บทที่ 88 คู่ควรหรือไม่คู่ควรก็อยู่ที่ผมตัดสิน
ในใจชางหลิงก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
โม่โม่เหรอ? ถึงขั้นที่หล่อนมาที่นี่เลยเหรอ? นั่นก็หมายความว่า หล่อนรู้เรื่องของตัวเองและโหมวยู่แล้วสิ?
แม้ว่าจะรู้จักโม่โม่จากปากของโหมวยู่ว่าเป็นคนแบบไหนแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหล่อนก็ยังรู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทันเลย
อย่างไรเสีย ก็เป็นเพราะหล่อนที่เข้าแทรกระหว่างโม่โม่กับโหมวยู่…
“ฉันจะหลบไปก่อนนะ”ชางหลิงพูดพร้อมกับกำลังจะดันรถเข็นออกไป
“ไม่จำเป็น” โหมวยู่ดึงรถเข็นของหล่อนไว้แล้วขวางหล่อนไว้
“ให้หล่อนเข้ามา” การแสดงออกของโหมวยู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปสีหน้าของเขาคืนสู่สภาพที่มืดครึ้มดังเดิม ทำให้ชางหลิงเห็นแล้วถึงกับต้องตกใจ
ชางหลิงรู้สึกกังวลอยู่พักหนึ่ง ส่วนโหมวยู่นั่งบนโซฟามือข้างหนึ่งถือมีดไว้และมืออีกข้างหนึ่งก็ถือแอปเปิล
โม่โม่แต่งตัวด้วยเดรสสีเหลืองห่าน ข้างนอกสวมไว้ด้วยเสื้อกันลมที่ยาวและขาวสะอาด สีริมฝีปากหล่อนอ่อนๆ สีหน้าที่แสดงออกมาซีดเผือดและน่าสงสาร หล่อนเดินเข้ามาที่ประตูซึ่งเดิมทีใบหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยและความสุข ของหล่อนนั้น ทันทีที่เห็นชางหลิง สีหน้าที่แสดงออกมาทั้งหมดก็เปลี่ยนไป
หล่อนรู้ว่าโหมวยู่ได้รับความเดือดร้อนจากกฎประจำตระกูล ซึ่งหลายมานี้หล่อนก็อยากจะมาเยี่ยมเขาตลอด แต่ว่า หล่อนไปหาที่โรงพยาบาลกับ Nova ก็หาเขาไม่เจอ หลังจากส่งคนไปสอบถาม หล่อนถึงได้รู้ว่าเขาซื้อวิลล่าหลังหนึ่งที่หนานวาน
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้มันเป็นวิลล่าที่เขาซื้อให้ชางหลิง
“ชางหลิง” โม่โม่ยกมุมปากขึ้น
โหมวยู่ได้รับความเดือดร้อนจากกฎประจำตระกูลในวันที่สองนั้น โหมวเจิ้งถิงก็ได้พบหล่อนแล้ว และหล่อนก็ได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ จากคุณพ่อแล้ว โดยรู้ถึงการวางหมากของทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโหมวยู่แล้ว และรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างชางหลิงกับโหมวยู่ด้วย
แค่หล่อนคิดยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่า หล่อนจะโง่ถึงขั้นนี้ ขนาดร่วมมือกับชางหลิงขับไล่ชางฉิง ออกจากเซิ่งซื่อ และยังคอยช่วยเหลือคู่ปรับในความรักของหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ฮ่าๆ” โม่โม่หัวเราะเยาะ หล่อนมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ ซึ่งของตกแต่งทั้งหมดในบ้าน ล้วนเป็นความชอบของชางหลิง ชีวิตหลังแต่งในอุดมคติของหล่อน โหมวยู่ได้มอบให้กับผู้หญิงอีกคนสะแล้ว
โม่โม่นั่งลงบนโซฟาอีกด้านหนึ่ง และเห็นว่าขาทั้งสองข้างของหล่อนทับซ้อนกันอยู่ และลักษณะพลังแห่งความเหนือกว่าของหล่อนก็ปรากฏออกมาอย่างสิ้นเชิง
“ฉันช่วยเหลือเธอขนาดนั้น เพื่อให้เธอชนะการแข่งขันการออกแบบ ทั้งยังให้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกับเธอ ฉันเป็นผู้มีพระคุณกับเธอ แต่เธอกลับไม่รู้ถูกผิดบ้างเลย ภายนอกได้รับบุญคุณจากฉัน แต่พอลับหลังก็แอบแย่งผู้ชายของฉันไป?”
ชางหลิงถูกโม่โม่พูดย้อนให้เสียหน้าจนพูดอะไรไม่ออก โดยปกติหล่อนมักจะเป็นคนที่คล่องตัวและมีอัธยาศัยดี แต่ครั้งนี้ หล่อนกลับโหดร้าย และเมื่อต้องเผชิญกับการประณามของโม่โม่ หล่อนก็ไม่มีท่าทีว่าจะตอบโต้เลย. . .
มีดในมือของโหมวยู่ก็ได้ปอกเปลือกแอปเปิลจนหมด เขายิ้ม แล้วยื่นแอปเปิลไปที่มือของชางหลิง
โม่โม่มองดูนิ้วมือของพวกเขาทั้งสองที่สัมผัสกัน และการแสดงออกบนใบหน้าของหล่อนก็ยิ่งจริงจังและหนักแน่นขึ้น
โหมวยู่เป็นโรคกลัวผู้หญิงไม่ใช่หรือ? ทำไม…
“คุณมาที่นี่ เพียงเพื่อประณามหล่อนงั้นเหรอ?” โหมวยู่หันหน้ามา และจ้องไปที่โม่โม่ด้วยสายตาที่แหลมคม “ผมตกลงกับโหมวเจิ้งถิงว่าเขาสามารถตำหนิเรื่องความผิดในอดีตของคุณได้แต่ผมก็ไม่ได้ตกลงกับเขา เขาเลยปล่อยให้คุณมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงของผมในพื้นที่ของผมเหรอ?”
“โหมวยู่!” โม่โม่หงุดหงิดกับคำพูดของโหมวยู่ “ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ หล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหนสำหรับคุณงั้นเหรอ?”
“การแต่งงานครั้งนี้ ใครเป็นคนกำหนดคุณก็ต้องไปหาคนนั้นสิ” มีดในมือของโหมวยู่เริ่มปอกแอปเปิลลูกที่สอง “ผมไม่เคยพูดเลยนะว่าจะแต่งงานกับคุณด้วย และผมก็ไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรกับคุณเลย”
“คุณ!” โม่โม่กระหืดกระหอบ “โหมวยู่ คุณจะทำมากเกินไปนะ!”
เมื่อเห็นว่าไฟสงครามระหว่างคนทั้งสองใกล้จะระเบิดแล้ว ชางหลิงก็อยู่ข้างๆ พร้อมกับกัดแอปเปิลไปคำหนึ่ง
“การแต่งงานของเรา ทุกคนในเมืองต่างก็รู้พูดว่าจะกลับคำก็สามารถกลับได้ที่ไหนกัน?” โม่โม่จ้องชางหลิง “หรือว่าคุณจะกลายเป็นจุดอ่อนที่น่าหัวเราะ เพื่อผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ?”
“ผมไม่สนหรอก ” โหมวยู่ตอบอย่างชัดเจน
“คุณกลับ…” เขามองขึ้นไป ด้วยท่าทางดุร้าย
มีดในมือของเขาส่องประกายภายใต้แสง โม่โม่รู้สึกเพียงว่ามีตุ่มเล็กๆ ขึ้นบนตัวหล่อน
“คุณจะทำอะไร? คุณสัญญากับคุณลุงโหมวแล้วว่าจะไม่ต้องสืบหาแล้วไง” โม่โม่รู้สึกประหม่าอย่างอดไม่ได้
โหมวเจิ้งถิงบอกกับหล่อนว่า โหมวยู่ได้มอบหลักฐานทั้งหมดนั้นให้เขาแล้ว ในมือเขาตอนนี้ไม่ควรมีจุดอ่อนแล้ว
“โหมวเจิ้งถิงเคยบอกว่าจะปล่อยตัวชางหลิงไป แต่กลับแอบลงมือฆ่า เขายังสามารถกลับคำได้เลย ผมทำไม่ได้บ้างเลยเหรอ?” โหมวยู่ยิ้ม ความโค้งของมุมปากนั้น ทำให้โม่โม่ตกใจ
“แต่ผมไม่เหมือนเขา ผมเคยบอกว่าผมจะให้โอกาสคุณผมทำได้ แต่ผมแค่พูดว่าจะไม่ให้คุณติดคุก ไม่ได้บอกว่าจะไม่เปิดโปงสิ่งเหล่านั้น” มีดของโหมวยู่สะอาดสะอ้านและคมจนตัดเปลือกผลไม้ออกได้
“โหมวยู่!” โม่โม่ลุกขึ้นยืน “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
โหมวเจิ้งถิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะสิ่งที่หล่อนทำในครั้งนี้ และได้วิพากษ์วิจารณ์หล่อนอย่างรุนแรงไปแล้ว โดยไม่ให้หล่อนลงมือฆ่าชางหลิงอีก หล่อนถูกโหมวยู่หลอกลวง ซึ่งเดิมทีหล่อนก็โกรธในใจอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ยังยอมลดศักดิ์ศรีและมาหาเขาเพื่อขอโทษพร้อมกับขอเจรจาสงบศึก แต่แล้วท่าทีของโหมวยู่ล่ะคืออะไรกัน?
เขาทำให้หล่อนจนหนทางเพื่อชางหลิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
ชางหลิงก้มหน้าลงไม่กล้าเข้ายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง หล่อนเอาแต่กัดแอปเปิลในมือตัวเอง และไม่นานหล่อนก็ยัดมันเข้าไปจนเต็มแก้ม
“โหมวยู่ เรารู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่มันกลับเทียบไม่ได้กับชางหลิงที่เพิ่งออกมาครึ่งทางนี้เหรอ?” โม่โม่ชี้ไปที่ชางหลิง ด้วยสายตาที่เจ็บปวดรวดร้าวใจเป็นอย่างยิ่ง “ฉันรอคุณมาตั้งหลายปี และทำเพื่อคุณมาตั้งมากมาย ด้วยเหตุอะไร? หล่อนไม่คู่ควรที่จะอยู่กับคุณเลยสักนิด!”
เมื่อได้ยินว่าตัวเองถูกเรียกชื่อขึ้นมา ชางหลิงก็หยุดเคี้ยวแอปเปิลลง น้ำผลไม้ก็ไหลล้นจากมุมปากของหล่อน และหล่อนก็กลืนลงอย่างระมัดระวัง
“คู่ควรหรือไม่นั้น ผมจะเป็นคนตัดสินเอง” โหมวยู่พูด พร้อมกับหันหน้าและมองไป เขายื่นมือออกมา และช่วยหล่อนเช็ดน้ำผลไม้จากมุมปากอย่างรักใคร่
โม่โม่ถูกกระตุ้นด้วยฉากนี้อีกครั้ง ทั้งตัวหล่อนก็สั่นจนพูดอะไรไม่ออก
โหมวยู่ก็ลุกขึ้นเช่นกัน เขามองไปที่โม่โม่ด้วยการอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย พร้อมกับส่งเสียงเยาะเย้ย
“ฉู่ฉือ ส่งแขก”
โม่โม่จ้องไปทางชางหลิงอย่างหนาแน่น หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าร่างกายชางหลิงคงจะแหลกเหลวไปหมดแล้ว
“คุณหนูโม่ครับ” ฉู่ฉือเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งอารมณ์ เขาโน้มตัวโค้งคำนับกับโม่โม่ “เชิญครับ”
โม่โม่ส่งเสียงเย็นชา และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหล่อนละสายตาไปแล้ว ในที่สุดชางหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หล่อนกลืนทุกอย่างที่อยู่ในปากลง
“กลัวแล้วเหรอ?” เมื่อโหมวยู่เห็นท่าทีความผิดเล็กน้อยของหล่อนแล้ว ก็หัวเราะเบาๆ
ชางหลิงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จะพูดว่าไม่กลัวก็คงจะปลอม อย่างไรเสียก็ยังมีเรื่องของชางฉิงก่อนแล้วและหล่อนก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ก็คงจะมีความพะว้าพะวังบ้าง
“ไม่กลัว” ชางหลิงปากแข็ง โหมวยู่ยังดื้อกับพ่อได้ แล้วทำไมหล่อนจะยืดตัวตรงไปเผชิญหน้ากับโม่โม่ไม่ได้ล่ะ?
“ฉันแค่… ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหล่อนยังไง ก่อนหน้านี้ฉันเคยเกลียดมือที่สามที่สุด แต่ตอนนี้ การปรากฏตัวของฉัน สำหรับโม่โม่แล้ว มันก็เป็นมือที่สามด้วยเหมือนกัน…”
โหมวยู่เดินไปข้างๆ หล่อนและย่อตัวลงตรงหน้าหล่อน
“ผมไม่เคยบอกว่าชอบหล่อนเลย” โหมวยู่จับมือหล่อนไว้แน่น “ก่อนที่ผมจะพบคุณ ผมไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเลยนะ แต่หลังจากที่ได้พบคุณ เรื่องแต่งงานนี้ นอกจากคุณแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดกับคนอื่นๆ เลย”