ชางหลิงอึ้งไปทันที
“ฉันมันน่าดูถูกมากเลยใช่ไหม?” เมิ่งเคอหัวเราะ
“แค่อึ้งเฉยๆน่ะ” ชางหลิงไม่คิดเลยว่า เมิ่งเคอจะมีอดีตแบบนี้ “แต่ว่า ยุคนี้แล้ว ใครจะไม่มีอดีตบ้างล่ะ ไม่มีอะไรให้ดูถูกกันหรอกนะ ฉันเวลาคบใครเป็นเพื่อน คบตามความชอบส่วนตัวทั้งนั้น”
“เธอไม่ว่าอะไรเหรอ?” เมิ่งเคอถามเธออีกครั้ง “แม้ฉันจะไม่ค่อยรู้จักเธอ แต่ก็เคยได้ยินมาก่อนว่า เธอเป็นคุณหนูเศรษฐี และยังเป็นเพื่อนของฉินซางด้วย และเป็นตระกูลที่มีตำแหน่งพอสมควร……”
ชางหลิงรู้สึกแปลกๆ เธอคีบเนื้อขึ้นมากินต่อ “เหอะ! คุณหนูเศรษฐีอะไรกัน”
ชางหลิงพูดต่อไป “ถ้าฉันเป็นคุณหนู ยังต้องมาเป็นเด็กฝึกงานในเซิ่งซื่อเหรอ ฉันคงไปเที่ยวรอบโลกแล้ว ส่วนฉินซาง รู้จักเขาโดยบังเอิญ ฉันกับเขาไม่รู้จักกันหรอก……”
เมิ่งเคอไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อไป
“งั้นตอนนี้เธอบอกได้หรือยังว่าทำไมถึงช่วยฉัน?” เมิ่งเคอสงสัยมาตลอด “ฉันไม่รู้จักเธอ ในเซิ่งซื่อก็ไม่ค่อยถูกกับใคร คนอื่นอยากจะเห็นฉันตกต่ำด้วยซ้ำ เธอช่วยฉัน ไม่กลัวคนอื่นจะเกลียดเหรอ?”
“เธอว่าฉันเป็นพวกที่กลัวคนอื่นจะเกลียดเหรอ?” ชางหลิงยังคงสนใจกับอาหารตรงหน้า ไม่นาน เนื้อบนเตาย่างนั้น เข้าไปอยู่ในท้องเธอเป็นที่เรียบร้อย
เมิ่งเคอเงียบไป เธอนั่งอยู่เงียบๆรอชางหลิงกินให้หมด
ในที่สุดชางหลิงก็วางตะเกียบในมือลง เตรียมพักก่อน
เธอเอาบัตรออกมาจากกระเป๋า และวางไว้ตรงหน้าเมิ่งเคอ
“หมายความว่ายังไงเหรอ?” เมิ่งเคอไม่เข้าใจ
“สองแสนเมื่อวาน อยู่ในนี้หมดไม่มีตกหาย เธอเก็บไว้เถอะ ใบหน้าสวยแบบนี้ อย่าให้เป็นรอยเลย ไม่งั้นต่อไปจะขึ้นเวทีได้ยังไง” ชางหลิงเช็ดปากตัวเอง
“เธอ……” เมิ่งเคอมาบัตรธนาคารนั้น รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เธอเอาเงินนี่ให้ฉันเหรอ?”
“ฉันทวงมาเพื่อเธอนั่นแหละ” ชางหลิงไม่ได้ปิดบัง “ผู้ชายคนนั้นมันเลว เธอยังอดทนมาตลอด ถ้าฉันไม่ออกหน้าแทน เธอจะปล่อยเรื่องนี้ไปงั้นสินะ?”
เมิ่งเคอเงียบ
ชางหลิงจ้องมองเธอ ก็เดาความคิดในใจของเธอได้แล้ว
“เมื่อก่อนเขาก็ตบตีเธอเหรอ?” ชางหลิงถาม
เมิ่งเคอไม่ตอบ ก็ถือว่าใช่
“ทำไมถึงไม่เลิกกับเขาล่ะ?” ชางหลิงถามต่อ
“ฉันก็อยากเลิกกับเขา” เมิ่งเคอมองไปนอกหน้าต่าง ไม่อยากให้ชางหลิงเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอ “แต่ว่า ฉันอยู่ในเมืองนี้ ไม่มีใครให้พึ่งพา หลายปีมานี้ก็พึ่งเขาจนมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ถ้าเลิกกับเขา ชีวิตและการงานของฉัน ก็จะจบสิ้นไปทั้งหมด”
เมิ่งเคอพูดแล้ว ก็เอาหยิบบุหรี่สำหรับผู้หญิงออกมา “ไม่ว่ากันใช่ไหม?”
ชางหลิงส่ายหน้า “ตามใจเธอเลย”
เมิ่งเคอนิ้วมือเรียวยาวของเธอคีบบุหรี่หนึ่งมวน เสียงจุดไม้ขีดไฟดังขึ้น ท่าทางที่เธอจุดบุหรี่ดูสง่างามมาก ในตอนนั้นเอง ควันอ่อนๆก็ลอยออกมาจากปากและจมูกของเธอ
ชางหลิงรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า การสูบบุหรี่ก็เป็นเรื่องที่ดี ท่าทางเมิ่งเคอคล่องแคล่วแต่ไม่เสียบุคลิก คู่กับริมฝีปากแดงและสายตาที่โศกเศร้า เป็นภาพด้านข้างของใบหน้าที่ดูสวยเหมือนดั่งภาพวาดจริงๆ
“การศึกษาฉันไม่สูง ไม่มีเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย จบมัธยมปลายก็ออกมาทำงานแล้ว เพราะมีใบหน้าเค้าโครงสวย ถูกเพื่อนหลอกไปคลับบันเทิง เซ็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ถ้าผิดสัญญาเมื่อไหร่ จะต้องจ่ายเงินค่าปรับมหาศาล สองปีนั้น นอกจากนอนกับคนอื่น ฉันก็ทำมาหมดแล้ว” เมิ่งเคอพูดเสียงเรียบ “ฉันอยากได้เงินมาก หนึ่งอยากจะหนีออกจากสถานที่สกปรกแบบนี้ สองฉันเห็นพวกคนที่มีเงินแล้วทำตัวโอหัง พวกเขาทำอะไรก็ได้เพราะมีเงิน พวกเราอยู่ในสังคมที่ตกต่ำที่สุด ทั้งที่เกิดเป็นคนเหมือนกัน แต่กลับต้องมีชีวิตอย่างคนไร้ค่า กลายเป็นของเล่นของคนพวกนั้น”
ชางหลิงขมวดคิ้ว รู้สึกเสียใจกับอดีตของเมิ่งเคอ
“ตลอดยี่สิบสี่เดือน เพื่อนที่เขาไปพร้อมกับฉัน ไม่ก็มีเสี่ยเลี้ยง ไม่ก็ออกไปกับคนอื่น ฉันไม่ยอมมาตลอด ฉันรู้สึกยังมีความหวังในชีวิต แต่สถานที่แบบนั้น ไม่ควรมีศักดิ์ศรีกับความภาคภูมิ ฉันอดทนมานาน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันเจอกับไทเลอร์……ตอนนั้น เขามีตำแหน่งในเซิ่งซื่อแล้ว เขาเจอฉันในนั้น เขาถามฉันว่าอยากไปเป็นนางแบบไหม”
“ตอนนั้น ฉันอายุยี่สิบ อยู่ในโลกความมืดมานาน ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างเข้ามา ก็คิดว่านั่นคือความหวัง ฉันเข้าร่วมประกวดนางแบบของเซิ่งซื่อ ด้วยบุคลิกที่ไทเลอร์สร้างขึ้นมาให้ฉัน จนได้รับรางวัลมา ตั้งแต่นั้นมาก็เข้าไปเซิ่งซื่อกับเขา”
“พูดแบบนี้แล้ว เขามีบุญคุณกับเธอน่ะสิ” ชางหลิงพูด
แต่ว่า ไทเลอร์คนแบบนั้น ไม่คิดทำความดีแบบไม่หวังผลประโยชน์หรอก ก็แค่คิดอะไรอย่างอื่นด้วยน่ะสิ
“ใช่” เมิ่งเคอหัวเราะ “เขาช่วยฉันออกมาจากนรกขุมนั้น จ่ายเงินค่าปรับแทนฉัน เขาในตอนนั้นก็แค่อายุยี่สิบ แต่กลับดีกว่าฉันมาก เขากลายเป็นแสงสว่างในชีวิตฉัน ทุกย่างก้าวที่ฉันเดิน เข้าใกล้เขาทุกที”
“เธอทำได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องคอยเฝ้ามองเขาแล้วล่ะ” ชางหลิงพูด
ใครจะรู้ล่ะ เมิ่งเคอที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง กลับเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอมาก
“นั่นสิ เวลาห้าปีเต็ม ฉันใช้เวลาห้าปีถึงจะเดินออกมาได้ ในที่สุดก็กลายเป็นแฟนของเขา แต่ฉันไม่คิดว่า ทุกอย่างนี้จบลงเร็วเกินไป”
“ไม่มีใครเป็นวัยรุ่นได้ตลอด แต่มีคนที่พึ่งเป็นวัยรุ่น ผู้ชายเป็นเหมือนกันหมด ตอนอายุยี่สิบชอบผู้หญิงอายุยี่สิบ ตอนอายุสามสิบ ก็ยังคนชอบผู้หญิงอายุยี่สิบ ฉันยุ่งอยู่กับงาน ไม่มีเวลาพัฒนาความรัก หรือเขาอาจจะเบื่อฉันแล้ว ดังนั้น ที่จริงพวกเราเหมือนจะห่างกันแล้ว ตอนนี้ระหว่างพวกเราก็มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้น ฉันพึ่งพาข้อมูลและเส้นสายของเขา และเขาก็ต้องพึ่งฉันคนเดียว ทำให้เขามีหน้ามีตาในสังคม และในบางครั้ง ยังมีฉันช่วยเซ็นสัญญาได้”
“ครั้งก่อนภาพที่เธอถูกแอบถ่ายที่โรงแรมตอนกลางคืนกับผู้ชายลึกลับ……” ชางหลิงถามแบบลองใจ
“แค่เพื่อนทางธุรกิจเท่านั้น ไทเลอร์อยากให้ฉันทำสัญญานี้ให้ได้ ใช้โอกาสนี้เอาฉันเป็นของขวัญส่งไป……” เมิ่งเคอน้ำตาไหลออกมา “ฉันมีการป้องกันตัว รู้ว่าเขาจะทำแบบนี้ ดังนั้นเลยเตรียมแผนการหนีออกมา แต่ไม่คิดว่าจะถูกปาปารัสซีถ่ายเอาไว้ได้ แม้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็อธิบายไปก็คงไม่มีใครเชื่อแล้ว”
ชางหลิงโมโหจัด
ผู้ชายเลว ทำไมถึงมีผู้ชายที่น่ารังเกียจได้ขนาดนี้นะ เพื่อเอกสารสัญญา กลับส่งผู้หญิงของตัวเองออกไป?
“เขาทำกับเธอขนาดนี้ เธอยังทนอยู่เหรอ?” ชางหลิงไม่พอใจ “นอกใจ ทำร้ายร่างกาย ยังเอาเธอ……”
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ดี นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมฉันอยากร่วมงานมิลานแฟชั่นวีค” เมิ่งเคอเช็ดน้ำตา พอสูบบุหรี่เสร็จ เธอก็กดบุหรี่ลงไปบนที่เขี่ยบุหรี่
“ฉันอยู่เซิ่งซื่อมาห้าปีแล้ว ทุกห้าปี พนักงานมีโอกาสเลื่อนขั้นได้หนึ่งครั้ง ในเวลาห้าปีนี้ ฉันสะสมเส้นสายมาไม่น้อย เข้าใจวงการนี้เป็นอย่างดี ฉันอยากย้ายงานไปอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น ฉันต้องมีประสบการณ์ที่มากพอ และในมิลานแฟชั่นวีคนี้ เป็นก้าวสุดท้ายที่จะตัดสินได้”
เมิ่งเคอนั่งตัวตรง จ้องมองชางหลิงไม่ละสายตา
“ทำไมต้องบอกกับฉันด้วยล่ะ?” ชางหลิงกอดอก พิงพนักเก้าอี้ “เธอน่าจะรู้ การเป็นบุคคลสาธารณะ อดีตของเธอควรจะเป็นความลับ ทางที่ดีอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”
“เพราะฉันรู้ว่า สิ่งที่ฉันอยากได้ เธอสามารถให้ฉันได้” เมิ่งเคอแสยะยิ้ม
“ชางหลิง เธอก็เป็นคนมีความทะเยอทะยาน ใช่ไหม?”