“หลิงหลิง……” หยูเฉินออกแรงทั้งหมด ขยับนิ้วของตัวเองยื่นไปทางชางหลิง หลังจากที่โดนน้ำกรดกัดอย่างแรงความเจ็บแถวหัวส่วนหลังก็ได้เจ็บกว่าเดิม เขาได้ทนความเจ็บปวด ในใจคิดแค่เพียงพูดความในใจออกไปทั้งหมด
“ฉันชอบเธอจริงๆ นะ……” เขาก็ได้พูดออกมาทีละคำ พยายามพูดให้ชัดเจน “ฉันอยากจะปกป้องเธอ……”
“หยูเฉิน……” ชางหลิงก็ได้สั่นไปทั้งตัว เธอพูดอะไรไม่ออกสักคำ ทำได้แค่เพียงมองความเจ็บปวดของหยูเฉินตรงหน้า
นี่เป็นผู้ชายที่เธอเคยรักมาตลอดห้าปีนะ ต่อให้เจอกับการหักหลังแบบนั้น เธอก็ไม่เคยที่จะเกลียดเขา แต่วันนี้ เขากลับใช้ชีวิตของตัวเอง มายืนยันความจริงใจกับเธอ
“นายทำไมโง่แบบนี้……นายจะมารับมันแทนฉันทำไม!”
ใบหน้าที่ซีดของหยูเฉินก็ได้ยิ้ม “เธอเป็นผู้หญิง……เสียโฉม ก็ไม่สวยแล้ว……”
เดิมเขาคิดว่าในมือของชางฉิงเป็นแค่น้ำกรดธรรมดา แต่ว่า เขาก็ได้ทนรับความเจ็บปวดขนาดหนักจากหัวแล้วก็หลัง ต่อให้ไม่รู้ว่าอควารีเจียคืออะไร ก็ต้องรู้ถึงความร้ายกาจของมันแล้ว
ยังดี……ยังดี ชางหลิงไม่ได้เป็นคนต้องเจอความเจ็บปวดนี้
เธอกลัวเจ็บที่สุดแล้ว
“นายทนหน่อยนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว พวกเขาต้องช่วยนายได้แน่……” ชางหลิงทำใจที่จะมองแผลบนตัวเขาได้ เลือดและเนื้อพวกนั้นได้เละไปหมด ทำให้ในใจเธอเจ็บอย่างช่วยไม่ได้
“หลิงหลิง……” หยูเฉินก็ได้ยื่นมือซ้ายของตนไปตรงๆ บนนิ้วนางของเขา ก็ยังสวมแหวนแต่งงานอยู่เหมือนเดิม
ชางหลิงแทบหยุดหายใจ
แหวนวงนั้น เป็นวงที่พวกเขาไปร้านจิวเวลรี่ซื้อแหวนแต่งงานด้วยกัน หยูเฉินก็ยังสั่งเป็นพิเศษว่า สลักตัวย่อของชื่อชางหลิงอยู่บนนั้น
“แบบนี้ เธอก็จะสามารถ……จำฉันได้ตลอดไปใช่ไหม……” รอยยิ้มมุมปากของหยูเฉินเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ได้อยู่ได้ไม่นาน หัวของเขาก็ได้ล้มไปกับพื้น ตาก็ได้หลับลง
“หยูเฉิน…… หยูเฉิน!” ชางหลิงก็ได้เรียกชื่อของเขาออกมาอย่างบ้าคลั่ง “หยูเฉิน——”
ชางฉิงก็ได้ขาอ่อนล้มไปทันที
“ช่วยด้วย! พวกนายรีบช่วยเขาที!” ชางหลิงก็ได้ดิ้นรนอย่างหนัก แต่ว่าฉู่ฉือได้จับเธอไว้แน่น ไม่ให้เธอเข้าใกล้หยูเฉิน
นั้นเป็นพิษที่ร้ายแรงนะ เขาไม่สามารถที่จะให้ชางหลิงเจอกับอันตรายอีกได้……
เสียงของรถพยาบาลก็ได้มาถึง แพทย์สวมชุดป้องกันได้อุ้มหยูเฉินไปที่เปล
มือของเขาก็ได้ตกลงมาตามธรรมชาติ แหวนที่อยู่บนมือก็ได้ตกลงมา กลิ้งไปกับพื้นอยู่นาน ชางหลิงก็ได้เดินไปอย่างกะเผลก ไล่ตามราวกับร่างไร้วิญญาณ ก็ได้เก็บขึ้นมาจากขาของชางฉิง
“ชางหลิง……เธอชนะแล้ว” เสียงของชางฉิงก็ได้ดังขึ้นมาเหนือหัวเธอ เธอได้ถูกชายชุดดำกดตัวไว้ ก็ได้มีสีหน้าที่จำนนไปตั้งนานแล้ว
ชางหลิงก็ได้เก็บแหวนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วก็เช็ดคราบที่อยู่บนนั้น น้ำตาก็ได้ไหลลงมาจากตาอีกครั้ง
เธอได้กำแหวนวงนั้นไว้ในมือแน่น แววตาก็ได้มีความน่ากลัวส่องมา เธอได้ยกมือขึ้น ราวกับว่าได้ออกแรงของตัวเองทั้งหมด ตบไปที่หน้าของชางฉิง
พอชางฉิงโดนตบ กลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แววตาของเธอก็ได้มีน้ำตาคลอ แต่ว่ารอยยิ้มนั้นกลับน่ากลัว
“ชางหลิง เธอรู้ไหม? เดิมทีหยูเฉินคิดที่จะไปต่างประเทศ ตั๋วเครื่องบินเขาก็ได้ซื้อแล้ว คิดที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ ยังเอาเงินให้ฉันสองแสน บอกฉันว่าอย่ามาล้างแค้นเธอ เธอพูดมาสิ เขาทำไมยังไม่ไป? ทำไมเขาไม่ไป? เธอมันมีดีตรงไหนกันแน่ ที่ทำให้เขานั้นไม่กลัวถึงขั้นความตาย?”
ร่างกายของชางหลิงก็ได้สั่น ตาของเธอได้มองไปทางเปลคนไข้ พวกหมอไม่ได้ทำการปฐมพยาบาลอะไรเลย ก็ได้เอาผ้าขาวปิดร่างกายของเขา
“ชางหลิง คนที่ควรตายนั้นเป็นเธอ เธอทำร้ายฉัน ก็ทำร้ายหยูเฉิน ตอนนี้ เธอได้เหยียบบนศพของเขา ยังสามารถที่จะคบหากับโหมวยู่ได้อย่างสบายใจเหรอ? คนที่รักเธอมาห้าปี คนที่ได้ตายเพื่อเธอ จะได้กลายเป็นหลุดที่เธอนั้นก้าวผ่านไม่ได้ทั้งชีวิต เธอไม่มีทางที่จะสบายใจแน่!”
ชางฉิงก็ได้หัวเราะออกมาเสียงดัง ราวกับปีศาจเข้าสิง
ชางหลิงก้าวไปราวสะดุด เธอก็ได้เดินไปทางเปลของหยูเฉินอย่างช้าๆ ระยะสั้นๆ กลับราวกับว่าห่างกันปลายขอบฟ้า
อดีตที่เคยผ่านมา ก็ได้ค่อยๆ โผล่ขึ้นในหัวของเธอ เหมือนว่าเป็นเรื่องของชาติก่อน แต่ก็เหมือนว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ในที่สุดก็รอให้เธอเอาน้ำมาให้สักที” บ่ายวันหนึ่งเมื่อสิบห้าปีก่อน ชายหนุ่มก็ได้เอาขวดน้ำ รอยยิ้มที่สดใส ก็ได้ค่อยๆ กลายเป็นภาพดำขาวในใจของเธอ
“ชางหลิง เป็นแฟนกับฉันเถอะ” อายุสิบเจ็ด มือของเขาก็ได้เอากุหลาบสีแดง สายตาที่รอคำตอบ ก็ได้กลายเป็นร่องรอยที่ยากที่จะลบไปในความทรงจำตลอดไป
“หลิงหลิง พวกเรานั้นต้องเป็นนักออกแบบชุดแต่งงานที่ดีที่สุดในประเทศ แบบนี้ ก็สามารถที่จะเล่าเรื่องความรักของพวกเราให้ทุกคนได้ฟัง”
“หลิงหลิง พอจบการศึกษาแล้วพวกเราแต่งงานกัน ฉันเก็บเงินรางวัลทั้งหมดของการประกวดออกแบบแล้ว มีสองแสนเลยนะ พวกเราสามารถที่จะฮันนี่มูลที่มัลดีฟส์เลยนะ”
“หลิงหลิง เธอยอมที่จะแต่งงานเป็นภรรยาของฉัน……”
“หลิงหลิง……ฉันชอบเธอจริงๆ ฉันอยากจะปกป้องเธอ……”
“หลิงหลิง……”
……
ชางหลิงรู้สึกว่าในใจนั้นก็ได้มีอะไรฉีกออก เธอไอออกสักพัก ไม่ได้แรงมากแต่ก็เหมือนว่าได้สะเทือนอกจนแทบสลาย ลำคอก็ได้มีรสคาวเลือด แล้วก็ได้มีเลือดกระอักออกมา หน้าก็ได้มืด แล้วก็ได้ล้มไปกับพื้น
บางคน เขาเป็นเหมือนเข็มที่แทงอยู่ในใจ ไม่ไปแตะ ก็แทงไปในใจอย่างลึก ก็เหมือนว่าไม่เคยมีมันมาก่อน แต่ว่ามีวันหนึ่ง ได้มีคนได้ฝืนดึงมันออกมา แล้วเขี่ยเลือดเนื้อทั้งหมด ก็พบว่าเขานั้นก็ได้ออกรากอยู่ในใจแล้ว ดึงมันออกทั้งหมด ทำให้ใจทั้งดวงสลายไป เต็มไปด้วยแผล……
หน้าห้องฉุกเฉิน
โหมวยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งคนได้มีความโมโหปกคลุม
ฉู่ฉือก็ได้ค่อยๆ ขยับไปหาเขา ไม่กล้าที่จะหายใจแรงๆ
“ว่ามา” โหมวยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ฉู่ฉือได้กำหมัดอย่างตื่นกลัว “ผมถามมาแล้วครับ ล่างตึกมีกลุ่มก่อสร้างมาโวยวาย บอกว่าบริษัทชางซื่อได้ค้างจ่ายเงินเดือน ได้พกอาวุธมาทั้งหมด กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อคุณหนูชาง คนของพวกเราก็ได้ไปจัดการเรื่องนั้นทั้งหมด……”
“พวกนายไม่มีสมองเหรอ? เห็นได้ชัดว่านั้นมาดึงความสนใจ! ฉันให้พวกเขา ไปปกป้องชางหลิงไม่ได้ให้เป็นไปเป็นรปภให้กับบริษัทชางซื่อ!” โหมวยู่โมโห
คนเยอะขนาดนั้น ได้ให้ชางฉิงคนเดียวแฝงตัวเข้าไปได้ แล้วยังเอาของที่อันตรายแบบนั้น!
ฉู่ฉือก้มหน้า ไม่กล้าที่จะพูดกับโหมวยู่
เหตุการณ์ที่อันตรายเมื่อกี้นั้นเขาได้เจอมากับตา คนที่มีชีวิตแบบนั้น คาดว่าไม่ถึงสองนาที เนื้อหนังก็ได้เละไปหมด ขนาดกระดูกก็โดนกัดกร่อน ตอนที่รถพยาบาลมาถึงนั้น ก็ไม่มีลมหายใจแล้ว
และเรื่องพวกนี้ เกือบที่เกิดขึ้นบนตัวของชางหลิง ฉู่ฉือก็ไม่กล้าที่จะคิดว่า ถ้าคนที่ได้เจอเรื่องพวกนี้เป็นคุณหนูชาง โหมวยู่จะเป็นยังไง
“ชางฉิงล่ะ?” โหมวยู่ถามต่อ
“อยู่……อยู่ในการคุมตัวของพวกเราครับ” ฉู่ฉือหวาดหวั่น
“ของอย่างอควารีเจีย ไม่เหมือนน้ำกรด ไม่สามารถที่เก็บไว้นานได้ การที่จะได้มาก็ต้องเป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อน แล้วยังมีผู้คนพวกนั้นมาโวยวายที่บริษัทชางซื่อ ไม่สามารถที่จะบังเอิญได้ขนาดนั้น เรื่องนี้ ชางฉิงทำคนเดียวไม่ได้ ต้องไปสืบมาให้ได้ ฉันอยากได้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้มันต้องชดใช้”
“ครับ” ฉู่ฉือรับคำสั่ง
ไฟห้องฉุกเฉินก็ได้ดับลง คุณหมอก็ได้เปิดประตูเดินออกมา
“คุณหมอ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไรมากครับ” คุณหมอก็ได้ถอดผ้าปิดปากลง “ได้สูดพิษเข้าไปในร่างกายนิดหน่อย บวกกับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ความดันได้ขึ้น หัวใจก็ได้ทำงานอย่างหนัก ความดันในเส้นเลือดในปอดและเส้นเลือดฝอยได้เพิ่มขึ้น ทำให้เส้นเลือดแตก ถ้าให้สรุปคือ ก็คือได้รับแรงกระทบกระเทือนมากไป พักผ่อนไปสักพักก็ดีขึ้นครับ”
โหมวยู่ก็ได้โล่งอกไปเล็กน้อย
“เวลาแบบนี้ ถ้าที่ดีอยู่อย่างสงบดีกว่า ไม่สามารถที่จะได้รับความกระทบทางใจได้ คนไข้ขาดเลือด บาดแผลที่ได้รับคราวก่อนก็ยังไม่ได้หายดี พอมาบวกกับคราวนี้ ก็ได้บาดเจ็บหนัก ต้องการพักผ่อนดีๆ”
คุณหมอพูดไป พวกพยาบาลข้างหลังก็ได้เข็นชางหลิงออกมา
สีหน้าเธอได้ซีด นอนอยู่บนเตียงคนไข้ เหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบาง โหมวยู่ถึงขั้นไม่กล้าที่จะแตะต้องเธอ กลัวว่าเธอนั้นก็สลายไปด้วยน้ำมือของเขา