บทที่ 85 เข้าซื้อบริษัทตระกูลชาง
ชางหลิงนั่งบนรถเข็นหล่อนดันล้อ ไปๆ มาๆ นอกห้องผู้ป่วยของโหมวยู่
หลีซินและกลุ่มคนชุดดำต่างก็พากันยืนตัวตรง โดยไม่รู้ว่าชางหลิงกำลังจะทำอะไรกันแน่
ชางหลิงเป็นกังวล
ตระกูลชางถึงขั้นที่อันตรายมากแล้วจริงๆ แต่ว่า ต่อให้ชางหวยซูจะโอนหุ้นทั้งหมดให้กับหล่อน หล่อนก็ไม่มีวิธีอะไรเลย
แม้ว่าหล่อนจะได้รับเงินจากโหมวยู่ที่นี่ หล่อนก็ไม่วางใจที่จะมอบเงินไว้ในมือของชางหวยซู ด้วยความสามารถของเขา แม้ว่าจะได้รับเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยให้ตระกูลชางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
และร่างกายของหล่อนก็ไม่ใช่วัตถุในการทำธุรกิจด้วย ซึ่งการที่หล่อนไม่สูญเสียครอบครัวตัวเองเพราะเงินก็นับว่าดีแล้ว แล้วหล่อนรู้วิธีหาเงินที่ไหนกันล่ะ?
“คุณยังคิดจะแกว่งไกวอยู่ข้างนอกอีกนานเท่าไหร่?” เสียงของโหมวยู่ดังมาจากในห้องผู้ป่วย ชางหลิงตะลึง เขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนอยู่ข้างนอก
ชางหลิงยังไม่ทันได้คิดคำพูดของหล่อนเลย แต่โหมวยู่ได้พูดไปแล้ว หล่อนจึงทำได้เพียงฝืนและดันรถเข็นเข้าไป
โหมวยู่เพิ่งจะเปลี่ยนยา เขานั่งเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง ทันทีที่ชางหลิงเข้าไป ก็เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ทำให้คนไม่สามารถขยับตาได้
หล่อนกลืนน้ำลายลงอย่างอดไม่ได้ และหยุดอยู่ที่ประตูโดยไม่ขยับตัว
“ล้อรถเข็นของคุณไปๆ มาๆ อยู่ข้างนอก 6 ครั้ง” โหมวยู่ค่อยๆ หยิบเสื้อคลุมผู้ป่วยขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน พร้อมกับสวมใส่ไว้บนตัว
“แม้แต่สิ่งนี้คุณก็ได้ยินเหรอ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นคุณ” ชางหลิงรีบชมเขาทันที
“อย่าประจบสอพลอเลย พูดมาสิว่า มีเรื่องอะไร” โหมวยู่ติดกระดุมเสื้อตัวเอง แล้วค่อยๆ เดินไปที่ข้างๆ หล่อน
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องธุรกิจน่ะ ไม่ทราบว่าคุณชายรองสนใจหรือเปล่า…”
“ไม่สนใจ”
เสียงที่เย็นชาของโหมวยู่ขัดจังหวะสิ่งที่ชางหลิงกำลังจะพูดต่อ
“ฉันยังไม่ได้พูดเลย” ชางหลิงจ้องที่ไปเขาด้วยดวงโตที่กลมโต
“สามารถปล่อยให้คุณเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอกนานขนาดนั้น นึกว่าจะมีเรื่องดีอะไร?” โหมวยู่เลิกคิ้ว
ชางหลิงเบะปาก มือทั้งสองจับหล่อนไว้ และไม่ได้มองหล่อนต่อไป
“จะต้องเป็นไอ้กระบอกเสียงหลีซินแน่ที่บอกคุณ”
“ตระกูลชางนั้นเป็นความโกลาหลที่เลวร้ายไปแล้วและบัญชีเก่าหลายปีนั้นก็กองอยู่ที่นั่น แม้ว่าจะลงทุนเงินไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยเป็นการซื้อขายที่ขาดทุนชัดๆ ผมเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ดังนั้น…”
“ฉันไม่ได้บอกให้คุณลงทุนนี่นา” เขายังไม่ทันได้พูดจบ ชางหลิงก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ไปทีหนึ่ง หล่อนกะพริบตา แล้วดันรถเข็นเข้าไปใกล้โหมวยู่
โหมวยู่มองลงไปยังหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าเขาซึ่งหล่อนเป็นคนที่มีความคิดเห็นที่แยบยลและน่าประหลาดใจมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงมักจะรู้สึกว่าหล่อนกำลังจะใส่ร้ายเขา
“คุณชายรอง นั่งลงเร็วเข้า” ชางหลิงตบที่ขอบเตียงด้านหลังเขา
โหมวยู่ก้มหน้าลงมองไปแวบหนึ่ง และนั่งลงอย่างเชื่อฟังหล่อน
“ฉันได้ยินจากหลีซินว่าธุรกิจของบริษัทเซิ่งซื่อครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศ และทุกๆ ธุรกิจต่างก็มีส่วนร่วม นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คุณยังให้ต้วนเหิงมุ่งเรียนเฉพาะสาขาวิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย และคุณก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในนามของตัวเอง……”
ชางหลิงวิเคราะห์อย่างตั้งใจ หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วหัวเราะอย่างดัง “ดังนั้นไม่อย่างงั้นคุณก็ไปรับซื้อบริษัทตระกูลชางสิ?”
“รับซื้อเหรอ?” โหมวยู่ไม่เคยคิดเลยว่าชางหลิงจะมีความคิดแบบนี้
“นั่นเป็นทรัพย์สมบัติของแม่คุณเลยนะ คุณยินยอมจริงๆ เหรอจะให้มันตกมาอยู่ในมือผมจริงๆ เหรอ?”
ชางหลิงเอียงศีรษะตัวเอง “นั่นเป็นสิ่งเดียวที่แม่ของฉันทิ้งไว้ให้จริงๆ มันเป็นเช่นนี้จริง แต่ฉันก็แค่อยากจะวางไว้ในมือของคนที่เชื่อถือได้ เพราะฉันไม่ใช่คนทำธุรกิจ แม้ว่าฉันจะเป็นประธานของตระกูลชางฉันก็ไม่สามารถทำให้มันพัฒนาในเมืองหนานต่อไปได้ แต่คุณไม่เหมือนกัน เพราะคุณเป็นคุณชายรองโหมวเลยนะ”
วิธีที่สามารถทำให้หยดน้ำหยดหนึ่งอยู่ได้นานนั้น ก็คือปล่อยให้มันจมลงไปในทะเล ดังนั้น จะมีอะไรดีไปกว่าการที่ปล่อยให้บริษัทตระกูลชางกลายเป็นบริษัทลูกในนามของคุณล่ะ?”
ริมฝีปากโหมวยู่ยกขึ้น “มีลูกคิดที่ดีนิ”
“หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลา ฉันรู้ว่าคุณชายรองที่ร่ำรวยและอำนาจบาตรใหญ่ เงินแค่เล็กน้อยคงไม่สนใจหรอก แต่คุณก็รู้ว่า ตอนนี้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแก้ปัญหาของตระกูลชางได้ การพึ่งผู้มีอำนาจจะทำอะไรได้ง่าย แต่คุณชายรองคะ ให้ฉันพึ่งพาเถอะนะคะ” ชางหลิงดึงแขนเสื้อของโหมวยู่ แล้วเขย่าเบาๆ
“ผมเข้าใจความมายของคุณอยู่แล้ว เพียงแค่พ่อคนนั้นของคุณอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีทางของคุณ” โหมวยู่ยังรู้ว่าชางหวยซูเป็นคนยังไง ถ้าเขารู้ว่าในตอนนี้ชางหลิงกำลังคิดขายตระกูลชางล่ะก็ คาดว่าเขาอาจถือมีดมาฆ่าหล่อนทันที
“จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้นมันไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว” ชางหลิงยกคางขึ้นอย่างสนุกสนาน “รอให้ฉันได้หุ้นจากเขาได้แล้ว ฉันก็จะเป็นคนวางแผนของบริษัท และฉันก็รู้จักเขาดี แค่บริษัทได้ผลกำไรของหน่วยวิสาหกิจ เมื่อเขานำเงินมามันจะพูดอะไรได้อีกล่ะ เพียงเพื่อรับประกันว่าฉันจะได้รับหุ้นอย่างราบรื่น แต่ก็ยังต้องการให้คุณชายรองช่วยหน่อย”
โหมวยู่หรี่ตาลง
“หากตัดทางหนีทุกทางของตระกูลชาง ออกไปแล้ว ฉันจะให้พ่อคนนั้นของฉัน และนอกจากฉันแล้ว จะไม่มีใครที่จะสามารถขอร้องได้อีก” ชางหลิงยิ้มสดใสเป็นอย่างมาก
โหมวยู่ยึดหน้าอกตัวเองพร้อมกับมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“คุณทำลายพ่อ อย่างไม่ใจอ่อนเลยสักนิด” โหมวยู่ยังคิดว่าหล่อนจะตามรังควานและขอเงินจากเขา กระทั่งเขายังคิดที่จะบังคับให้หล่อนชำระหนี้ และในตอนนี้ หล่อนขายตระกูลชางไว้ในมือของเขา ดูเหมือนว่า เขาจะไม่ขาดทุนอะไรมากเหมือนกัน?
“ในเรื่องนี้ ก็พูดตกลงกันแค่นี้นะ?” ชางหลิงไม่ได้ถามเขาว่าจะยินยอมหรือไม่ยินยอมเลย แม้ว่าตระกูลชางจะเทียบชื่อเสียงและความนิยมของเซิ่งซื่อในเมืองหนานไม่ได้ ไม่ว่าดีหรือเลวยังไงในปีนี้ก็เข้าสู่บริษัทยอดเยี่ยมสิบบริษัทของเมืองหนานเช่นกัน และหล่อนก็เคยสืบสวนกับหลีซินด้วย การพัฒนาของโหมวยู่ในการบริการก็ราบรื่นทุกเรื่อง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้วนเหิงก็เป็นคนดูแลมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนกับสินค้าแบรนด์ดังอย่าง Nova ดังนั้น ถ้าเขาซื้อตระกูลชาง ก็ถือได้ว่าเป็นการทำให้เขาสามารถครอบครองสถานที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหนานได้อย่างรวดเร็ว
“คุณได้กำหนดเงื่อนไขแล้ว ผมสามารถปฏิเสธได้ด้วยเหรอ?” บนใบหน้าโหมวยู่เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
สาวน้อยชางหลิงคนนี้ช่างเป็นนางจิ้งจอกตัวน้อยจริงๆ เลย แม้ว่าหล่อนจะทำการบ้านมาอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม นอกจากนี้แล้วเขาจะปฏิเสธหล่อนได้ยังไงกันล่ะ?
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…” ดวงตาของชางหลิงเบิกกว้าง และจ้องไปที่เขาอย่างแวววาวสดใส พร้อมด้วยท่าทางที่ประจบสอพลอ “ดูสิ ฉันอยู่ที่นี่มาสัปดาห์หนึ่งแล้ว การแข่งขันการออกแบบครั้งใหญ่รอบที่สองก็กำลังจะจบลงแล้ว และร่างการออกแบบของฉันในครั้งนี้ก็เข้ารอบแล้วเช่นกัน แม้ว่าจะมีซูเสี่ยวเฉิงที่คอยช่วยฉันดูอยู่ แต่ว่า ในฐานะที่เป็นผลงานของตัวเอง ฉันก็ไม่ดีที่จะไปรบกวนหล่อนตลอดเวลาดังนั้น…เราออกไปจากโรงพยาบาลกันเถอะ”
“ออกจากโรงพยาบาลเหรอ?” สีหน้าโหมวยู่เปลี่ยนไป “อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดีเลยนะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วจะทำอะไรได้? ถึงแม้ว่าการตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่จะดี แต่บริษัทเซิ่งซื่อก็ไม่ต้องการคนที่พิกลพิการหนักอย่างคุณนะ”
“ดูสิตั้งแต่ที่ฉันมาถึงโรงพยาบาลคุณเอาแต่ส่งคนชุดดำเยอะแยะขนาดนั้นมาคุ้มกันฉันทุกวันเลย ขอบเขตการเคลื่อนไหวของฉันทำได้แค่อยู่ระหว่างห้องผู้ป่วยของฉันกับคุณเท่านั้น มันน่าเบื่อจริงๆ นะ!” ชางหลิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกลายเป็นนักโทษคนหนึ่งไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป หล่อนคงไม่ถูกคนของโหมวเจิ้งถิงทำร้ายจนตาย แต่กลับถูกโหมวยู่ทำให้หายใจไม่ออก
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้” โหมวยู่ไม่ได้ปฏิเสธหล่อน “แต่ว่า คุณสามารถอยู่ได้แต่ที่บ้านได้ชั่วคราว ส่วนเรื่องการเข้างาน รอจนกว่าคุณจะหายดีทั้งหมดก่อนค่อยว่ากัน”
ชางหลิงจ้องไปที่เท้าที่เข้าเฝือกของตัวเองก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
คุณหมอว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสหากยังต้องรอให้หล่อนหายดี มันจะไม่ทันการณ์แล้ว แต่หล่อนยังอยากไปร่วมงานมิลานแฟชั่นวีค
บอกว่าทำก็ทำสิ ชางหลิงบอกให้โหมวยู่ว่าจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่นาน เขาก็จะสั่งให้ฉู่ฉือไปดำเนินขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลของพวกเขา
ชางฉิงนอนอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้วและหล่อนก็มีแผนการใหม่บางอย่างด้วยเช่นกัน หล่อนออกจากห้องผู้ป่วยด้วยตัวเอง และเดินไปยังทุกหนทุกแห่งในโรงพยาบาล
เพียงแค่ ทันทีที่หล่อนมาถึงที่ห้องโถง หล่อนก็เห็นฉู่ฉือที่ถือแบบฟอร์มกองหนึ่งในมือ
ชางฉิงตาเป็นประกายพร้อมกับเดินไปหาเขา
“ผู้ช่วยฉู่คะ” ชางฉิงเดินกะเผลกไป อย่างสุขใจมากล้น “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณชายรองให้คุณมาเยี่ยมฉันเหรอคะ?”