จ้าวหลันจือโดนชางหวยซูตบจนมึนไปกับพื้น ช่วงสั้นๆ ก็ตั้งสติขึ้นมาไม่ทัน
“คุณท่านชาง พวกสัญญาของบ้านนั้นยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ถ้าคุณไม่มีท่าทีว่าจะขาย พวกเราสามารถที่จะยุติได้ครับ” ฉู่ฉือก็ได้ตอบไปอย่างสุภาพ
“ไม่ได้นะ! ที่ดินที่ขายออกไปแล้ว ยังมีการเอาคืนมาได้ที่ไหน!” จ้าวหลันจือก็ได้พูดออกเสียงดัง “ฉันไม่สน ฉันเป็นคุณนายของตระกูลชาง สมบัติของตระกูลชางก็มีของฉันส่วนหนึ่ง นั่นก็เป็นเงินของฉัน!”
ชางหลิงมองเธออย่างน่าสมเพชไปพัก
“นั่นเป็นสมบัติของคุณแม่ฉัน ตอนที่ฉันยังเด็กท่านก็ได้บอกแล้วว่า ท่านซื้อที่ดินผื่นนั้น ก็เพื่อที่จะเป็นสินสอดแต่งงานของฉัน ฉันรู้ พวกคุณรังแกฉันที่เป็นเด็ก หลังจากที่คุณแม่ตายไป ก็ได้เอาที่ผื่นนั้นโอนไปในชื่อของพวกคุณ แต่ว่า การซ่อมแซมบ้านหลังนั้น ฉันได้เป็นคนสะสมเงินทุนมาหลายปีแล้วมาซ่อมแซมเอง คุณเป็นคนนอก ไม่ได้ทำเพื่อมันเลยสักนิด จะไปมีส่วนของคุณได้ยังไง?”
โหมวยู่เลิกคิ้ว เขารู้ว่าที่นั่นชางหลิงให้ความสำคัญกับมันมากๆ แต่คิดไม่ถึงว่า นั่นเป็นสินสอดแต่งงานที่แม่เธอเก็บไว้ให้เธอ?
“ไหนๆ ก็เป็นสินสอดแต่งงานของหลิงเอ๋อ การค้าขายนี่ ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้” เขาก็ได้ยิ้มแบบขี้เล่นขึ้น
ชางหลิงก็ได้ตาโต จ้าวหลันจือกลับหัวเราะออกมา
“โหมวยู่ นายมีอะไรเหรอ? เดิมทีนั่นก็เป็นของของฉันนะ นายอยากจะทำอะไร?” ชางหลิงโมโหแล้วก็กระชากมือออกจากมือของเขา
พรรคพวกเป็นหมูเหรอ? เธอให้เขามาส่งเงินให้จ้าวหลันจือหรือไง?
โหมวยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นิ้วของเขาก็ได้จิ้มไปที่รถเข็นของชางหลิงเบาๆ ยิ้ม “ตามราคาของตลาดละก็ ที่ดินพร้อมบ้าน ราคารวมแล้วสิบล้าน ผมออกห้าสิบล้าน ห้าสิบล้านนี้ถือว่าเป็นค่าสู่ขอหลิงเอ๋อละกัน”
ห้าสิบล้าน!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจนอ้าปากค้างไปเลย โดยเฉพาะชางหลิง
เธอนั้นไปหาคนที่ให้เธอเอาเปรียบแบบนี้ได้ยังไง ต่อให้มีเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดนี้หรือเปล่า
ชางหวยซูอึ้งไปเลย โหมวยู่คิดจะวางแผนอะไรกันแน่?
“คุณพูดจริงเหรอ?” จ้าวหลันจือดีใจมากจนลืมไปแล้วว่าตัวเองนั้นแซ่อะไร มีเงินห้าสิบล้านนี้ เธอก็สามารถที่จะช่วยชางฉิงออกมาแล้ว ไม่แน่อาจจะเหลือแล้วก็สามารถที่จะให้เธอไปจากเมืองหนาน
“แต่ว่า ค่าสู่ขอนี้ ต้องให้คุณพ่อคุณแม่ คุณหญิงชางไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหลิงเอ๋อ คุณท่านชางยิ่งต้องพูดคำไหนคำนั้น ได้ไล่หลิงเอ๋อออกจากบ้านแล้ว เพราะงั้น เงินนี้ ผมก็ต้องให้ภรรยาของผมแค่คนเดียวแล้ว”
โหมวยู่ยิ้มมุมปาก หันไป “ฉู่ฉือ โอนเงิน”
“เดี๋ยวก่อน!” จ้าวหลันจือตกใจ “บ้านฉันเป็นคนขาย นายมีสิทธิ์อะไรโอนเงินให้ชางหลิง?”
อย่าว่าแต่จ้าวหลันจือ ชางหลิงก็ตกใจ ที่แท้โหมวยู่ตั้งใจจะทำแบบนี้เอง เธอได้อึ้งแล้วก็กะพริบตา ไม่นาน โทรศัพท์เธอก็ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชีจากธนาคาร
เพราะว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ เพราะงั้นฉู่ฉือก็ได้ให้คนแบ่งโอนเป็นส่วนๆ โทรศัพท์ของชางหลิงก็ได้ดังติ้งๆๆ ไม่หยุด มือทั้งสองข้างของเธอได้จับไว้ ก็ได้กลืนน้ำลายลงไปอย่างอดไม่อยู่
ห้าสิบล้านนะ…… โหมวยู่โอนเข้ามาแบบหน้าไม่แดงใจไม่เต้นเลย อย่างกับว่าโอนมาแค่ห้าพันยังไงอย่างงั้น
“คุณพ่อตา ที่ผมทำแบบนี้ คุณไม่มีข้อโต้แย้งใช่ไหม” โหมวยู่ก็ได้มองข้ามจ้าวหลันจือ มองไปยังชางหวยซู
สายตาของเขาได้เข้ม รอยยิ้มนั้นคาดเดาอะไรไม่ได้ ไม่ว่ายังไงชางหวยซูก็ได้ทำธุรกิจมาหลายปี แน่นอนว่าต้องเข้าใจความหมายที่จะสื่อของโหมวยู่
เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะให้เขาขาดทุน ยอมรับกับการบังคับซื้อขายครั้งนี้
ชางหวยซูโมโหจนกัดฟัน ชัดเจนว่าโหมวยู่ได้ระบายอารมณ์แทนชางหลิง แต่เขามีเงินมีอำนาจมาก เป็นถึงคุณท่านรองโหมวอยากจะซื้อบ้านของเขา เขาต่อต้านได้เหรอ?
“คุณก็ได้โอนเงินไปแล้ว ข้อโต้แย้งของผมยังมีประโยชน์เหรอ?” ชางหวยซูก็ได้นั่งไปที่โซฟาอย่างแรง แล้วก็จ้องไปที่จ้าวหลันจือที่อยู่ข้างๆ อย่างหงุดหงิดสุดๆ
“นี่หมายความว่าอะไร! พวกเธอหลอกฉันเหรอ?” ใบหน้าของจ้าวหลันจือได้แดง เห็นว่าเงินห้าสิบล้านจะได้มาอยู่ในมือแล้วแท้ๆ กลับหายไปแบบนี้ เธอรู้สึกว่าลมหายใจนั้นก็ได้ติดขัดขึ้นเลยทันที
“ก็หลอกคุณไง คุณจะทำไม? ” ชางหลิงก็ได้เชิดหน้าขึ้น ตอนนี้ บริษัทกับที่ดินที่แม่ได้เหลือไว้เธอได้กลับมาหมดแล้ว เธอก็ไม่ได้มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
“ที่ผ่านมานี้คุณ ได้ครอบงำของของบ้านตระกูลชางก็ควรที่จะสิ้นสุดสักที พวกนี้เดิมทีควรที่จะเป็นของของฉัน ฉันก็แค่เอามันคืนมาเท่านั้น”
“อะไรคือเดิมก็เป็นของของเธอ นี่เป็นของของตระกูลชาง เป็นของที่ตระกูลเสิ่นชดใช้ให้ตระกูลชาง เป็นของที่แม่ที่หน้าไม่อายของเธอชดใช้ให้ตระกูลชาง!” จ้าวหลันจือโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“จ้าวหลันจือ!” ชางหวยซูได้ยินที่เธอพูดแบบนี้ ก็ได้รีบด่าเธอไป “เธอหุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าพูดอะไรบ้าๆ”
ใจของชางหลิงได้กระตุก คำพูดของจ้าวหลันจือมันหมายความว่าอะไร? อะไรคือ เป็นของที่ตระกูลเสิ่นชดใช้ให้ตระกูลชาง?
“ฉันทำไมจะพูดไม่ได้? ชางหวยซู ค่าปิดปากนั้นคนที่ได้รับมีคุณคนเดียวไม่ใช่ฉัน! ตอนนี้เรื่องลูกสาวของฉันก็ได้หมดหวังไปแล้ว ตระกูลชางก็ไม่มีพื้นที่ให้พวกเราสองแม่ลูกแล้ว ฉันทำไมต้องเก็บเรื่องเมื่อปีนั้นเป็นความลับอีก?” จ้าวหลันจือก็ได้ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่มองไปทางชางหลิงนั้นก็ได้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ชางหลิงก็ได้หันไปสบตากับโหมวยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองไม่รู้ ที่แท้ก็ยังมีอีกความลับหนึ่งที่ได้รอพวกเขาอยู่
“เรื่องเมื่อปีนั้น?” ชางหลิงไม่เข้าใจ “อะไรคือเรื่องเมื่อปีนั้น? พวกคุณปิดบังอะไรฉันกันแน่?”
“ได้ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมันอีกแล้ว!” ชางหวยซูตักเตือนจ้าวหลันจือ
“เหอะ ไม่ต้องไปพูดอีก? งั้นคุณก็ไปช่วยฉิงฉิงสิ เธอเป็นลูกแท้ๆ ของคุณนะ! หรือว่าคุณได้คิดว่าลูกชู้อย่างชางหลิงเป็นลูกของคุณไปแล้ว? ความสบายที่คุณมีมาสิบกว่าปี ก็ทำให้คุณกลืนความปอดแหกเมื่อปีนั้นไปแล้วจริงเหรอ?” ตาของจ้าวหลันจือแดง
ลูกชู้!
สองคำนี้ก็ได้ตีไปที่ใจของชางหลิงอย่างแรง คำพูดของจ้าวหลันจือ ก็คือ เธอไม่ได้เป็นลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลชาง?
โหมวยู่ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดว่าเขาได้ตรวจสอบเรื่องของชางหลิงอย่างละเอียดมากแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ประวัติของเธอ ยังมีจุดพีคนี้อยู่
“คุณท่านชาง หมายความว่าอะไร?” โหมวยู่ก็ได้ถามออกไป
ชางหวยซูปิดปากไม่พูด ก็ได้ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่มีทางเลือก
สองมือของชางหลิงได้กุมเข้าด้วยกัน รับเรื่องนี้ไม่ได้เลยทีเดียว
“ที่ผ่านมานี้ ฉันคิดว่า คุณพ่อนั้นลำเอียง เพราะงั้นคุณถึงได้รักชางฉิงมาตั้งแต่เด็ก ฉันนั้นต้องแย่งกับเธอทุกอย่าง ก็เพื่อที่จะได้รับความสนใจจากคุณเท่านั้น อยากให้คุณรักฉันมากหน่อยเท่านั้น แต่ว่าคุณไม่เคยที่จะใส่ใจฉันเลยตั้งแต่แรก ฉันยังเคยคิดเลยว่าฉันนั้นไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของคุณหรือเปล่า ที่แท้……ที่แท้ทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
เธอไม่ได้เป็นลูกสาวของชางหวยซู งั้นเธอเป็นลูกสาวของใคร?
“เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว!” จ้าวหลันจือกลั้นน้ำตา “แกได้บอกมาตลอดว่าฉันเป็นชู้ ฉันเป็นคนมาทำลายความรักของพ่อแม่ของแก แต่แกรู้ไหมว่า ฉันเป็นคนที่รู้จักพ่อของแกก่อน! พวกเราก็ได้มีสัญญาแต่งงานกันแล้ว ไม่นานก็จะแต่งงานแล้ว แม่ของแกเป็นคนเข้ามาเสียบความรักของพวกเรา!”
“แกไม่สงสัยเลยเหรอว่าหลายปีมานี้คุณตาคุณยายของแกทำไมไม่เคยที่จะมาเยี่ยมหาแกเลย? ก็เพราะว่าเสิ่นวั่นชิงท้องก่อนแต่งได้ทำให้วงศ์ตระกูลขายหน้า เธอไม่มีทางเลือก ก็ได้สัญญาว่าจะให้เงินทองตระกูลชาง บังคับให้พ่อของแกสู่ขอเธอ! แกไม่ได้เป็นลูกของตระกูลชาง แกเป็นลูกของนางแพศยาเสิ่นวั่นชิงกับชายชู้ที่ไหนก็ไม่รู้!”