ชางหลิงไม่ตกใจอะไร: “ฉันแสดงออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เมิ่งเคอยิ้มกว้าง
“สายตาเธอสะอาดมาก เหมือนเด็กน้อย คนมากมายอาจจะถูกเธอหลอกได้ คิดว่าเธอเป็นคนไร้เดียงสา แต่ว่า ฉันอยู่ในสถานบันเทิงมานาน เรียนความสามารถการมองหน้าตาอารมณ์ของคน ในใจเธอคิดอะไร ไม่เพียงแค่ภายนอกที่แสดงออกมาเท่านั้น”
“ดังนั้น ฉันกำลังคิดว่า พวกเราอาจจะมีเป้าหมายเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราอาจจะร่วมมือกันได้” เมิ่งเคอพูดแสดงจุดยืนตัวเอง
“เธอหนีออกจากไทเลอร์แล้วมาหาฉัน” ชางหลิงยิ้ม “เธอไม่กล้วฉันจะหลอกเธอหรือไง?”
“กลัวสิ” เมิ่งเคอตอบอย่างตั้งใจ “ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเธอเป็นเพื่อนหรอก ฉันบอกเธอเอาไว้ก่อน ฉันจะป้องกันตัวจากเธอไว้”
“ไม่เป็นไร” ชางหลิงยักไหล่ “เธอป้องกันฉันไว้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
หม้อไฟยังคงเดือดอยู่ ชางหลิงหยิบตะเกียบขึ้นมา กินอาหารตรงหน้าต่อไป “เธอรู้ไหมเรื่องครั้งนี้ใครเป็นคนทำเธอ?”
“เธอควรถามว่า เรื่องครั้งนี้ใครบ้างไม่ทำฉัน” เมิ่งเคอมองชางหลิง ท่ากินของเธอเหมือนอร่อยมาก ดูจนเธอน้ำลายสอไปตามๆกัน
“งั้นเธอก็เหมือนกับฉัน ไม่มีใครอยากคบหา” ชางหลิงส่ายหน้า รีบจัดการเนื้อบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“มู่ซานเป็นลูกน้องของโม่โม่ โม่โม่แม้จะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย แต่เธอกแอบควบคุมฝ่ายนางแบบมานานแล้ว ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาแอบเกี่ยวพันกัน ไม่ชอบอยู่กับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาชอบคิดวิธีการไล่ฉันออกไป” เมิ่งเคอต้มผักในหม้อซุปจืด กินเล็กน้อย
“ในเมื่อเธอรู้ว่าโม่โม่อยากทำร้ายเธอ เธอจะอยู่ในเซิ่งซื่อต่อทำไม? ฝีมือของหล่อนเธอน่าจะรู้ดีนะ เธอไม่กลัวเหรอ?” ชางหลิงแปลกใจ
“คนที่ทำให้ฉันยอมแพ้ได้ มีแค่ตัวฉันเองเท่านั้น” เมิ่งเคอไม่ได้มองเธอ แต่น้ำเสียงกลับมั่นใจขึ้น “โม่โม่แม้จะเป็นผู้บริหารในเซิ่งซื่อ แต่เจ้าของเซิ่งซื่อยังไงก็เป็นคุณชายรองโหมว ฉันเชื่อว่าคุณชายรองเป็นคนแยกแยะผิดชอบชั่วดีออก ขอแค่ผ่านมันไปได้ อนาคตจะต้องสดใสแน่”
“คอกแคะ……” ได้ยินชื่อโหมวยู่ออกมาจากปากเมิ่งเคอ ชางหลิงก็สำลักขึ้นมา
แยกแยะผิดชอบชั่วดีออก? เธอว่านะน่าจะเป็นคนใจร้ายใจดำมากกว่า ถ้าปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงได้จริง พอพูดขัดใจหน่อยก็พาไปจดทะเบียนเป็นการตักเตือน ถึงตอนนั้นเธอก็จะรู้ว่าคุณชายโหมวเป็นคนยังไง
“ทำไมเหรอ?” เมิ่งเคอเห็นชางหลิงสำลัก ก็สงสัย “เธอกับคุณชายโหมวมีอะไรกันงั้นเหรอ?”
“เขาเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนั้น ฉันจะได้คุยกับเขาได้ยังไงกัน” ชางหลิงรีบปฏิเสธ
เมิ่งเคอมองเธออย่างสนใจ “ขนาดโหมวฉี่ยังช่วยเธอพูด ยังมีฉินซางปกป้องเธอ เธอกับโหมวยู่มีอะไรกัน ฉันก็ไม่แปลกใจหรอก”
“เหอะๆ” ชางหลิงหัวเราะ “รู้จักพวกเขานั่นเป็นเหตุบังเอิญ ฉันน่ะ เป็นคนทำอะไรไม่ส่งเสียงออกไป ไม่ชอบเป็นเพื่อนกับพวกคนใหญ่คนโตน่ะ”
“งั้นเหรอ?” เมิ่งเคอไม่ได้เปิดโปงเธอ แต่กินอาหารต่อไป
หม้อไฟมื้อนั้นก็จบลงแบบนี้ จากที่เมิ่งเคอพูดมา ชางหลิงรู้แล้วว่าตอนนี้เซิ่งซื่อเป็นยังไง โม่โม่ควบคุมฝ่ายขายและฝ่ายนางแบบไว้ ก็ถือว่าเป็นอำนาจใหญ่ของเซิ่งซื่อ บวกกับพ่อโม่หยวนผิงเธอเป็นหุ้นส่วนของเซิ่งซื่อ
มู่ซานเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของฝ่ายนางแบบ และไทเลอร์ก็เป็นลูกน้องของมู่ซาน ดังนั้น เกรงว่าไทเลอร์รู้เรื่องของโม่โม่นานแล้ว และเข้าร่วมกับพวกเธออยากจะไล่เมิ่งเคอออกไปเร็วๆและจัดคนใหม่ขึ้นตำแหน่งแทน
ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว ดูท่าทางก็คงต้องลงมือจากนางแบบแล้วล่ะ
ชางหลิงมีเป้าหมายเล็กๆแล้ว
พอส่งเมิ่งเคอกลับ ชางหลิงก็รอรถอยู่หน้าร้านด้วยท้องที่แน่นตึง
ออกมากินข้าวคนเดียวอร่อยกว่าจริงด้วย ทุกครั้งที่กินข้าวกับโหมวยู่ เขาชอบหาทางให้เธอกินผัก ยังควบคุมปริมาณอาหารเธอ เหมือนกลัวว่าเธอจะอ้วนงั้นแหละ
แต่ทว่า เธอหันไปก็เห็นรถจี๊ปจอดอยู่ไม่ไกล เธอขยี้ตาแรงๆ แน่ใจว่าตัวเองมองป้ายทะเบียนรถไม่ผิด
เธอเดินไปช้าๆ โหมวยู่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ กระจกรถเลื่อนลงมา ในตอนนี้เอง สายตาเฉียบคมก็กำลังจ้องมองเธออยู่
“ทำไมถึงนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ?” ชางหลิงตกใจ
“หม้อไฟอร่อยไหม?” โหมวยู่ไม่ตอบแต่ถามกลับ
ฉู่ฉือหยุดงาน พอเขาเลิกงานก็อยากขับรถรับเธอกลับบ้านด้วยกัน ไม่คิดว่าเธอไม่บอกเขาสักคำและไปกับเมิ่งเคอเลย สองชั่วโมงเต็มๆ เขานั่งอยู่ในรถ มองดูเธอนั่งข้างหน้าต่างกินเนื้อแปดจานใหญ่
“แหะๆ” ชางหลิงจับท้องเอาไว้ “อร่อยนะ ครั้งหน้าฉันพานายมากินด้วย”
โหมวยู่ทำหน้าบึ้งตึง ชางหลิงก็เปิดประตูขึ้นรถไป และคาดเข็มขัดให้ตัวเอง
“คำพิพากษาของชางฉิงออกมาแล้ว” รถขับออกไปนิ่งๆ เงียบสักพักโหมวยู่ก็พูดขึ้นมา
“หื้ม?” ชางหลิงอึ้ง รอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ได้หายไปทันที
“โทษจำคุกตลอดชีวิต”
ชางฉิงยอมรับสารภาพผิด เน้นย้ำหลายครั้งว่าตัวเองไม่รู้ว่าของที่ถือเป็นกรดกัดทอง โม่โม่ทางนั้นก็ให้คนผสมยารับผิดชอบทั้งหมด สุดท้ายก็พิพากษาว่าฆ่าโดยประมาท ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต
ชางหลิงใบหน้าเย็นชาลงมาทันที
“เธอควรจะถูกประหาร” ชางหลิงพูดเสียงเบา
ไม่เพียงแค่ชางฉิง ยังมีโม่โม่ พวกเธอสมควรรับผิดกับการตายของหยูเฉิน แต่ตอนนี้ ชางฉิงกลับยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าแสดงตัวในคุกดี อยู่ไม่กี่สิบปีก็ได้ลดโทษแล้ว โม่โม่ก็ไม่ต้องโทษอะไรเลย ใช้ชีวิตสุขสบายด้านนอก
แต่หยูเฉิน……
ชางหลิงไม่มีวันลืมท่าทางก่อนตายของเขาได้แน่ ในความฝันเสียงของเขายังคงดังก้องอยู่ในสมองของเธอ พูดกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ต้องแก้แค้นแทนเขาให้ได้
“ชางฉิงอยากเจอเธอ” โหมวยู่พูดต่อ “ชางหวยซูรู้ว่าเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา สั่งคนให้ส่งจดหมายมาที่ห้องทำงานฉัน”
“ฉันไม่อยากไปเจอหรอกนะ” ชางหลิงพูดต่อ “เธอก็แค่โอ้อวด อวดที่ว่าเธอไม่ต้องโทษประหาร”
ชางหลิงสู้กับเธอมานานหลายปี รู้อยู่แล้วว่าเธอจะทำอะไร
“ฉันไม่ไป ฉันกลัวว่าตัวเองจะอดไม่ไหวเอามีดแทงเธอ” ชางหลิงหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
โหมวยู่รู้ว่าชางหลิงโกรธ ตั้งแต่เรื่องของหยูเฉินจนถึงตอนนี้ ผ่านไปจะหนึ่งเดือนแล้ว ในเดือนนี้ เธอไม่เคยเอ่ยชื่อของชางฉิงกับหยูเฉินต่อหน้าเขาเลย แต่เขารู้ว่า ยิ่งเธอไม่พูด ก็แสดงว่ายิ่งปล่อยวางไม่ได้
เขาก็ไม่อยากให้ชางหลิงต้องไปเห็นชางฉิงแล้วถูกเธอกระตุ้นอีกครั้ง แต่ว่า……
“เธอบอกว่า เธอมีบางเรื่องอยากบอกกับเธอ เกี่ยวกับแม่ของเธอน่ะ”