ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 109 ชายใช้ความรุนแรงในครอบครัวปรากฏตัว

บทที่ 109 ชายใช้ความรุนแรงในครอบครัวปรากฏตัว

โชว์ของหยูหวั่นเอ๋อดีมาก หน้าจออิเล็กทรอนิกส์แสดงผลคะแนนสุดท้ายคือ 9.2 ยังสูงกว่าแอวริลอยู่นิดหน่อย

ชางหลิงรู้สึกว่าเป็นสงครามเย็นระหว่างเหล่านางแบบ เพื่อก้าวขึ้นสู่เวทีที่ใหญ่กว่า แต่ละคนล้วนไม่ละความพยายาม เหมือนดอกไม้ที่งดงาม แข่งขันกันต่อหน้าผู้คน

“ถึงตาเมิ่งเคอแล้ว” เมื่อเสียงเล็กของซูเสี่ยวเฉิงจบลง เธอก็เอามือของชางหลิงมาจับด้วยความตึงเครียดอย่างที่สุด

เพลงเปลี่ยนทำนองอย่างรวดเร็ว เครื่องดนตรีตะวันตกหยุดลง และหลังจากนั้นจังหวะกลองเริ่มดังขึ้น ไฟบนเวทีหรี่ลงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ส่วนเมิ่งเคอยืนอยู่กลางเวที ค่อยๆ เดินบนเวทีมาช้าๆ

“ชุดนี่คืออะไร” แต่ละคนล่างเวทีวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยความประหลาดใจ

ชางหลิงเองก็มองตามทิศทางที่เมิ่งเคอเดินไปเช่นกัน

ชุดสีแดงสดใช้เนื้อผ้าบางเบา เรียบง่ายสง่างาม ถึงแม้จะเป็นแนวโบราณก็ตาม ร่างกายส่วนบนเป็นแบบผ่ากลางแนวจีนโบราณ เสื้อคลุมแขนกว้าง ทว่าช่วงกระโปรงมีการผ่าข้าง ขณะที่เดินก็จะโชว์เรียวขาของเมิ่งเคอไปด้วย

เมิ่งเคอเท้าเปล่า พันผ้าไหมสีแดงจากต้นขาถึงข้อเท้า ผูกกับสายกระดิ่งงดงามประณีต เกิดเสียงก้องกังวานไปทุกอย่างก้าว พร้อมด้วยดอกไม้งานนูนสีเบอร์กันดีที่ปักบนกระโปรงตัดกับลวดลายบนหน้าอก

มองขึ้นไปด้านบน ผ้าไหมสีเขียวผูกผมเกล้ามวย ใช้ปิ่นปักผมสีทองที่ไม่สะดุดตานักปักไว้ ดอกมั่นถัวหลัวอันทรงเสน่ห์เบ่งบานอยู่บนใบหน้าของเธอ จากข้างขมับเรื่อยๆ จนสุดหางตา เพิ่มอายไลเนอร์ด้านบนเพื่อเพิ่มวิชวลเอฟเฟกต์ ทำให้ดวงตาอันเย็นชาของเธอดูเชิญชวนและน่าลุ่มหลงเพิ่มอีกหลายส่วน

และก้านดอกไม้ที่มุมปากยิ่งเหมือนมีจิตวิญญาณ พาดยาวไปจนกระดูกไหปลาร้า ด้วยการมีสิ่งนี้สถิตอยู่บนลำคอระหงส์ มันเหมือนจะยิ่งดูเด่นชัดชวนมองขึ้นมาก บุคลิกเย็นชาที่เคยเป็นของเมิ่งเคอเปลี่ยนไปในพริบตา นำพามาซึ่งอารมณ์จริตอันทรงเสน่ห์หยาดเยิ้ม ม่านพู่ลูกปัดทองคำเนื้อดีคลุมหน้าห้อยอยู่ตรงช่วงข้างหูของเธอ ซ่อนจมูกและริมฝีปากสีแดงไว้ใต้เงาลางเลือน

ในมือของเธอถือพัดกลมลายดอกไม้สีทอง ในทุกการเคลื่อนไหว จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของผู้หญิงในสมัยโบราณอย่างชัดเจน

“ว้าว” ซูเสี่ยวเฉิงมองดูเมิ่งเคอเดินออกมา ดวงตามองตรงไม่ละ “นี่คือเมิ่งเคอสาวงามผู้เย็นชาและเย่อหยิ่งคนนั้นเหรอ”

อย่างกับนางต๋าจี่ในตำนาน เธอเข้าใจแล้วว่าคำว่า “นับแต่นั้นกษัตริย์ไม่ออกว่าราชการแต่เช้าตรู่” มาจากไหน หากนางสนมล้วนมีโฉมสะคราญเช่นนี้ ถ้าเธอเป็นกษัตริย์ก็คงไม่ออกว่าราชการแต่เช้าตรู่เช่นกัน

ผู้คนด้านล่างเวทีต่างอุทานด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ไหนแต่ไรมาสไตล์ของเซิ่งซื่อล้วนครอบงำด้วยความหรูหราแบบตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ เสื้อผ้าที่มีองค์ประกอบแบบจีนเช่นนี้ไม่ค่อยปรากฏ และที่เมิ่งเคอเคยโชว์ก็ล้วนเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชุดแต่งงานและชุดราตรี

และเธอในเวลานี้ มุมปากยกยิ้ม กระโปรงพลิ้วไหว ขณะที่เดิน กระดิ่งเสียงดังฟังชัด แสงไฟพร่างพราย แต่ละย่างก้าวบังเกิดดอกบัวงดงาม

“เฮ้” ฉินซางเห็นโหมวยู่มองเมิ่งเคอบนเวทีโดยไม่ละสายตาจึงโน้มเข้าใกล้เขา “นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของเด็กน้อยของคุณ เป็นยังไงครับ เกิดความรู้สึกว่าสาวน้อยของตัวเองโตเป็นสาวแล้วใช่ไหมครับ”

โหมวยู่เหล่มองเขาเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสงสัยเรื่องพรสวรรค์ด้านวิชาชีพของชางหลิง

บุคลิกของเธอก็เหมือนชุดที่อยู่ตรงหน้า เปิดเผยและพราวเสน่ห์ ให้คนที่ได้มองไม่สามารถละสายตาได้

โหมวฉี่หันศีรษะไปด้านข้าง เขาเหลือบมองโหมวยู่เล็กน้อย เก็บรายละเอียดในท่าทีของเขา ก่อนจะหันเหสายตาไปที่ตัวเมิ่งเคออีกครั้ง

สีแดงสดเหมือนสีของชุดเจ้าสาว มันช่างเจิดจ้า เขาก้มศีรษะต่ำ ก้นบึ้งของหัวใจหวนนึกถึงคำที่ผู้หญิงคนนั้นเคยพูดกับเขา

“อะฉี่ ต่อไปงานแต่งของเรา ใช้สไตล์จีนดีไหม ฉันอยากใส่ชุดแต่งงานสีแดง”

ชุดแต่งงานสีแดง…แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ให้ผู้หญิงของตัวเองได้ใส่ชุดแต่งงานสีแดง

โหมวฉี่ลดสายตาลง แค่นหัวเราะอย่างขมขื่น

ครั้งแรกที่เห็นชางหลิง เขารู้สึกถึงเดจาวูในตัวเธอ บางทีอาจเพราะลักษณะที่เหมือนผู้หญิงในก้นบึ้งหัวใจเขา และตอนนี้เธอให้เมิ่งเคอสวมชุดสีแดงจนดูเป็นนกกระเรียนในฝูงไก่ ยิ่งทำให้เขานึกถึงความทรงจำที่เป็นฝุ่นธุลีในส่วนลึกของจิตใจ

เมื่อรู้ว่าชางหลิงเป็นผู้หญิงที่โหมวยู่ซ่อนเอาไว้ เขายังรู้สึกขบขัน สาวน้อยที่หน้าตาต่ำกว่ามาตรฐานความสวยคนนี้ แม้ว่าจะน่าสนใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหลงรัก แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็เกิดเข้าใจความรู้สึกของโหมวยู่ขึ้นมา

ชางหลิงรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นเพียงโหมวฉี่หันศีรษะไปแล้ว

โหมวฉี่มองเธองั้นเหรอ

ผลงานของเมิ่งเคอเกินความคาดหมายของชางหลิง เดิมทีเธอยังคิดว่าตัวเองจะไม่สามารถปล่อยวางได้ ทว่าตอนนี้ เห็นผู้ชมด้านล่างเวทีเชียร์เธอไปทุกย่างก้าว ชางหลิงถึงได้ยิ้มอย่างโล่งใจ

เมื่อถึงเวลากดคะแนน ในทุกสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ตัวเลขบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์กระพริบ ในที่สุด ตัวเลขแรกก็หยุดลงที่เลข “9”

“9.3 คะแนน!” ซูเสี่ยวเฉิงกระโดดดีใจ

ชางหลิงยกยิ้มมุมปาก

ผลงานนี้ อันที่จริงเรียกว่าชุดคงจะไม่ได้ การแข่งขันที่เธอเข้าร่วมปีที่แล้ว เป็นชุดนางรำโบราณ แต่อย่างไรมันก็ล้วนเป็นงานรื่นเริง จะโบราณหรือทันสมัย มันก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

โดยพื้นฐานแล้วไม่มีข้อกังขาในการแข่งขัน ด้วยความสำเร็จของเมิ่งเคอ ต่อให้จะไม่ได้อันดับหนึ่ง อย่างน้อยก็เข้าไปอยู่ในโซนปลอดภัย ได้คุณสมบัติยอดเยี่ยมในการแข่งขัน

หลังจากโชว์เดินแบบจบลง ชางหลิงไปหลังเวที เธอเดินไปยังห้องแต่งตัวของเมิ่งเคอ แต่เพิ่งมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากภายใน

“เสี่ยวเคอ คุณฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอจริงๆ เมื่อคืนผมดื่มมากไปหน่อย จึงลงมือหนักไป คุณยกโทษให้ผมเถอะนะ” เป็นเสียงของผู้ชาย

“ดื่มมากไปงั้นเหรอ นี่คือเหตุผลที่คุณให้ฉันงั้นเหรอ” เมิ่งเคอยิ้มเยาะ “การลงมือหนักไปหน่อยของคุณ ร้ายแรงจนเกือบจะทำให้วันนี้ฉันไม่ได้ขึ้นเวที คุณไม่รู้เหรอว่าการไปมิลานมีความสำคัญต่อฉันมากแค่ไหน”

“แต่วันนี้คุณก็ทำได้ดีมากไม่ใช่เหรอ แถมยังได้คะแนนสูงขนาดนั้นด้วย มันไม่ส่งผลกระทบต่อการไปมิลานของคุณเลยนะ คุณต้องรู้นะว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มันไม่ธรรมดา แอวริลเป็นเด็กใหม่ ผมไม่ใช่ไม่ช่วยคุณ แค่กลัวว่าคนอื่นจะนินทา หรือว่าคุณทนได้ถ้าคนอื่นพูดว่าคุณอาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับผมในการปีนขึ้นสู่ที่สูง”

ชางหลิงฟังแล้วโมโห

เป็นอย่างที่คิด ภายนอกดูดีหล่อเหลาไม่ต่างกัน แต่ผู้ชายสารเลวที่น่าขยะแขยงมีความน่ารังเกียจในตัวเองแตกต่างกันไป

ชางหลิงผลักประตูเปิด กอดอกยืนตรงประตู

“เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินคนพูดถึงความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างหน้าชื่นตาบาน” ชางหลิงจ้องไทเลอร์อย่างเหยียดๆ

เธอยังคิดอยู่เลยว่าผู้ชายที่สามารถชนะใจสาวงามหยาดเยิ้มอย่างเมิ่งเคอได้จะต้องดูดีมากแค่ไหนกัน แต่ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ อย่างมากก็แค่หน้าตาธรรมดาๆ รูปร่างก็ปานกลาง ไม่มีทางเลยสักนิดที่จะเทียบสาวงามพร้อมเลิศเลอสมบูรณ์แบบอย่างเมิ่งเคอ

“คุณเป็นใคร” ไทเลอร์มองเธออย่างระแวดระวัง

เมิ่งเคอเองก็ตึงเครียด เธอรีบเดินไปข้างชางหลิงแล้วกระซิบบอกว่า “คุณออกไปก่อน อย่าเพิ่งหาเรื่อง”

“คุณไม่ต้องกลัวเขา” ชางหลิงจับมือของเมิ่งเคอ “ฉันแค่คิดว่าบาดแผลบนใบหน้าของคุณเป็นการกระทำของแอวริล แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ ทะเลาะกับผู้หญิงด้วยกันก็ว่าไปอย่าง เขาถือดีอะไรมาลงมือตบตีคุณ”

“เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราคุณมายุ่งอะไร” ไทเลอร์อารมณ์เสีย “ผู้หญิงของผม ผมอยากตบตีก็ตบตี มันเกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคุณ มีสิทธิ์ตบตีผู้หญิงด้วยเหรอ” สำหรับคนจำพวกนี้ แต่ไหนแต่ไรมาชางหลิงไม่เคยอ่อนข้อให้ “เชื่อไหมว่าฉันจะไปแจ้งความคุณต่อสันนิบาตสตรี! เมิ่งเคอปฏิบัติต่อคุณในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เพื่อปกป้องคุณ ต้องอดทนจำใจยอมรับชะตากรรมตัวเอง ฉันไม่ได้ถือว่าคุณเป็นสิ่งของไม่มีชีวิต ถ้าคุณจะเอะอะสร้างปัญหา งั้นก็ให้ทุกคนเข้ามาดู คุณที่อยู่ในฐานะผู้อำนวยการแผนกโมเดล ไม่อยากเชื่อว่าจะตบตีแฟนสาวของตัวเอง! ถุย! ผู้ชายขยะ!”

“คุณหยุดพูดได้แล้ว” เมิ่งเคอร้อนรน ผลักเธอออกมาข้างนอก “รีบไป เดี๋ยวฉันโทรหาคุณเอง”

“คุณหยุดเดี๋ยวนี้!” ไทเลอร์โมโหมากกับคำพูดรุนแรงของเธอ และต้องการจะเข้ามากระชากเธอ “วันนี้ผมต้องจัดการคุณให้เละให้ได้”

เมิ่งเคอรีบขวางเธอไว้อย่างกังวลหนัก ม่านพู่ลูกปัดบนใบหน้าของเธอถูกไทเลอร์กระชากดึงตกพื้นจนกระจายไปทั่ว

สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนี้ดึงดูดผู้คนมากมายหลังเวที ทุกคนมารวมตัวกันรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว

“รปภ.ล่ะ เรียกรปภ.มาที่นี่ ลากผู้หญิงที่สร้างปัญหาคนนี้ออกไป!” ไทเลอร์เห็นว่าคนเยอะมาก คิดว่ามันไม่ดีที่จะลงมือต่อหน้าทุกคน จึงคิดแค่ให้คนมาลากชางหลิงออกไปก่อนเพื่อไม่ให้ตัวเขาต้องเสียหน้า

แต่เขาเรียกไปสักพักแล้วก็ยังไม่เห็นตัวรปภ. กลับกันเป็นฉินซางที่เดินเข้ามาแทน

“คุณฉิน” ซูเสี่ยวเฉิงเห็นชิงหลางขัดแย้งกับไทเลอร์จากระยะไกล ดังนั้นจึงแอบกลับไปที่จัดแสดงโชว์ แต่ไม่กล้าเข้าไปหาโหมวยู่อย่างเปิดเผย ทำได้เพียงลากฉินซางที่กำลังจีบสาวอยู่มาเท่านั้น

การปรากฏตัวของฉินซางทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างเงียบสนิท แม้แต่ไทเลอร์ก็ยังตกใจ

“มีอะไรกัน” หลังจากฉินซางเห็นความวุ่นวายหลังเวที ก็มีท่าทางเหมือนกำลังจะได้ดูละครสนุกๆ

ชางหลิงจ้องมองลูกปัดทองคำที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา

“เสี่ยวจูจูของฉัน แกตายอย่างน่าอนาถนัก ผอ.ไทเลอร์ทำลายแก ไม่ขอโทษก็ช่าง แต่ยังขับไล่แม่อย่างฉันออกไปอีก ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนฮือ

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท