“พอแล้ว!” ชางหวยซูก็ได้ตะโกนออกมา
น้ำตาของชางหลิงก็ได้ตกพร้อมกับเสียงนั้น สองมือของเธอก็ได้กุมแน่น สั่นไม่หยุด
ถ้าเป็นแบบนี้……ตอนที่เธอยังเด็กก็ได้เห็นคุณตาคุณยายของชางฉิงมาเที่ยวที่บ้าน ก็เคยถามชางหวยซูว่าคุณตาคุณยายของเธออยู่ที่ไหน แต่ว่าทุกครั้งคำตอบของเขาก็ไม่ชัดเจน บอกว่าคุณแม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับที่บ้านแล้ว แต่ไม่คิดว่า จะเป็นการตัดความสัมพันธ์แบบนี้
“คุณพ่อของหลิงเอ๋อเป็นใคร?” โหมวยู่ได้ใจเย็นกว่าเธอมาก ก็ได้ถามต่อ
ชางหวยซูเห็นว่าเรื่องไม่มีทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ได้ถอนหายใจยาวๆ
“ฉันไม่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร” ชางหวยซูมองไปที่ชางหลิงสักพัก “ตอนที่วั่นชิงแต่งงานกับฉันนั้น ก็ได้ท้องสามเดือนแล้ว ตอนนั้นฉันยังทำงานเป็นพนักงานเล็กๆ ในบริษัทของตระกูลเสิ่นที่เมืองเป่ยหยวน เดิมคิดว่าปีใหม่ก็จะมาแต่งงานที่บ้านเกิด แต่ว่าอยู่ๆ คืนวันหนึ่งวั่นชิงก็ได้มาหาฉัน บอกว่าถ้าฉันแต่งงานกับเธอ ให้ฐานะกับเธอและลูก เธอก็สามารถที่จะให้ความร่ำรวยที่ทั้งชาติฉันก็หามาไม่ได้ ฉันก็ได้หน้ามืดตามัว ได้ทิ้งว่าที่ภรรยาที่บ้านเกิด แล้วมาเป็นคนรองรับ”
“วั่นชิงแต่งงานกับฉันถือว่าแต่งงานกับคนฐานะต่ำ ท่านทั้งสองของตระกูลเสิ่นได้ผิดหวังกับเธอมาก ก็ได้ตัดความสัมพันธ์กับเธอ ให้เงินเธอมาก้อนหนึ่ง เธอก็ได้มาที่เมืองหนานกับฉัน พวกเรามาตั้งหลักที่นี่ เธอเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ทำธุรกิจนั้นก็ได้เก่งมากๆ เอาเงินที่ที่บ้านให้มาก้อนนั้น เริ่มต้นจากตั้งกลุ่มก่อสร้าง ทำงานไปพร้อมท้องที่โต ไม่ถึงสองปี บริษัทชางซื่อก็ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ว่า……ตอนนั้นฉันยังหนุ่มแล้วความต้องการสูง ถึงแม้ว่าวั่นชิงแต่งงานกับฉัน ก็ไม่เคยที่จะมีอะไรแบบสามีภรรยากับฉันเลย ส่วนหลันจือ……ฉันได้รู้สึกผิดต่อเธอ ตอนที่เธอมาหาฉันที่เมืองหนาน ก็ได้มีชางฉิง……”
“พวกคุณแต่งงานตั้งนาน เธอไม่เคยที่จะบอกเรื่องคุณพ่อของหลิงเอ๋อกับคุณเลย?” โหมวยู่มองชางหลิงที่อยู่ข้างๆ ตาเธอได้แดง เกรงว่าเรื่องนี้สำหรับเธอแล้ว ก็ได้เป็นการกระทบทางจิตใจครั้งใหญ่
“เธอทำอะไรไม่เคยที่จะพลาดเลย เป็นคนรอบคอบมาก ฉันก็เคยถาม แต่ว่าเธอไม่เคยที่จะหลุดพูดมันออกมาเลยแม้แต่นิด” ชางหวยซูตอบ
“งั้นคุณแม่ของฉันตายได้ยังไง?” เสียงของชางหลิงก็ได้อ่อนลง “ถ้าเกิดการแต่งงานของพวกคุณนั้นเป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน ถ้าเกิดท่านไม่รักคุณ ไม่ใช่เพราะการหักหลังของคุณแล้วท่านถึงเป็นโรคซึมเศร้า แล้วท่านทำไมถึงฆ่าตัวตาย?”
“โรคซึมเศร้าของเธอ ได้มาก่อนที่เธอจะแต่งงานกับฉันแล้ว” ชางหวยซูเจ็บปวด “ตอนที่เธออยู่ในตระกูลชาง ฉันไม่เคยที่จะเห็นเธอยิ้มเลย เธอได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของชางฉิงอยู่ตลอด ฉันกับน้าจ้าวของเธอก็เพราะว่าได้รับปากกับเธอแล้วว่าจะเก็บตัวตนเธอเป็นความลับ ถึงได้รับชางฉิงมาอยู่ที่ตระกูลชาง เธอไม่เคยที่จะแคร์เรื่องของฉัน แล้วจะมาฆ่าตัวตายเพราะพวกฉันได้ยังไง?”
ชางหลิงพูดไม่ออก
ผิดแล้ว……ที่แท้ก็ผิดไปหมด……
ชู้รักที่เธอเคยคิดว่าเป็นมาตลอดจริงๆ แล้วไม่ใช่ ศัตรูที่คิดว่าได้ฆ่าคุณแม่นั้น ก็ไม่ใช่ศัตรูของเธอ……
งั้นหลายปีมานี้ ก็อยู่อย่างสูญเปล่า……
“ตอนนี้เธอเข้าใจหรือยัง? พวกเราไม่ได้ทำผิด! แม่ของเธอได้เขียนพินัยกรรมไว้ ขอแค่เก็บเรื่องตัวตนจริงๆ ของเธอเป็นความลับ สมบัติของตระกูลชางทั้งหมดก็เป็นของพวกเรา! หลายปีมานี้ ต่อให้ปัญหาใหญ่ขนาดไหน พวกเราก็ได้เก็บเป็นความลับมาโดยตลอดไม่บอกเธอ แล้วเธอล่ะ คนใจจืดใจดำอย่างเธอ ก็ได้กดดันมาตลอด ไม่เพียงไม่ซาบซึ้งต่อการเลี้ยงดูของพวกเรา ยังทำให้ฉิงฉิงเป็นแบบนี้!” จ้าวหลันจือร้องไห้อย่าวเจ็บปวด
“เรื่องนี้ ยังมีใครรู้อีก?” ใบหน้าของชางหลิงก็ได้ซีด
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีงาม นอกจากฉันกับน้าจ้าวของเธอ ก็มีแค่คุณปู่คุณย่าของเธอที่รู้” ชางหวยซูตอบไปอย่างไม่มั่นใจ “แต่ว่า ข้างกายของแม่เธอนั้นมีทนายอยู่คนหนึ่ง ชื่อตู้เว่ยหรัน เป็นคนที่แม่เธอผลักดันเองกับมือ เป็นฝ่ายกฎหายของบริษัทชางซื่อ พินัยกรรมก็เป็นเขาที่ได้จัดการ”
“แล้วเขาล่ะ?” ชางหลิงถาม ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก แม่ของเธอเสียไปตอนอายุแปดขวบ แล้วท่านก็ไม่เคยที่จะเอางานกลับมาทำที่บ้าน เพราะงั้นกับคนข้างกายของเธอไม่รู้จักเลยสักนิด
“ตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสีย เขาก็ได้ไปต่างประเทศ ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” ชางหวยซูส่ายหน้า
ความหวังที่ได้เพิ่มขึ้นมาของชางหลิงก็ได้ดับลงอีกครั้ง
“พูดมามากขนาดนี้แล้ว สรุปเธอจะปล่อยฉิงฉิงไหม?” จ้าวหลันจือเร่งเธอ “ตอนนี้เธอได้รู้แล้ว ตระกูลชางไม่ติดค้างอะไรเธอแล้ว เลี้ยงเธอมาจนโตขนาดนี้ ให้เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลชาง เธอน่าจะตอบแทนหน่อยนะ”
ชางหลิงไม่รู้จะเปิดปากยังไง
ชางหวยซูเป็นคนเลี้ยงเธอจะจนโตจริง แต่ว่า ตั้งแต่ที่คุณแม่เสียไป ก็ไม่มีคนปกป้องเธอแล้ว ในตระกูลชางเธอก็เป็นคนนอกคนหนึ่ง ความสัมพันธ์อะไร ความสุขของครอบครัวอะไรนั้น ไม่เคยที่จะมีของเธอเลย เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ยิ่งทำให้เธอนั้นสิ้นหวัง เธอคิดว่าเธอนั้นไม่ได้มีอะไรที่ผิดต่อตระกูลชาง แต่ว่าคนของตระกูลชางนั้น ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้มาโทษเธอตลอด
“การกระทำของชางฉิงมันผิดกฎหมาย ฉันรับรองได้แค่ว่าตัวเองจะไม่ตกเป็นเป้าอีก ส่วนจุดจบของเธอ ฉันกำหนดมันไม่ได้”
“แก……” ตอนที่จ้าวหลันจือกำลังจะด่าเธอนั้น โหมวยู่ก็ได้ไอออกมาเบาๆ
เขามองไปยังชางหวยซูกับจ้าวหลันจือ พูดออกมาเรียบๆ
“พวกคุณเลี้ยงดูหลิงเอ๋อ ก็เพราะได้รับบุญคุณของคุณแม่ของเธอ หลายปีมานี้ สมบัติและบริษัทที่ท่านเหลือไว้พวกคุณก็ได้สุขสบายบนนั้นไปหมดแล้ว เป็นการแลกเปลี่ยน ก็ไม่จำเป็นต้องลากอย่างอื่นมาเกี่ยวด้วย”
“บริษัทชางซื่อได้มาถึงจุดจบแล้ว ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ก็มีแต่ล้มละลาย หลิงเอ๋อก็ได้เหลือหุ้นส่วนสามสี่เปอร์เซ็นต์ให้กับคุณท่านชาง หลังจากนี้ขอแค่มีบริษัทชางซื่อก็จะมีเงินปันผลให้ตลอด ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนในปีที่ผ่านมาของเธอ ส่วนที่ดินผื่นนั้น ผมเชื่อว่า นั้นเป็นที่ดินที่คุณแม่ของหลิงเอ๋อเหลือให้เธอ คุณแม่ยายเป็นคนรอบคอบ ต้องเหลืออะไรให้หลิงเอ๋อบ้างแน่ เพราะงั้น วันนี้เอามันคืน ก็ไม่เกินไป”
“ถ้าเอาตามที่นายว่ามา พวกเรากับชางหลิงก็ไม่ติดค้างอะไรแล้ว?” จ้าวหลันจือมองบน
“ถึงแม้ว่าพวกคุณเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอจนโต แต่ว่าไม่เคยที่จะคิดว่าเธอเป็นลูกแท้ๆ ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่มีทางที่จะเอาความผิดทั้งหมดโยนมาให้เธอ เรื่องของชางฉิง เป็นเพราะการกระทำของเธอไม่ถูกต้อง ยิ่งเป็นเพราะว่าพวกคุณที่เป็นพ่อแม่สั่งสอนเธอล้มเหลว หลิงเอ๋อไม่เคยที่จะทำร้ายใครก่อน เพราะงั้น ความผิดนี้……”
“พวกเราได้แบก” โหมวยู่ยิ้มเบาๆ แล้วก็ลุกขึ้น
เห็นว่าโหมวยู่จะจากไป ชางหวยซูก็ได้ร้อนรน ก็ได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่ชางหลิง “ชางหลิง เธอพูดเอง เธอก็คิดแบบนี้เหรอ? เธอจะเนรคุณแบบนี้เหรอ? ไม่สนน้องสาวเธอแล้ว?”
“ถึงแม้ว่าพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่ว่ายังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เธอจะเห็นแก่ชีวิตยี่สิบสองปีนี้ แล้วก็เหลือทางรอดให้น้องไม่ได้เหรอ?”
ชางหลิงก้มหน้ายิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นก็ได้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เธอได้กลั้นน้ำตา เงยหน้ามองชางหวยซู
ถ้าเขาไม่พูดถึงทั้งยี่สิบสองปีนี้ เธอก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจ แต่ว่า พอออกมาจากปากของเขา ตอนนี้ในหัวของเธอ ก็คิดถึงแต่ เรื่องที่ทำให้เธอเสียใจมากๆ ทั้งหมด
เธอก็ได้มองทั้งหมดของห้องนี้ ก็ตรงนี้ เธอนั้นก็ได้แอบมองพวกเขาครอบครัวห้าคนที่ได้มีความสุขด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน และเธอ เพราะว่าเป็นลูกสาวของเสิ่นวั่นชิง ก็ได้ถูกหาว่าไม่รู้เรื่องมาตลอด
ทั้งทั้งที่ เธอก็อยากได้รับความรักขนาดนั้น
“เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจมาตลอดว่า ทำไมเป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ฉันกลับไม่เหมือนกับพวกคุณเลยสักนิด” ชางหลิงยกมือ มาเช็ดน้ำตา แล้วก็ยิ้มอย่างปลงๆ
“แต่ว่าตอนนี้ ก็ได้อธิบายทุกอย่างได้แล้ว ผู้ใหญ่แล้วก็พ่อแม่อย่างพวกคุณ ไม่มีทางที่จะสั่งสองฉันที่มีจริยธรรมดีกว่าหน้าตาแบบนี้ได้หรอก”
สีหน้าของชางหวยซูก็ได้เสียเลยทันที
ชางหลิงเงยหน้า ก็ได้ยิ้มให้โหมวยู่ “ที่รัก พวกเรากลับเถอะ”
โหมวยู่ลูบผมของเธอ แล้วก็เข็นรถเข็นเธอ เดินไปที่ประตู
“ชางหลิง!” จ้าวหลันจือก็ได้ตามไป ฉู่ฉือกลับขวางเธอไว้
“คุณหญิงชาง” ฉู่ฉือก็ได้คำนับเธออย่างมีมารยาท “คุณนั้นก็อย่าเสียเวลาให้กับคุณชายรองและคุณหญิงเลยครับ ตอนนี้คุณหนูชางฉิงได้อยู่ที่บ้านตระกูลหยูแล้ว ถ้าตอนนี้คุณนั้นไปขอขมาต่อหน้าโลงศพของคุณชายหยู ไม่แน่อาจมีโอกาสให้คุณหนูชางฉิงรอดมาได้”