ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 82 เป็นแพะรับบาปของหล่อน

บทที่ 82 เป็นแพะรับบาปของหล่อน

บทที่ 82 เป็นแพะรับบาปของหล่อน

“พ่อของคุณไม่ชอบฉันใช่ไหม?”ชางหลิงถามเขาอย่างตรงไปตรงมา “เขาไม่ต้องการให้คุณอยู่กับฉัน”

หล่อนจ้องไปที่โหมวยู่แต่เขากลับเงียบ และหลบสายตาตัวเองไปจากหล่อน

ที่จริงชางหลิงรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ถ้ามันถูกพูดออกมาจากปากของโหมวยู่มันก็จะทำให้หล่อนชัดเจนในความเป็นจริงมากขึ้น

“ถ้าเดาไม่ผิด ชางหลิงก็โดนเกี่ยวพันไปกับผมด้วยทุกสิ่งอย่างที่หล่อนได้ประสบเจอนั้นก็เป็นเพราะเขาเข้าใจผิดว่าคุณกับชางหลิงมีความสัมพันธ์กัน”

ชางหลิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพราะอะไรทำไมโหมวยู่ถึงวางแผนสังหารอันชั่วร้ายนี้กับชางฉิง แต่หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว ด้วยนิสัยของโหมวยู่ เขาจะไม่ทำเรื่องที่ไม่ไร้ค่าแบบนี้เด็ดขาด แม้จะล้างแค้นให้หล่อนเขาก็ควรจะลงมือด้วยความเหมาะสม

โหมวยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณไม่ได้คิดว่าผมเป็นคนทำเหรอ?”

ชางหลิงก้มหน้าครุ่นคิด และตอบเขาอย่างจริงจังว่า “ฉันคนนี้ เป็นคนตรงไปตรงมา คิดอะไรก็จะพูดไปอย่างนั้น ในคืนนั้นฉันเห็นคุณกับชางฉิงอยู่ด้วยกัน ฉันก็คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของคุณ แต่ก็เป็นอย่างที่ฉันพูดในวันนั้น พวกเราไม่เคยเข้าใจกันมาโดยตลอดที่จริงเมื่อฉันคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ก็รู้ว่า คุณจะไม่บุ่มบ่ามขนาดนี้”

หลีซินและต้วนเหิงต่างก็พูดว่า ทุกย่างก้าวที่เขาเดินไปนั้น ต่างมีเจตนาของเขา

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าหล่อน เป็นคนที่มักจะออกมาปกป้องหล่อนทุกครั้งที่เกิดอันตรายนะ ทำไมหล่อนต้องไปซักถามข้อสงสัยเพราะเรื่องของคนอื่นแบบนั้นด้วย?

โหมวยู่ฟังคำพูดของชางหลิงแล้วก็รู้สึกเพียงว่าส่วนหนึ่งของหัวใจเขากำลังละลาย

เขายังคิดว่าที่ชางหลิงรู้สึกแย่กับเขามานานเป็นเพราะเหตุการณ์นี้

“พ่อของผม…” โหมวยู่ครุ่นคิดอยู่นานแต่ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูด “มันเป็นเพราะอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดระหว่างพวกเรา”

ชางหลิงมองขึ้นไป และโหมวยู่ก็เงียบขรึม เหมือนกับก้นทะเลสีน้ำเงินเข้ม ที่ไม่สามารถเห็น ขอบทะเลได้

“ในปีนั้นน้องสาวของภรรยาผม เสียชีวิตเพราะเขา” โหมวยู่ยื่นมือออกมา และจับมือของชางหลิงไว้แน่น

“ในสายตาของเขานั้น การต่อต้านเป็นโทษประหารชีวิต และเขาก็ต้องการควบคุมคนรอบข้างทุกอย่าง การกระทำ หรือแม้แต่ความคิด และเขาก็ไม่เคยให้โอกาสผู้คนได้ปฏิเสธเลย ในปีนั้นพี่ใหญ่กับน้องสาวของภรรยาผมแอบรักกัน และได้ตกลงกันว่าจะหนีไปจากตระกูลโหมว แต่หลังจากที่ถูกเขาเห็นเข้า ขาทั้งสองข้างของพี่ใหญ่ก็พิการไปและน้องสาวของภรรยาก็เสียชีวิตด้วยเหตุสุดวิสัย”

ชางหลิงตกใจ

เมื่อหลีซินพูดถึงน้องสาวของภรรยาโหมวยู่ หล่อนก็เดาบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ แต่เมื่อพูดออกมาจากปากของโหมวยู่ก็ยังทำให้หล่อนรู้สึกน่าหวาดกลัว

“เขาตัดสินชีวิตความเป็นความตายของคนอื่นด้วยอะไร? หรือว่าในสายตาของเขา ชีวิตของคนมันก็ไร้ค่าอย่างนี้?” ชางหลิงไม่สามารถเข้าใจได้ว่านี่เป็นความคิดแบบไหน

“บรรพบุรุษของตระกูลโหมวเป็นขุนศึกความคิดแบบนี้จึงถูกฝังลึก ผมกับพี่ใหญ่เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ และไม่เคยยอมแพ้การต่อต้านมาก่อนเลย” น้ำเสียงโหมวยู่หนักอึ้ง

ชางหลิงนึกถึงรอยแผลเป็นบนตัวเขาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเขาครั้งแรก หล่อนก็อยากรู้ว่าเขาเคยประสบเจอกับอะไรมาบ้างทำไมถึงได้ทิ้งรอยแผลเป็นบนร่างกายไว้มากมายขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ เมื่อเห็นรอยหวายที่หลังของเขาหล่อนจึงได้เข้าใจถึงสาเหตุทั้งหมด

“จึงไม่มีคนที่สามารถรักษาเขาได้เหรอ?” ชางหลิงเต็มไปด้วยความโกรธ “ตอนนี้มันเป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายแล้วและทุกสิ่งที่เขาทำนี้ล้วนผิดกฎหมาย!”

“เขาทำอะไรไม่เคยทิ้งหลักฐานไว้เลยแม้ว่าจะมีเบาะแสที่ตามมาเขาก็มีวิธีปลีกตัวหนีของตัวเอง เพราะอำนาจของตระกูลโหมวเป็นเกราะป้องกันที่ใหญ่ที่สุดของเขา”

เช่นเดียวกับครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะการยืนหยัดอย่างไม่ลดละของหลีซินแล้วละก็ ชางหลิงก็คงไม่มีทางรอดมาได้แน่นอนแม้ในที่สุดเขาจะตามหาหล่อนจนเจอ ก็กลัวว่ามันจะสายเกินไปแล้ว

ชางหลิงก้มศีรษะลงเพราะทั้งหมดที่โหมวยู่พูดมานี้ก็เป็นเหมือนกับตาข่ายมืดครึ้มขนาดใหญ่ที่ปกคลุมบนตัวหล่อนไว้ ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

เพราะหล่อนทนกัดฟันสู้มาโดยตลอด หล่อนเลยเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอำนาจและอิทธิพลมากมายหมายถึงอะไร สถานกักกันวันนั้น หยูเจิ้งหงตัวน้อยสามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อบังคับให้หล่อนสารภาพผิด ยิ่งไปกว่านั้นโหมวเจิ้งถิงยังเป็นผู้ที่มีอำนาจมากคนหนึ่งในเมืองหนานอีกด้วย

“เรื่องของชางหลิง ไม่ใช่เพราะโหมวเจิ้งถิงเป็นคนทำ แต่เป็นตระกูลโม่” และโหมวยู่เองก็บอกกับหล่อนตามความเป็นจริงว่า “โม่หยวนผิงพ่อของโม่โม่เป็นผู้ช่วยผู้บังคับบัญชากองทหารของโหมวเจิ้งถิงซึ่งฝีมือของพวกเขาเหมือนกันไม่มีผิด และโม่โมคนนั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายแล้วหล่อนจะทำโดยไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล และชางฉิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน”

“โม่โม่เหรอ?” สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ชางหลิงคาดไม่ถึงเลย “หล่อน… หล่อนจะทำ…”

หล่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเข้ากับคนง่ายมากๆ ทั้งที่ไม่มีแท่นของพี่ใหญ่ ยังมักจะช่วยกู้หน้าให้หล่อนในช่วงเวลาอันตรายนั้นอีก ด้วยเหตุนี้ หล่อนก็ยังเคยรู้สึกผิดกับเรื่องที่ตัวเองและโหมวยู่อยู่ด้วยกันต่อหล่อนอีก

“หล่อนดีกับคุณเพราะหล่อนต้องการใช้มือของคุณกำจัดชางฉิงทิ้งไป” ราวกับว่าโหมวยู่จะเดาความคิดในใจของหล่อนได้

ชางหลิงเบิกตากว้าง

ดังนั้นการที่โหมวยู่ปล่อยให้ชางฉิงเข้ามาทำงานในบริษัทเซิ่งซื่อนั้นไม่ใช่เพียงเพราะเขาแค่ต้องการฆ่าหล่อน แต่กลับต้องการให้ชางฉิงบังกระสุนแทนหล่อน?

“งั้นก็แสดงว่า ทุกสิ่งอย่างที่ชางฉิงประสบเจอที่จริงควรจะเป็นฉัน…” ดังนั้น เป้าหมายที่แท้จริงของโม่โม่ก็คือหล่อน และชางฉิงเองก็เป็นเพียงแพะรับบาปของหล่อน

เมื่อคิดอย่างนี้ชางหลิงก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจชางฉิงขึ้นมาทันที…

หล่อนมองกวาดไปรอบๆ ตัว โหมวยู่ หล่อนมักจะรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของผู้ชายคนนี้จะเขียนคำว่า “สองหน้า” ไว้ แล้วเขาตัดสินใจดึงตัวชางฉิงมาบังกระสุนเมื่อไหร่กัน?

“โหมวยู่คุณยังพูดถึงโม่โม่อยู่อีกเหรอ ฉันรู้สึกว่า การกระทำที่เลวทรามต่ำช้านั้น คุณก็ทำได้ไม่เลวเลยนะ ถึงขั้นคิดวิธีแบบนี้ได้คุณนี่ช่างเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเลยมันไม่น่าแปลกที่พ่อของคุณต้องการให้คุณแต่งงานกับโม่โม่เพราะมันเป็นฉายาระหว่างปัญหาของชายและหญิงนี่เอง คุณนี่กล้าจริงๆ”

ชางหลิงอดไม่ได้ที่จะฉีกหน้า

โหมวยู่สีหน้ามืดครึ้ม และบรรยากาศที่เดิมทีจริงจังนั้นก็ถูกทำลายด้วยคำพูดของหล่อน

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ผมทำผิดงั้นเหรอ?” โหมวยู่เลิกคิ้ว

“ผิดเหรอ…ก็ไม่ได้ผิดนะ…” ชางหลิงพูดไม่ออก ชางฉิงก็สมควรได้รับแล้วแหละ การที่ชีวิตส่วนตัวของหล่อนยุ่งเหยิงมันเป็นความจริง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรม มันก็เป็นเพียงคำโน้มนำและทำให้อดีตทั้งหมดของหล่อนถูกเปิดเผยออกมาจนหมด

“อย่างไรก็ตาม ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องอย่างนี้ ช่วยบอกให้ฉันทราบสักนิด ไม่อย่างนั้น พวกคุณทุกคนก็จะต้องต่อสู้อย่างจริงจัง และฉันก็จะเป็นเพียงคนที่น่ารักใสซื่อแต่โง่คนหนึ่งเท่านั้น เป็นแบบนี้เห็นได้ชัดว่าฉันอาจจะ… ไร้ประโยชน์”

โหมวยู่ไม่เข้าใจการกระทำของชางหลิงเลย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังจับมือของหล่อนไว้แน่น

“ตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากเกณฑ์ทหารมาแล้ว ผมได้แต่คิดหาวิธีจัดการกับตระกูลโม่ เพราะอยากยกเลิกการหมั้นกับโม่โม่ ส่วนเรื่องของชางฉิง ผมมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว แค่หล่อนยื่นอุทธรณ์ โม่โม่ก็จะถูกประหารชีวิต แค่… ”

แค่เพราะฉันคุณจึงจำใจละทิ้งงั้นเหรอ?” ชางหลิงเดาออก

เมื่อครู่หล่อนกำลังคิดว่าโหมวยู่ได้ตกลงอะไรกับโหมวเจิ้งถิงไว้หรือเปล่าทำไมถึงยอมให้เขาปล่อยหล่อนไป แต่เมื่อได้ยินโหมวยู่พูดแล้ว หล่อนก็สามารถเข้าใจได้แล้ว

“ขอโทษ” โหมวยู่ไม่ได้ตำหนิหล่อนเลยแต่กลับพูดขอโทษกับหล่อน “ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็คงจะไม่ต้องโดนเกี่ยวพันไปด้วย”

“คนที่ควรพูดว่าขอโทษควรเป็นฉันมากกว่า” ชางหลิงลู่ตาลง “เป็นเพราะฉันถ่วงคุณไว้”

ในที่สุดหล่อนก็เข้าใจในสิ่งที่ต้วนเหิงได้พูดไปเมื่อครู่นั้นว่ามันหมายถึงอะไร หล่อนจะต้องแข็งแกร่งพอถึงจะสามารถไปต่อสู้ด้วยกันกับโหมวยู่ได้ แม้ว่าหล่อนในตอนนี้ จะช่วยอะไรไม่ได้เลยแทนที่จะปล่อยให้เขาล้มเหลวเนื่องจากขาดความพยายามครั้งสุดท้าย

โหมวยู่จับไหล่ของหล่อนพร้อมกับจูบไปที่หน้าผากหล่อนเบาๆ

ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำที่จริงแล้วก็เพื่อหล่อนทั้งนั้น เพราะเขาอยากให้หล่อนเป็นภรรยาของเขาอย่างเหมาะสม ดังนั้นเขาจึงต้องการกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมดบนทางที่พวกเขาจะเดินไปให้หมดสิ้นเพื่อหล่อนด้วยตัวเขาเอง และตอนนี้ แม้ว่าทุกอย่างจะต้องกลับสู่จุดเดิมก็ตาม ตราบใดที่มีหล่อนอยู่เคียงข้าง ทุกๆ อย่างก็คุ้มค่า

“ในไม่ช้าโม่โม่ก็จะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเราและโหมวเจิ้งถิงก็จับตาดูคุณแล้ว คุณ… กลัวไหม?”

โหมวยู่ถามหล่อนเบาๆ

“กลัวสิ!” ชางหลิงตอบอย่างจริงจัง “เราไปหย่ากันตอนนี้เถอะ ฉันเพิ่งจะอายุ 22 เอง ยังเป็นวัยรุ่น และฉันก็ไม่อยากตายทั้งที่ยังสาวนะ”

สีหน้าของโหมวยู่เงียบเหงา

ที่จริง…หล่อนยังท้อถอยอยู่เหรอ?

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะหย่ากันในตอนนี้ โม่โม่ก็ไม่อาจปล่อยฉันไป ถ้าชางฉิงรู้ความจริงทุกสิ่ง คาดว่าหล่อนอาจมาสร้างปัญหาให้ฉัน เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว แค่มีคุณอยู่เคียงข้างก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

ชางหลิงยิ้มเผยให้เห็นฟันที่ขาวสะอาดดั่งหิมะ และคิ้วที่โค้งของหล่อน

“ฉันกำลังจะตายแล้ว ฉันจะต้องพาคุณไปเป็นเพื่อนที่ฝังศพด้วย เพราะฉันก็ตัวคนเดียว ไม่มีแม้คนที่จะเผากระดาษเงินกระดาษทองมาให้แต่การมีคุณมันจึงไม่เหมือนเดิมอีก…”

คำพูดของหล่อนติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขาจูบที่แข็งแกร่งของเขาก็ร่วงมา และหยุดการบ่นพึมพำที่ไม่ยอมหยุดของหล่อน

“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณตายหรอก” โหมวยู่ก้มหน้าผากตัวเองลง “ว่ากันว่าคนชั่วอายุยาวเป็นพันปี และผมก็ยังไม่ถูกคุณทำลายให้เสียหายด้วย”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท