พอดีว่าผมยังมีงานที่ต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ”
“ฉู่ฉือ!” ชางฉิงไม่ยอม แต่จังหวะก้าวของฉู่ฉือเร็วมาก และไม่หยุดเลย
ชางฉิงมองไปยังภาพด้านหลังของเขาและรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ
ฉู่ฉือมาโรงพยาบาลถ้าไม่ใช่เพราะได้รับคำสั่งของโหมวยู่ให้มาเยี่ยมหล่อน แล้วจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ?
นอกจากนี้ ฉู่ฉือยังเป็นผู้ช่วยติดตัวของโหมวยู่อีก และเขาก็เหมือนเงาตามตัวที่ไม่เคยแยกจากโหมวยู่เลย หรือว่า…โหมวยู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย?
ชางฉิงเดินตามฝีเท้าของฉู่ฉือ และมองเขาขึ้นลิฟต์ไปโดยลิฟต์ขึ้นตรงไปและหยุดระหว่างทางไปหลายครั้ง ในที่สุด ก็หยุดอยู่ที่ชั้นวีไอพีของชั้นบนสุด
ในฐานะโหมวยู่ หากไม่สบายอะไร เขาก็จะเลือกห้องผู้ป่วยวีไอพี ดังนั้น…
ชางฉิงจึงขึ้นลิฟต์ตามไป และกดไปที่ชั้นบนสุด
หลังจากที่มาถึงแล้ว หล่อนก็เดินออกมาจากลิฟต์ และเลือกขึ้นบันไดไป
และที่ประตูห้องผู้ป่วย รถเข็นของชางหลิงก็นำออกมาก่อนหลีซินก็กำลังเข็นหล่อนและเดินไปทางลิฟต์อย่างช้าๆ
ชางฉิงเก็บทั้งหมดนี้ไว้ในสายตาที่หัวมุมบันได
เมื่อได้ยินชางหวยซูพูดว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ชางหลิงก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันกับหล่อน ซึ่งก็อยู่บนชั้นวีไอพีนี้ด้วย
ชางฉิงมองไปที่ใบหน้านั้นของชางหลิง แล้วกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุผลอะไร หล่อนดีเลิศกว่าอีชั้นต่ำชางหลิงไปตั้งเท่าไร่ก็ไม่รู้ด้วยเหตุอะไรทำไมตอนนี้หล่อนถึงถูกคนหัวเราะเยาะในห้องผู้ป่วยทั่วไปที่ชั้นล่างนี้แม้แต่ค่ารักษาพยาบาลก็ยังไม่ขึ้นอย่างเต็มที่ และชางหลิงเองก็แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีสุดหรูขนาดนี้แล้ว!
ความโกรธอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ท่วมเข้ามาในหัวของหล่อน ความอัปยศอดสูทั้งหมดที่หล่อนได้รับนั้นส่งเสียงดังก้องอยู่ในหัวของหล่อน ชางฉิงทำท่าทีว่ากำลังจะพุ่งออกไป
“ช้าลงหน่อย” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากในห้องผู้ป่วยฝีเท้าของชางฉิงก็หยุดชะงัก
โหมวยู่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว โดยยังคงสวมเสื้อแจ็คเก็ตหลวมๆ และกางเกงพร้อมลุยเขาถือเสื้อโค้ตตัวหนึ่งไว้ในมือ และเดินตามรถเข็นของชางหลิง
“ข้างนอกมีลมแรง” โหมวยู่จึงวางเสื้อโค้ตในมือคลุมไว้บนตัวชางหลิงความหลงใหลในสายตานั้น ทำให้ชางฉิงรู้สึกเหมือนโดนน้ำที่เย็นเฉียบกระเซ็นอย่างฉับพลันไปครู่หนึ่ง
โหมวยู่…ทำไมโหมวยู่ถึงอยู่ใกล้ชางหลิงขนาดนั้น?
ชางหลิงไม่ใช่แฟนของหลีซินหรอกเหรอ?
โหมวยู่รับรถเข็นของชางหลิงจากมือของหลีซินและเดินไปใกล้ที่ลิฟต์ทีละก้าว
“พี่สะใภ้ครับ ผมให้คนทำอาหารจานโปรดของพี่แล้ว และรอเดี๋ยวพวกเราจะส่งพี่กลับบ้านนะครับ” หลี่ซินยิ้มอย่างสดใส และเดินตามข้างๆ พวกเขาไป
“ได้เลย หลายวันมานี้ฉันทานโจ๊กจนเกือบจะอ้วกแล้ว ฉันคิดถึงฝีมือของเหล่าเชฟ Nova จริงๆ เลย” ทันทีที่ชางหลิงได้ยินเรื่องกิน ดวงตาหล่อนก็เปล่งประกาย
ชางฉิงตกตะลึงอย่างที่สุด
พี่สะใภ้… หลีซินเรียกชางหลิงว่าพี่สะใภ้? อย่างนั้นก็แสดงว่าคนที่อยู่กับชางหลิง ตลอดที่ผ่านมานั้นไม่ใช่หลีซิน แต่เป็น… โหมวยู่!
ชางฉิงตระหนักถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะของหล่อนเริ่มรู้สึกชา
ถ้าหากโหมวยู่กับชางหลิงอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาถึงต้องส่งดอกไม้ให้หล่อนด้วย? ทำไมต้องซื้อสร้อยคอให้หล่อน แล้วทำไมถึงบอกหล่อนด้วยว่าเขาชอบหล่อน?
เป็นเพราะชางหลิงเกลี้ยกล่อมโหมวยู่… หรือเป็นเพราะหล่อนแย่งเขาไปหรือเปล่า?
ไม่ มันเป็นไปไม่ได้! โหมวยู่ไม่ได้เหมือนกับคนโง่อย่างหยูเฉินต้องไม่ใช่เพราะชางหลิงพูดเกลี้ยกล่อมไปแค่ไม่กี่คำก็ถูกล่อลวงไปแล้วเด็ดขาด
สมองของชางฉิงส่งเสียงดังตูมไปทีหนึ่ง สติทั้งหมดของหล่อนก็เริ่มเลือนราง
ความทรงจำทั้งหมดก็ฉายตรงหน้าหล่อน หล่อนปะติดปะต่อไปเล็กๆ น้อยๆ และรู้สึกเพียงว่าแม้แต่การหายใจของตัวเองก็ยังเริ่มลำบาก
ครั้งแรกที่หล่อนและโหมวยู่พบกันนั้น อยู่นอกวิลล่าของตระกูลชาง ครั้งนั้น โหมวยู่บอกว่าเขามาหาหล่อน แต่กลับทำท่าทีเย็นชาใส่หล่อน และชางหลิงที่โดนพ่อขังไว้ก็หนีรอดไปได้พอดี ครั้งที่สอง เขามาหาหล่อนเพราะเรื่องการทำแท้ง ตอนนั้นหล่อนคิดว่า เขาทำเพื่ออนาคตของหล่อนจึงให้หล่อนปล่อยชางหลิงไป แต่ว่าเขาซึ่งเป็นประธานที่สง่าผ่าเผยของบริษัทเซิ่งซื่อ ขอแค่เขาไม่พูดอะไร ใครจะไปสนอดีตที่ผ่านมาของหล่อน? และทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่บริษัทเซิ่งซื่อล่ะ ที่เขาทั้งส่งดอกไม้ซื้อสร้อยคอ และทำให้หล่อนกลายเป็นนักออกแบบเหรียญทอง ซึ่งทำให้หล่อนมีหน้ามีตา แต่ว่า ก็ทำให้หล่อนถูกโม่โม่ให้ความสนใจ…
โม่โม่! ชางฉิงนึกถึงสิ่งที่ชางหวยซูพูดในห้องผู้ป่วย
โม่โม่เป็นคู่หมั้นของโหมวยู่ และชางฉิงก็เคยได้ยินกลอุบายของหล่อนเช่นกัน ดังนั้น หรือว่าทุกอย่างนี้โม่โม่เป็นคนทำ? และโหมวยู่เขาแค่ต้องการให้หล่อนดึงดูดความสนใจของโม่โม่ตลอด!
ชางฉิงทรุดตัวลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“บริษัทเซิ่งซื่อมีนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมมากมาย แต่คนที่ผมชอบนั้น มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”
“แค่ผมยอมรับใครสักคนแล้ว ก็จะไม่สนใจว่าอดีตของหล่อนจะเป็นอย่างไร”
“ผมจะเปิดทางที่ราบเรียบและกว้างใหญ่ให้กับภรรยาในอนาคตของผม แต่ตระกูลโม่ที่เล็กน้อยนี้ผมไม่เคยให้ความสนใจเลย”
……
แต่ว่า พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว คำพูดเหล่านี้ที่หล่อนเคยรู้สึกใจสั่นที่คิดว่าเป็นคำสารภาพรัก มันกลับไม่เคยมีสักตัวอักษรที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนมาว่าเขาชอบหล่อน
ใช่แล้ว เขาไม่เคยพูดกับหล่อนเลยว่าเขาชอบหล่อน…เป็นเพราะหล่อนเข้าใจผิดแล้ว!
น้ำตาของชางฉิงก็ร่วงหล่นลงทีละหยดๆ หล่อนปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ตัวเองร้องไห้เสียงดังออกมา
หล่อนตั้งหน้าตั้งตารอขนาดนั้น โดยคิดว่าในที่สุดหล่อนก็พบคนที่ใช่คิดว่าได้กลายเป็นคุณนายโหมวที่สูงส่ง และคิดว่าในที่สุดหล่อนก็เอาชนะชางหลิงได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เรื่องปลอม
ก็ยังคงเป็นชางหลิง และชางหลิงยังคงชนะ
แม้แต่โหมวยู่ที่ยอดเยี่ยมและสุกใสเป็นประกายขนาดนี้ ยังเลือกหล่อน…
แต่ด้วยเหตุอะไร? ชางหลิงไม่ได้สวยเท่าหล่อนเลย และไม่ได้หุ่นดีเท่าหล่อน ทำไมผู้ชายพวกนั้นถึงชอบชางหลิงทุกคนด้วยล่ะ?
และทุกสิ่งที่หล่อนประสบเจอ เดิมทีควรจะเป็นจุดจบของชางหลิงและคนที่โม่โม่ต้องจัดการ ก็ควรเป็นชางหลิง ทำไมถึงให้หล่อนมาแบกรับกับเรื่องทั้งหมดเหล่านี้แทนชางกลิงด้วย?
ชางฉิงกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแน่น กระทั่งฟันก็จมลงไปในเลือดเนื้อ และเลือดสีแดงสดเข้าไปจนเต็มทั้งปากของหล่อน…
หล่อนกลับมาที่ห้องผู้ป่วยของตัวเองอย่างขวัญหาย
ตอนนี้ หล่อนรู้ความสัมพันธ์ของโหมวยู่และชางหลิงแล้ว และความคิดที่จะรับเงินจากโหมวยู่ก็หายไป ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโหมวยู่เอง แล้วเขาจะให้เงินหล่อนได้ยังไงกันล่ะ?
“ชางฉิง” หยูเฉินรอหล่อนอยู่ที่ประตูห้องผู้ป่วยของหล่อน “คุณไปไหนมา?”
ชางฉิงลืมตาขึ้น และเหลือบมองไปที่หยูเฉินแวบหนึ่ง สายตาของหล่อนเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียนและรังเกียจ
“คุณมาทำอะไร?” ชางฉิงยิ้มเยาะ “การหัวเราะเยาะครั้งที่แล้วยังไม่พออีกใช่ไหม อยากจะซวยซ้ำซวยซ้อนอีกเหรอ?”
หยูเฉินก้มหน้าลงแต่ก็ไม่ใช่เพราะคำพูดเหล่านี้มีการตอบสนองที่รุนแรงเกินไป
“ผมจะไปต่างประเทศ” หยูเฉินพูด “เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้การที่ผมอยู่ต่อไปมันก็คงจะเป็นแค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น เห็นแก่สิ่งดีๆ ที่เราเคยผ่านมาด้วยกัน ผมเลยมากล่าวอำลาคุณสักหน่อย”
หยูเฉินหยิบบัตรธนาคารจากกระเป๋าของเขาออกมาใบหนึ่งจากนั้นก็เดินไปสองสามก้าว แล้ววางมันลงบนเตียงผู้ป่วย
“ในนี้มีเงินอยู่ 2 แสนหยวน มันเป็นเงินออมบางส่วนของผมในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เดิมที…” ผมวางแผนที่จะไปฮันนีมูนกับชางหลิง
“สถานการณ์ของตระกูลชางในตอนนี้ไม่ค่อยดีและพ่อของผมก็ไม่ค่อยสะดวก คุณก็สุขภาพไม่ดี นำเงินนี้ไปหาหมอนะ”
“ฉันไม่ต้องการ การให้ทานของคุณ!” ชางฉิงโยนบัตรธนาคารลงพื้น “หยูเฉิน อย่าแสร้งเป็นคนดีต่อหน้าฉันแล้ว คนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือคุณ! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณไร้ความสามารถ ไม่ใช่เพราะคุณตามชางหลิงกลับมา หล่อนจะอยู่กับโหมวยู่ได้ยังไง”
หล่อนจะแย่งโหมวยู่ของฉันไปได้ยังไง?