“ในเมื่อนายรู้สึกว่ายังพอได้ งั้นก็ตัดสินใจตามนี้แล้วกัน?” ชางหลิงดวงตาเปล่งประกาย “ดังนั้น เพื่อให้รางวัลที่ฉันเป็นห่วงลูกน้องของนาย นายจ่ายเงินค่าอาหารที่ฉันสั่งเมื่อกี้หน่อยสิ”
ชางหลิงแบมือให้กับเขา
“เรื่องของเขาฉันจัดการเอง” โหมวยู่จับมือเธอไว้ “ส่วนเรื่องค่าอาหาร……ให้ฉันทำตามสัญญาก่อนค่อยว่ากัน”
“สัญญาอะไร?” ชางหลิงไม่เข้าใจ
“ฉันบอกแล้ว ว่ากลางคืนจะมาจัดการเธอ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวคนมาส่งอาหารก็จะถึงแล้ว……” โหมวยู่ใช้ริมฝีปากปิดปากเธอเอาไว้แน่น กลืนเสียงทั้งหมดของเธอเข้าไปในปากตัวเอง……
——
“ว่าไงนะครับ?” ฉู่ฉือที่ยืนอยู่ในห้องทำงานประธาน ใบหน้าตกตะลึงไม่เบา “คุณชายรอง คุณอย่าล้อเล่นเลย?”
โหมวยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พิงพนักเก้าอี้หลับตาพัก นิ้วกลับยังคงแตะเอกสารไว้ และดันไปตรงหน้าฉู่ฉือ
ฉู่ฉือมีความลังเล และรับเอกสารฉบับนั้นมา
เปิดออกมาดู ด้านในมีใบลาสองใบ ใบลานั้นมีหนึ่งเดือน พอเปิดไปด้านหลัง มีข้อตกลงการมอบโฉนดที่ดินกับรถอีกหลายคัน
“คุณชายรอง นี่คุณจะ……” หรือว่าที่ชางหลิงพูดเมื่อคืน ทำให้โหมวยู่รู้สึกว่าเขาคิดไม่ซื่อ อยากจะไล่เขาออก?
“ถงเอินกับฉันเป็นเพื่อนกัน ทุกเงื่อนไขเหมาะกับนายมาก ได้ยินว่าเธอรู้สึกดีกับนาย หลายปีแล้วก็ยังโสดและเฝ้ารอนายอยู่” โหมวยู่ลืมตาขึ้นมา พูดอย่างเชื่องช้า
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือตื่นตระหนก “ตอนนี้เรื่องของคุณกับคุณชางยังไม่แน่นอนเลย ผมจะสนใจอย่างอื่นในเวลานี้ไม่ได้ ไม่งั้น ก็จะเป็นการรู้สึกผิดต่อนายท่านตระกูลเซิ่งที่อบรมสั่งสอนมาอย่างดี”
“นายท่านก็เสียไปนานแล้ว” โหมวยู่หยิบตั๋วเครื่องบินจากลิ้นชักออกมาสองใบ จากนั้นโยนให้ฉู่ฉือ “อีกอย่าง ถ้าสร้างครอบครัวแล้ว นายจะไม่มาทำงานแล้วเหรอ?”
ฉู่ฉืออึ้ง มองดูตั๋วเครื่องบินสองใบกับเอกสารในมืออย่างทำตัวไม่ถูก “นี่คือ……”
หรือว่าเป็นเงินชดเชยเหรอ?
“ลาหยุดแต่งงานหนึ่งเดือน นายพาถงเอินไปฮันนีมูนที่ออสเตรเลีย กลับมาก็ทันไปมิลานพอดี บ้านรถ ถือว่าเป็นของขวัญงานแต่งที่ฉันให้นายแล้วกัน” โหมวยู่ไม่ชอบพูดอ้อมค้อม เขากับฉู่ฉือรู้จักกันมานาน ผู้ชายสองคน ไม่ต้องพูดให้ลึกซึ้งจนน่าอึดอัดหรอก
“นอกจากเงิน ฉันไม่มีอะไรให้นายได้แล้ว”
ฉู่ฉือถือเอกสารไว้ในมือ ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี เวลานั้นเขากลับรู้สึกซาบซึ้งใจ
นอกจากชางหลิง เขาไม่เคยเห็นโหมวยู่แอบเตรียมของพวกนี้ให้กับใคร และตอนนี้ เขาได้ของพวกนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านายแล้ว
และตัวเขาเอง หลายปีมานี้ เขาไม่ได้มองโหมวยู่เป็นเพียงแค่เจ้านาย แต่กลับมองเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน
“ขอบใจคุณชายรองครับ” ฉู่ฉือรับตั๋วเครื่องบินมา และโค้งคำนับเขาอย่างซึ้งใจ
“ไม่ต้องขอบใจฉันหรอก” โหมวยู่หันหน้าออกไป “ไปขอบใจคุณนายไป”
ฉู่ฉือยิ้ม ตอบรับและถอยออกไป
ภายในห้องทำงานเหลือเพียงโหมวยู่ เขาลุกขึ้น เดินไปห้องพักผ่อน
ฉู่ฉือยิ้มแล้วหล่องั้นเหรอ?
ผู้ชายตรงหน้ากระจกนี้ ชุดสูทสีกรมที่เรียบตรง เสื้อไม่มีรอยยับเลยสักนิด เส้นขอบบนโครงหน้าแบ่งออกได้อย่างชัดเจน เขาลูบคาง มองดูใบหน้าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาฉีกยิ้มเห็นฟันแปดซี่หน้ากระจกนั้น
หนูน้อยนั้นอยากให้เขายิ้ม แบบนี้เหรอ?
โหมวยู่จ้องกระจกเห็นผู้ชายที่ทำตัวโง่ ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
น่าเกลียดจริงๆ! เขาหันหน้าและเดินออกไป
“ฮัดชิ้ว!” ชางหลิงจามเสียงดัง บรรยากาศตอนบ่ายที่เงียบเหงาก็เริ่มแจ่มใสขึ้นมา
“ฮัดชิ้ว!” อีกแล้ว ชางหลิงนวดจมูกเบาๆ
หนึ่งครั้งคิดถึงสองครั้งถูกนินทาสามครั้งเป็นหวัด ฮัดชิ้วอย่างไม่มีเหตุผล คงไม่ได้มีคนแอบนินทาเธอลับหลังหรอกนะ
โทรศัพท์สั่นขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่ฉู่ฉือส่งมาให้ตัวเอง
——ขอบใจครับคุณนาย
หื้ม??? ชางหลิงอึ้ง
อะไรน่ะ? ฉู่ฉือมาขอบขอบใจเธอทำไมกัน?
และในตอนนี้เอง ภายในลิฟต์เลขสาม ในมือฉู่ฉือมีกระเป๋าเอกสาร ส่องเงาสะท้อนจากภายในลิฟต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่ใจว่าเสื้อผ้าตัวเองดูดีแล้ว เขากระแอมและยืนตัวตรง
ลิฟต์ถึงชั้นที่จะไป เขาก้าวเดินออกไป เดินด้วยท่าทีการพูดคุย เดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ
เคาะประตู ได้รับเสียงตอบรับ ฉู่ฉือกลืนน้ำลาย ทำใจให้นิ่ง และดันประตูเข้าไปทันที
แต่ทว่า พอเขาดันประตูเข้าไป ภายในห้องทำงานก็มีกลิ่นเหม็นที่พุ่งกระฉูดขึ้นสมอง ฉู่ฉือยืนอยู่หน้าประตู รู้สึกแสบจมูกอย่างมาก
ถงเอินนั่งบนโต๊ะทำงาน กำลังกินหลัวซือเฝิ่น บนโต๊ะยังมีเต้าหู้เหม็น เธอมองตาโต ไม่คิดเลยว่าคนที่มาจะเป็นฉู่ฉือ!(*หลัวซือเฝิ่น เป็นกั้วเฉียวที่มีกลิ่นเหม็นแต่อร่วยของจีน)
เธออึ้ง เคี้ยวเส้นในปากอย่างตะลึง จากนั้นก็รีบหาทิชชูมาเช็ดปาก
“ผู้ ผู้ช่วยฉู่ มาได้ยังไงกัน?” ถงเอินรีบปิดฝาหลัวซือเฝิ่นกับเต้าหู้เหม็นเอาไว้ แต่แม้จะทำแบบนี้แล้ว ก็ปิดความเหม็นในห้องนี้ไม่ได้
เห็นสีหน้าของฉู่ฉือ ถงเอินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของกลิ่นในห้อง เธอรีบไปเปิดหน้าต่าง ระบายอากาศในห้องออกไป
“เธอ……” ฉู่ฉือลังเลสักพัก “เธอชอบกินอาหารที่มีกลิ่นแรงแบบนี้เหรอ?”
“อะไรนะ?” ถงเอินยังไม่ทันรู้สึกตัว เธออึ้งไปสักพัก จากนั้นก็รีบโบกมือ “ไม่หรอก ก็คือว่า พวกหล่อนสั่งเมนูนี้ให้ฉันน่ะ ฉันบอกแล้วว่าไม่กิน แต่ก็รู้สึกว่า ถ้าไม่กินเดี๋ยวพวกหล่อนจะน้อยใจเอาได้……”
พูดมั่วได้ดีมาก ถ้าไม่ผ่านการอนุญาตของเธอ ใครจะกล้าสั่งของแบบนี้กัน! อีกอย่าง ทั้งที่เธอทำท่ากินอย่างเอร็ดอร่อย……
ฉู่ฉือกระตุกยิ้มมุมปาก
“ผู้ช่วยฉู่ มีอะไรหรือเปล่า?” ถงเอินรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้ามากจริงๆ ปกติมองเขาไกลๆ ก็ทำท่าเย็นชาและใจเย็นเพื่อสร้างบุคลิกขึ้นมา กลัวว่าจะเสียหน้าต่อหน้าชายที่ตนแอบชอบ แต่มาวันนี้ ภาพที่เธอสร้างมา กลับพังทลายจนไม่เป็นท่า
ฉู่ฉือเดินเข้าไป ปล่อยมือที่จับประตูไว้ เขากวาดตามองห้องทำงานของถงเอินที่รกแต่ก็ให้ความรู้สึกศิลปะ เขานั่งลงบนโซฟาที่มีสีไวน์แดง
ถงเอินที่หยิ่งผยองตอนนี้กลับกลายเป็นกระต่ายน้อย เธอขยับเข้าไปนั่งตรงหน้าเขา เตะถังขยะที่มีซองลาเถียวไปซ่อนไว้ด้านล่างโต๊ะชา
ฉู่ฉือไม่ได้พูดอะไร แต่แค่ขมวดคิ้ว เหมือนกำลังทำใจอะไรสักอย่าง
นั่งใกล้ฉู่ฉือขนาดนี้ เมื่อก่อนใบหน้าที่ได้แต่คอยแอบมองอยู่ห่างๆกลับมาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ถิงเอินกลืนน้ำลายอึกๆ สายตาแอบมองหน้าเขาลงไปด้านล่างเรื่อยๆ
ฉู่ฉือเป็นคนที่หล่อพอสมควร แต่ปกติอยู่ใกล้โหมวยู่จึงดูไม่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้ พอมองเขาใกล้แล้ว กลับดูหล่อเหลากว่าตอนมองไกลๆเสียอีก
สมแล้วที่เป็นผู้ชายที่เธอแอบรักมานานยี่สิบกว่าปี สายตาของถงเอินมีหัวใจสีชมพูลอยขึ้นมา หัวใจเต้นตึกตักรัวๆไม่หยุด
ฉู่ฉือเปิดกระเป๋าเอกสาร ในนั้นมีทะเบียนบ้านของเขา วางอยู่บนโต๊ะชา
“เธอเตรียมตัวนะ พรุ่งนี้พวกเราไปจดทะเบียนกัน”