ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 107 อยู่ให้ห่างจากเธอ

บทที่ 107 อยู่ให้ห่างจากเธอ

เซียวฉู่เข็นโหมวฉี่ออกจากหลังเวที

บนใบหน้าโหมวฉี่เจือรอยยิ้มเล็กน้อย เขาคิดถึงปฏิกิริยาของชางหลิงเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกแปลกๆ

“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ครั้งสองครั้งก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับเธอ เพราะกลัวเธอจะเกิดความกลัวไม่กล้า แต่วันนี้ที่เธอเจอฉัน เหมือนว่าจะไม่ได้แปลกใจมากขนาดนั้น”

“คุณชายฉี่” สีหน้าของเซียวฉู่ไม่ได้นิ่งเท่าโหมวฉี่ เขาเข็นโหมวฉี่ไปพร้อมกับที่ดวงตามีความลังเลอยู่เล็กน้อย

“ครั้งก่อนคุณให้ผมไปสืบหาผู้หญิงคนนั้นของคุณชายรอง…”

“อืม ผลเป็นยังไง” โหมวฉี่มองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง โชว์เดินแบบกำลังจะเริ่ม มีผู้ชมจำนวนไม่น้อยกำลังเข้าสู่สถานที่โชว์เดินแบบแล้ว

“คนนั้นก็คือคุณชางหลิงเมื่อครู่ครับ” เซียวฉู่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา

มือของโหมวฉี่กำล้อที่กำลังเคลื่อนที่อยู่แน่น บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนไปฉับพลัน

เซียวฉู่ปล่อยมือที่จับรถเข็น ค่อยๆ เดินไปด้านหน้าโหมวฉี่ “หลายวันมานี้ ผมลังเลมาตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้กับคุณดีหรือไม่ ชางหลิงคนนี้ เป็นน้องสาวต่างมารดาของชางฉิง และมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับชางฉิงมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้มีปัญหาวุ่นวายเพราะเหตุการณ์ในบริษัทเรื่องการขโมยความคิดลอกเลียนผลงาน ผมไม่รู้ว่าแผนของคุณชายรองเป็นยังไง แต่สิ่งที่แน่นอนคือคุณชายรองให้ความสำคัญกับเธอมาก ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่วางแผนนานขนาดนี้ ดึงชางฉิงออกมาขวางทางปืน และยังกระตือรือร้นที่จะเอาชนะตระกูลโม่”

“งั้นเหรอ” โหมวฉี่กระตุกยิ้มมุมปาก แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่มีอารมณ์ร่วม

“งั้นไม่ใช่ว่ายิ่งน่าสนใจหรอกเหรอ” เกิดร่องรอยแห่งความเย็นยะเยือกในดวงตาของโหมวฉี่

“คุณชายฉี่” เซียวฉู่ค่อนข้างกังวล “ชางหลิงคนนี้ สามารถทำให้คุณชายรองทำเพื่อเธอแบบนั้นได้ ผมคิดว่าคุณควรอยู่ให้ห่างจากเธอหน่อย”

โหมวฉี่เอียงศีรษะ เขามองดูผู้คนเดินไปเดินมานอกหน้าต่าง พลางจมอยู่ในความเงียบ

——

“เสี่ยวเฉิงจื่อ เริ่มงาน” ชางหลิงกวาดตามองรอบห้องแต่งตัว จนสุดท้ายก็กดเมิ่งเคอลงไปบนเก้าอี้แต่งหน้า

“นี่…จะลงมือยังไงดี” ซูเสี่ยวเฉิงจ้องมองเมิ่งเคอพร้อมกับตกอยู่ในความคิด

“ฉันจำได้ว่าเธอเคยเรียนวิชาแต่งหน้าสเปเชียลเอฟเฟกต์มาก่อน” ชางหลิงหยิบแปรงแต่งหน้าขึ้นมา แล้วยัดใส่มือของซูเสี่ยวเฉิง

“แต่งหน้าสเปเชียลเอฟเฟกต์เหรอ” เมิ่งเคอชะงักไปทันที

“หัวข้อของรอบไฟนอล คือให้พวกคุณเล่นกับคุณลักษณะของตัวเองให้มากที่สุด คุณเลือกชุดราตรีของฉีจินหมิ่น ที่จริงมันเหมาะกับบุคลิกของคุณมาก แต่ว่าคุณเดินตามเส้นทางนี้มาตลอด เกรงว่าคนที่เห็นโชว์เดินแบบของคุณ จะคุ้นเคยกับสไตล์ของคุณแล้ว อีกอย่าง เมื่อครู่ฉันสังเกตว่าหยูหวั่นเอ๋อ มีรูปร่างกับบุคลิกคล้ายคลึงกับคุณ ในโชว์เดินแบบ ถ้าปรากฏนางแบบสองคนที่มีสไตล์เหมือนกัน มันจะต้องเลือกโชว์ใดโชว์หนึ่ง” ชางหลิงพูดและหยิบแผ่นสำลีขึ้นมาช่วยเช็ดหน้าให้เมิ่งเคออย่างระมัดระวัง

คิ้วของเมิ่งเคอขยับ เธอคิดไม่ถึงว่าชางหลิงแค่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชั่วขณะหนึ่งก็มองสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน

“คุณมองขาดมาก” เมิ่งเคอพูดออกมาทันทีหนึ่งประโยค

ชางหลิงกระตุกยิ้มมุมปาก “ขอบคุณที่ชม”

ชางหลิงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้ซูเสี่ยวเฉิง “นี่คือชุดราตรีที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอ รอหลีซินส่งมาแล้วเธอแต่งหน้าให้เธอตามที่ฉันบอกนะ”

ซูเสี่ยวเฉิงมองโทรศัพท์มือถือของชางหลิงแล้วดวงตาเบิกกว้าง “นี่…นี่มันผลงานที่เธอได้รางวัลชนะเลิศเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ”

เมิ่งเคอเหลือบตาขึ้นมอง รู้สึกอยากเห็นภาพในมือถือของชางหลิง

“ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำชุดตอนนี้ทันได้ยังไง” ชางหลิงพูดอย่างนั้นแล้วเอาสายวัดขึ้นมาวัดรอบตัวเธอ “ขนาดไม่ต่างกันนัก นางแบบที่ฉันหามาก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากตั้งแต่หัวจดเท้า แต่เมื่อเทียบกันแล้ว บุคลิกของคุณดีกว่ามาก”

เมิ่งเคอไม่รู้เลยว่าชางหลินคิดจะทำอะไรกันแน่ ส่วนซูเสี่ยวเฉิงที่อยู่ข้างๆ เอาเครื่องสำอางมาถือไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว

“จะเริ่มแล้วนะ” ซูเสี่ยวเฉิงขยิบตาให้เมิ่งเคอ “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันแต่งหน้าให้ผู้หญิงที่งดงามแบบนี้”

“ครั้งแรกเหรอ” เมิ่งเคอราวกับรู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือ

เพียงแต่ดูท่าทางของพวกเธอทั้งคู่ เหมือนตนอยู่บนเรือโจรแล้ว ข้างนอกมีคนมากมายกำลังรอดูเรื่องน่าขำ ต่อให้คิดเสียใจภายหลังก็สายเกินไป

เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ชางหลิงมองดูเวลา เหลือเพียงสี่สิบนาทีก่อนเข้าโชว์เดินแบบ

“หลีซินนั่นคงจะไม่เบี้ยวเราหรอกใช่ไหม” ซูเสี่ยวเฉิงกังวล “นี่ก็อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง แม้แต่เงาเขาก็ไม่เห็น ไม่น่าเชื่อถือเกินไปแล้ว”

ชางหลิงก็คิ้วขมวด จากที่เธอพาโหมวยู่กลับไปบ้านตระกูลชางเพื่อหงายไพ่เด็ดที่อยู่ในมือ แล้วย้ายสิ่งของของตัวเองทั้งหมดจากบ้านตระกูลชางไปคฤหาสน์หนานวาน ตามระยะทางน่าจะไม่ถึงชั่วโมงแต่นี่ยังไม่มาเลย หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทาง

แต่เธอพูดจาใหญ่โตกับคนพวกนั้นไปแล้ว จะมาหน้าแตกในตอนคับขันไม่ได้นะ

ชางหลิงกำลังจะโทรหาหลีซิน แต่หน้าประตูกลับมีเสียงเคาะดังขึ้น

ชางหลิงส่งสายตาให้เมิ่งเคอ เมิ่งเคอลุกขึ้นเดินไปซ่อนตัวในห้องเปลี่ยนชุด

ก่อนขึ้นโชว์เดินแบบทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ นี่คือความหมายของชางหลิง ไม่อยากให้เธอปรากฏตัวต่อสายตาบุคคลภายนอกเร็วไปนัก

“มาแล้วๆ” ซูเสี่ยวเฉิงเปิดประตู แล้วก็พบกับความประหลาดใจ เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่หลีซินที่เธอจินตนาการไว้ แต่เป็นชายร่างสูงอีกคนหนึ่ง

คู่ดวงตาสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ยิ้มโชว์เขี้ยวเสือ ทำให้เขามีบุคลิกชั่วร้าย

“ฉินซางเหรอ” ชางหลิงแปลกใจ “คุณมาทำไม”

ฉินซางยักไหล่ ยกกล่องบนพื้นขึ้นมา “ผู้ชายของคุณไม่ได้บอกคุณเหรอครับว่าผมเป็นผู้ตัดสินรอบชิงชนะเลิศ”

“คุณเหรอ” ชางหลิงขมวดคิ้วจนหน้ายุ่ง

“ทำไมครับ ดูจากท่าทางคุณแบบนี้คือไม่เชื่อเหรอ” ฉินซางมองเข้าไปในห้องเหมือนมองหาอะไร “ผมจะมาพอดี และหลีซินก็เดินไม่ได้ ผมเลยแวะเอามาให้คุณ ได้ยินว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ อยากรู้มากจึงมาดู”

“จะดูอะไร” ชางหลิงเอาของในมือเขามาแล้วผลักเขาออกไป

“เฮ้! ดีร้ายยังไงผมก็ช่วยคุณนะ ไม่รู้บุญคุณกันเลยเหรอครับ อีกอย่าง ผมเป็นผู้ตัดสิน คุณต้องดีกับผมหน่อยสิ บางทีผมอาจจะมีนอกมีในให้คุณ…” ฉินซางยังพูดไม่ทันจบ ประตูห้องแต่งตัวพลันกระแทกปิดลงอย่างแรง อีกหนึ่งเซนติเมตรจมูกโด่งของเขาก็หักแล้ว

“คุณก็รู้ว่าคุณเป็นผู้ตัดสินในการแข่งขัน ควรหลีกเลี่ยงความสงสัย การหลีกเลี่ยงความสงสัยคุณไม่รู้จักเหรอ อย่ามาเพิ่มความวุ่นวายให้ฉัน รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เสียงคำรามของชางหลิงดังออกมาจากข้างใน

ฉินซางยักไหล่อย่างหมดหนทาง

ได้ ดูเหมือนทั้งคูจะไม่อยากเห็นเขา

เขาหันมองรอบๆ ผู้คนที่กำลังยุ่งต่างหยุดการกระทำและหันมามองเขา และต้องตกใจที่เพราะอะไรเขาถึงมาปรากฏตัวหลังเวที และยังเป็นที่ห้องแต่งตัวของนางแบบอีก ฉินซางเผยรอยยิ้มร้ายที่เป็นเครื่องหมายการค้า ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่ลืมสัมผัสช่วงเอวของผู้หญิงเหล่านั้น เป็นผลให้ทุกคนกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

เมิ่งเคอออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด เธอเลิกคิ้วมองไปทางประตูห้อง แล้วสายตาก็เลื่อนไปหยุดที่ตัวชางหลิง

“คุณรู้จักฉินซางเหรอ” เธอถาม

“มากกว่ารู้จักอีกนะ เสี่ยวหลิงหลิงน่ะ…” ซูเสี่ยวเฉิงกำลังจะโพล่งออกมาว่าชางหลิงกับพวกโหมวยู่สี่คนพี่น้องนั้นรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ชางหลิงตวัดสายตามองเธอ เธอจึงปิดปากทัน

“เหลือเวลาไม่มากแล้ว เปลี่ยนชุดเถอะ” ชางหลิงไม่ตอบ ทำการเปิดกล่องออกมา

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท