ชางหลิงซาบซึ้งน้ำตาคลอเบ้ากับคำพูดนี้ของซูเสี่ยวเฉิง หลายปีที่ผ่านมา สามารถเชื่อใจเธอโดยไม่มีข้อแม้ใดๆมาโดยตลอด ก็มีเพียงแค่ซูเสี่ยวเฉิงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งสองคนพูดคุยกับเสร็จก็ดึกแล้ว พ่อแม่ของซูเสี่ยวเฉิงตามเธอกลับบ้าน ชางหลิงถึงพาเธอกลับไปที่ล็อบบี้วิลล่าอย่างอาลัยอาวรณ์
โหมวยู่และหลีซินยังคงท่าเดิม โทรทัศน์เปิดไปช่องกีฬา ในถังขยะเต็มไปด้วยเปลือกผลไม้
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งสองมองไปทางประตูโดยที่ไม่ได้นัดหมายพร้อมกัน
ชางหลิงยิ้มแหะๆ เดินไปข้างโหมวยู่อย่างน่ารักเชื่อฟัง
“คุยเสร็จแล้วเหรอ?” โหมวยู่ถามเธอ
ชางหลิงพยักหน้า ปริปากพูดกับหลีซิน “หลีซิน เสี่ยงเฉิงจื่อรบกวนนายหน่อยนะ ช่วยส่งเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วยนะ”( เสี่ยงเฉิงจื่อก็คือซูเสี่ยวเฉิง)
ซูเสี่ยวเฉิงและหลีซินสบตากัน ทั้งสองละสายตาอย่างไม่สนใจ
ซูเสี่ยวเฉิงมองไปหาโหมวยู่ หลังจากรู้เรื่องราวของเขาและชางหลิง ราวกับรู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นแล้ว
“คุณชายรองโหมว” ซูเสี่ยวเฉิงปริปาก “เสี่ยวหลิงหลิงยกให้นายแล้วนะ นายต้องดูแลเธอดีๆ”
โหมวยู่เอียงคอมองชางหลิงที่สูงไม่ถึงไหล่เขา ยื่นมือไปดึง แล้วโอบชางหลิงไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ไปเถอะ ชักช้าลีลา” หลีซินเอามือไขว้หลัง เหลือบมองซูเสี่ยวเฉิง
ไอ่ผู้หญิงคนนี้ กล้าดียังไงบอกชางหลิงลับหลังว่าเขาเป็นเกย์ ต้องจัดการเธอสักหน่อยแล้ว
“เชอะ!” ซูเสี่ยวเฉิงกลอกตามองบน ผลักหลีซินออก แล้วเดินออกจากประตูไป
ในห้องกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ชางหลิงฟังเสียงลมหายใจของโหมวยู่ รู้สึกได้ถึงแรงกดที่เขาวางบนไหล่ตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งหนัก หัวใจกระตุกเล็กน้อย
“คุณควรอธิบายให้ผมหน่อยหรือป่าว?” ตามคาด โหมวยู่เริ่มถามหาเรื่องซะแล้ว
“ทุกอย่างนี้เป็นแค่การเข้าใจผิด” ชางหลิงแอบกลัว “นายไม่รู้จักซูเสี่ยวเฉิง ปกติเธอเขียนนิยายน้ำเน่าเยอะไป สมองไม่ค่อยดีเท่าไหร่……”
“ใช่เหรอ?” โหมวยู่เลิกคิ้ว
ชางหลิงรู้สึกใจคอไม่ดี อยากจะรีบชิ่งหนี แต่พอโหมวยู่ยกมือ ก็ดึงคอเสื้อเธอไว้อย่างแม่นยำไม่มีผิด
“ทำอะไร นายจะใช้กำลังเหรอ?” ขาทั้งคู่ของชางหลิงลอยขึ้น โหมวยู่อุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย
ขาทั้งคู่ของเธอเกาะบนเอวเขา เพราะกลัวว่าจะตกลงมา มือทั้งคู่โอบคอเขาไว้แน่น
“ไม่ใช้ความรุนแรง แค่ทำเรื่องที่ระหว่างสามีภรรยาควรทำกัน” โหมวยู่กระตุกมุมปาก อุ้มเธอขึ้นไปบนห้อง
“แผลของนายยังไม่หายดีเลย” ชางหลิงถูกโหมวยู่โยนลงบนเตียง
เธอนอนไม่นิ่งชอบดิ้น ชอบไปโดนแผลบนหลังของโหมวยู่หลายครั้ง บวกกับขาของเธอไม่ค่อยสะดวก ช่วงนี้ก็นอนแยกกัน โหมวยู่อดทนมานาน รอจนถึงวันที่เธอถอดเฝือก
“ไม่กระทบโดนหรอก” โหมวยู่สอดมือเข้าไปในเสื้อของเธอ พอสัมผัสกับผิวนุ่มลื่นของเธอก็ไม่อยากจะปล่อยมือ
“งั้นนายตกลงกับฉันก่อน วันจันทร์ให้ฉันไปทำงานที่บริษัท” ชางหลิงจับมือที่สัมผัสบนร่างกายของโหมวยู่
โหมวยู่หยุดการเคลื่อนไหว “ต่อรองกับผมงั้นเหรอ?”
“ฉันอยู่บ้านใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว การแข่งขันการออกแบบได้จบลงแล้ว ฉันไม่อยู่ในบริษัทแต่กลับเข้ารอบ คาดว่าข่าวลือเกี่ยวกับตัวฉันกระจายไปทั่วบริษัท ฉันต้องไปควบคุมสถานการณ์สิ” ชางหลิงกระพริบตาระยิบระยับ
คิ้วของโหมวยู่เลิกขึ้น ไม่ได้ตอบกลับ
นอกจากเรื่องที่ผ่านมาในช่วงนี้ จริงๆแล้วเขาไม่ค่อยอยากให้ชางหลิงไปที่เซิ่งซื่อ ตอนนี้ทั้งตระกูลโหมวและตระกูลโม่ต่างจับตามองเธอ การปรากฏของเธอ คงต้องทำให้โม่โม่โมโหแน่นอน
“คุณชายรอง นายตกลงกับฉันสิ~” ชางหลิงลดเสียงอ่อนลง และไปคล้องคอของโหมวยู่
ท่าทางออดอ้อนของเธอ ทำให้ใจที่ควบคุมไม่ได้อยู่แล้วของโหมวยู่ยิ่งเตลิดเปิดเปิงเข้าไปใหญ่ เขาหมดปัญญากับเธอจริงๆ ต่อต้านกับการยั่วยวนของเธอไม่ไหวเลย
“คุณเรียกผมว่าไงนะ?” โหมวยู่ถามเธอ
มุมปากของชางหลิงยกขึ้น ยิ้มร้ายๆ “คุณสามี~”
โหมวยู่รู้สึกแค่ว่าท้องน้อยร้อนผ่าว จากนั้นก็ถือโอกาสกดเธอลงใต้ร่าง
“คุณจะถูกจัดการอย่างหนักหน่วง” ลมหายใจของโหมวยู่อยู่ข้างๆหูเธอ ชางหลิงรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมา จุ๊บบนริมฝีปากของเขาเบาๆราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าว
“ถ้าถูกนายจัดการแล้วนายจะให้ฉันไปทำงานเหรอ?” เธอยังคงไม่ลืมถามคำตอบนี้จากเขา
“จะไปก็ได้ แต่ว่าคุณจะทำอะไรต้องปรึกษากับผมก่อน อย่าหุนหันพลันแล่น” โหมวยู่กดเสียงเน้นย้ำ
จริงๆพอคิดแล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ถ้าหากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็ไม่มีเวลาเคียงข้างเธอตลอดเวลา แต่ถ้าไปที่เซิ่งซื่อ อยู่ภายใต้สายตาผู้คนมากมาย และภายใต้สายตาเขา โม่โม่คงจะยับยั้งไว้บ้าง
“ได้” ตาของชางหลิงเปล่งประกาย
“แล้วก็……” โหมวยู่ยิ้มอ่อน เขาจ้องตาเธอ อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ “คืนนี้ต้องทำให้ถึงอกถึงใจผมนะ ห้ามหมดสติไปก่อน”
แก้มของชางหลิงแดงระเรื่อ นี่มันคำขอบ้าไรกัน?
ถ้าเขาสนุกเต็มที่ เธอจะมีชีวิตเหลืออยู่เหรอ?
“ฉะ……ฉันจะพยายาม……” ชางหลิงกัดริมฝีปาก เขินจนไม่กล้าสบตาเขาโดยตรง
แต่แล้ว ผลของจะพยายามนั้นโหมวยู่ไม่ปล่อยเธอทั้งคืนเลย เมื่อนึกถึงสุขภาพของเธอ ราวกับเป็นความสนุกที่ชั่วร้ายของโหมวยู่ เขาไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน ค่อยๆทะนุถนอม แม้ว่าเธอจะอยากสลบไปก็ไม่มีโอกาส ทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับเขาอย่างไม่ค่อยมีประสบการณ์ โหมวยู่พอใจกับท่าทีของเธอมาก ชอบท่าทางโปรดปรานของเธอภายใต้ร่างเขา ทั้งสองคนพัวพันกัน ตาไม่ได้ปิดทั้งคืน……
ตามคาด ผู้ชายที่เคยมีเซ็กส์ น่ากลัวจริงๆ!
ข้างนอกมีแสงแดดส่องจ้า เสียงคลื่นข้ามผ่านหน้าต่าง ลอยเข้าหูอย่างเลือนราง
ชางหลิงกอดโหมวยู่นอนหลับสบายภายใต้ผ้าห่มที่นุ่มนิ่ม กลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ของโหมวยู่ดังขึ้น
โหมวยู่กลัวว่าจะรบกวนเธอ จึงค่อยๆขยับเธอไปข้างๆ เอาผ้าเช็ดตัวผูกบนตัวเขา แล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกไปที่ระเบียง
“สืบได้หรือยัง?” โหมวยู่กดเสียงต่ำ
ชางหลิงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ โหมวยู่หันหลังให้กับเธอ ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาโป๊ะต่อหน้าเธอ
แม้ว่าแผลบนแผ่นหลังจะหายดีบ้างแล้ว แต่กลับหลงเหลือรอยแผลที่น่ากลัวเอาไว้ ช่วงเวลานี้ โหมวยู่ไม่เคยปล่อยให้เธอเห็นบาดแผลของเขา พอมาดูตอนนี้แล้ว แม้ว่าแผลจะหายดีแต่กลับดูน่าสยดสยอง ถ้าหากเห็นในตอนนั้น เธอคงจะกังวลใจจนร้องไห้ออกมา
บนโลกนี้มีคุณพ่อที่เลวทรามแบบนี้ได้อย่างไร หรือว่าโหมวยู่จะเป็นเหมือนกับเธอ ถูกเก็บมาเลี้ยง?
แม้ว่าจะมีแสงแดดอยู่ข้างนอก แต่ก็เป็นฤดูหนาว ชางหลิงลงจากเตียง สวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำอย่างเบามือ แล้วหยิบให้โหมวยู่ตัวหนึ่ง เดินเข้าไปหาเขา
“อืม นายคอยจับจ้องต่อไป ถ้าหากมีอะไรให้บอกผมทันที” โหมวยู่พูดกับคนในโทรศัพท์
“ระวังเป็นหวัด” ชางหลิงเขย่งเท้า เอาเสื้อคลุมบนตัวของโหมวยู่
โหมวยู่หันมา วางสายโทรศัพท์ไป
นานๆทีชางหลิงจะใส่ใจสักครั้ง เขาชื่นใจมาก
“เสียงดังจนคุณตื่นเหรอ?” เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ชางหลิงอาสาผูกเชือกให้เขา
“แผลของนายยังต้องทายา ฤดูเปลี่ยนไป อย่าให้มันอักเสบแย่ลงล่ะ” ปากของชางหลิงเบะลง
“ปวดใจเหรอ?” โหมวยู่ยื่นมือสัมผัสใบหน้าของเธอ
ใบหน้าของเธอราวกับไข่ที่ปอกเปลือก เทียบกับผิวทารกได้เลย เขาชอบเอามือที่ด้านไปถูเธอ
ชางหลิงไม่ได้พูดอะไร
“ฉู่ฉือไปที่เมืองเป่ยหยวน ตระกูลเสิ่นได้ถอนตัวจากโลกธุรกิจเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็หายไปเลย ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวอีกเลย” โหมวยู่พูดเบาๆ
ชางหลิงตกตะลึง “หายไปทั้งครอบครัวเลยเหรอ?”