ชางหลิงอึ้ง พร้อมกับมองไปที่มือของโหมวยู่ที่ดึงกลับไปอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีและความหดหู่ก็เข้ามาในหัวใจเธออย่างไม่เคยนึกมาก่อน
ทั้งสองมองหน้ากันไปไม่กี่วินาทีโหมวยู่ก็เปิดกระเป๋าเอกสารตัวเองพร้อมกับส่งแฟ้มเอกสารหนาๆ ข้างในไว้ที่มือเธอ
“นี่คืออะไร?” ชางหลิงไม่เข้าใจ
“ของขวัญวันเกิดน่ะ” โหมวยู่ยิ้ม “และมันก็เป็นคำตอบของคำถามคุณเมื่อกี้นี้”
ชางหลิงตกใจ
“คุณ…คุณรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉัน?” แต่ทำไมเขากลับไม่แสดงอะไรออกมาเลยล่ะ?
“คุณนี่มันคนขี้เหนียว และคุณก็ขี้เหนียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่วันนี้กลับเลี้ยงข้าวผม คุณแปลกๆ หรือว่ามีปีศาจเข้าสิง” โหมวนิ่งเงียบ “ที่จริงผมเตรียมมาได้สักพักแล้ว เดิมทีอยากจะหาโอกาสมอบมันให้คุณ แต่หลังจากที่คิดอยู่นาน ก็นึกได้ว่าวันนี้คงจะเป็นวันที่เหมาะสมกว่า”
ชางหลิงตกตะลึง เธอเปิดแฟ้มเอกสารเหล่านี้ หลังจากที่เห็นเนื้อหาข้างในแล้ว ก็ตกใจไปทีหนึ่ง
บนกระดาษสีขาวลายเส้นตัวอักษรสีดำก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ ซึ่งตัวอักษรเหล่าถูกเขียนไว้อย่างลึกและทรงพลังโดยเขียนคำว่า “พินัยกรรม” ไว้
“ผมคนนี้ พูดไม่ค่อยเก่ง และไม่รู้ว่าคุณต้องการความโรแมนติกแบบไหน” โหมวยู่ทำท่าที จริงจัง “สิ่งเดียวที่ผมสามารถทำได้คือ มอบทั้งหมดที่ผมมีให้กับคุณ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร พอลองคิดไปคิดมาแล้ว ก็รู้สึกว่าคุณน่าจะชอบเงินมากที่สุด ดังนั้น ผมจึงให้คนช่วยตรวจเช็คทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้ชื่อของผม และจัดเข้าเป็นเล่ม” โหมวยู่พูดอธิบาย “สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในมือของผม ไม่ว่าจะเป็นทั้งบ้าน รถ และอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ทั้งหมดนี้มันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลโหมวแล้ว”
“ด้วยพินัยกรรมฉบับนี้ ถ้าวันหนึ่งมีอะไรเกิดขึ้นกับผม สิ่งเหล่านี้ จะเป็นของคุณทั้งหมด”
ดวงตาของชางหลิงแดงขึ้นมาทันที เธอน้ำตาซึม พร้อมกับถือเอกสารที่หนักนั้นไว้และเธอก็พูดไม่ออกสักคำ
“ผมรู้ว่า โลกของเรามันแตกต่างกันมาก ก่อนที่ผมจะพบกับคุณ ผมเคยคิดว่าจะอยู่คนเดียวบนที่สูงไปตลอดชีวิต แต่นับตั้งแต่ที่ผมได้พบกับคุณในวันนั้น ผมก็เลยมีความคิดที่จะลอง ลงมาดู” โหมวยู่จ้องตรงมาที่เธอ “ผมแก่กว่าตั้งคุณ 6 ปีเลยนะ บางทีวันหนึ่ง ผมอาจจะจากคุณไปก่อนก็เป็นได้”
“ดังนั้น หลิงเอ๋อร์ ผมอาจจะไม่มีทางเข้าใจโลกของคุณ เช่นนั้น หากมีวันนั้นจริงๆ คุณก็นำเงินทั้งหมดของผมไปสร้างโลกที่คุณต้องการได้”
น้ำตาของชางหลิงร่วงลงมา
เธอถือของในมือแน่นไว้แน่น และโหมวยู่ในสายตาของเธอก็พร่ามัวไปด้วยน้ำตา
“คุณเชื่อใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณไม่กลัวว่าหลังจากที่ฉันได้รับสิ่งเหล่านี้แล้ว รีบวางยาพิษในอาหารของคุณทันทีเหรอ?”
โหมวยู่ยิ้ม และความปรนเปรอในดวงตาของเขาก็เกือบจะล้นเอ่อออกจากสายตา
ชางหลินจัดเรียงเอกสาร แล้ววางไว้อีกฝั่ง พร้อมกับมองไปที่โหมวยู่เธอหยุดร้องไห้แล้วหยุด
“คุณบอกว่าฉันเป็นคนชั่วที่อายุยืนพันๆ ปีไม่ใช่เหรอ? ในฐานะที่เป็นสมาชิกของคนชั่ว คุณต้องมีชีวิตยืนยาวอีกร้อยปีถึงจะถูกนะ” ชางหลิงหายใจเข้า “ถ้าหากว่าคุณตายก่อน ฉันจะนำทรัพย์สินของคุณแล้วไปแต่งงานใหม่ ให้คนอื่นนอนกับภรรยาของคุณ และให้ลูกชายของคุณเรียกคนอื่นว่าพ่อ”
ดวงตาของโหมวยู่สุขุมเยือกเย็น “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ชางหลิงคิดว่าเขาโกรธ เธอจึงรีบเงียบไป
“คุณพูดว่า ลูกชายของผมเหรอ?” โหมวยู่ถามเธอ “คุณคิดหาหนทางแล้วใช่ไหม?”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ” ชางหลิงก้มหน้าลง พร้อมกับยัดเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าไปในปาก
เธอแทบจะอยากตบปากตัวเองไปทีหนึ่ง รีบพูดเร็วเข้า ดูซิ ครั้งนี้ทำให้โหมวยู่เข้าใจผิดอีกแล้ว
แต่คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากมีลูก แค่รู้สึกว่าตอนนี้เธออายุยังน้อยอยู่ และอาชีพการงานก็กำลังเติบโตขึ้น มันไม่เหมาะที่จะรีบมีลูกแบบนี้ ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอกับโหมวยู่ได้ใบรับรองนั้น พวกเขาก็มีข้อตกลงด้วยกันเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แม้ว่าจะมองย้อนกลับไปมันก็เป็นเพียงเงื่อนไขที่ไม่มีนัยสำคัญอะไรเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการประกันภัยดังนั้นเธอจึงต้องปล่อยให้ระยะเวลาสองปีนั้นผ่านไปก่อน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชางหลิงก็แปลกใจอีกครั้ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ในระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น โหมวยู่ก็เป็นสามีของเธอไปแล้วจริงๆ
เธอเงยหน้าขึ้น และโหมวยู่ที่อยู่ตรงข้ามก็กำลังมองมาที่เธอ แม้ว่าเส้นมุมกรามที่เด่นชัดของเขา เธอจะมองมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของเขาก็ยังทำให้หัวใจเธอเต้นรัว
“หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้จะต้องไปมิลานแล้ว และภายนอกนั้นก็ดีไม่เท่าพื้นที่ของตัวเอง ทำอะไรก็อย่าหุนหันล่ะ” โหมวยู่กำชับเธอ
“ได้ค่ะ” ชางหลิงพยักหน้า แล้วเปิดเบียร์ไปอีกขวด เธอดื่มไปครึ่งขวดอย่างสบายใจ “มาเถอะ ใช้โอกาสนี้ ขอให้การเดินทางไปมิลานของพวกเราประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น”
โหมวยู่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนชางหลิงกลับดื่มกินด้วยเอง ผ่านไปได้นาน แก้มของเธอก็แดงก่ำ
“ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ” ชางหลิงยกขวดเบียร์เปล่าขึ้น “ฉันเคยสัญญาว่า ฉันเคยสัญญากับหยูเฉินว่า…”
สัญญากับหยูเฉินว่า ฉันจะต้องยืนอยู่บนเวทีชั้นนำของโลก และกลายเป็นนักออกแบบที่โด่งดัง
ฉันยังสัญญาอีกว่า ฉันจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และเป็นคนที่คู่ควรกับโหมวยู่ให้ได้
สายตาของชางหลิงค่อยๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเลือนรางลงเรื่อยๆ และรู้ว่าอาการโลกหมุนกำลังจู่โจมเข้ามา เธอยิ้มให้ โหมวยู่ และในวินาทีถัดมา หัวของเธอก็ร่วงลงบนโต๊ะ
โหมวยู่ยื่นมือออกมาประคองหัวของเธอได้ทันเวลา เขาลุกขึ้น แล้วเดินไปยังที่นั่งข้างๆ เธอ แล้วย้ายตัวเธอเข้ามา
เขามองไปยังใบหน้าที่เมาของชางหลิงแล้ว ความสุขที่ขึ้นจากคำพูดเมื่อครู่ของเธอก็ค่อยๆ หายไป
หยูเฉิน…จริงๆ แล้วเธอ ยังคงลืมหยูเฉินไม่ได้จริงๆ
แม้ว่าเขาจะถือหัวใจที่จริงใจของตัวเองส่งมอบต่อหน้าเธอ แล้วเธอก็คงรับมันด้วยรอยยิ้ม แต่คนในใจของเธอนั้น ยังคงเป็นหยูเฉิน
“โหมวยู่ …” ชางหลิงพิงไหล่ของเขา เธอหลับตาแล้วเอาหัวถูกหน้าอกของเขา ผมบนหน้าผากของเธอยุ่งหยิงตามการเคลื่อนไหวของเธอ เธอกระซิบ พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างคล้องคอของเขาไว้
ชางหลิงคออ่อน เรื่องนี้ มันกลายเป็นความจริงที่รู้จักตั้งแต่วันที่พวกเขาพบกันที่คลับ Nova แล้วโหมวยู่จนปัญญา เขายกกระเป๋าเอกสารขึ้นมา พร้อมกับชางหลิงไว้ในอ้อมแขนราวกับว่าเขากำลังอุ้มเด็กอย่างไงอย่างงั้นเลย
ชางหลิงหลิงพิงบนร่างของเขาอย่างว่านอนสอนง่าย ราวกับหมีโคอาล่าที่แขวนบนร่างกายของเขา โหมวยู่เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นการอยู่ในอ้อมแขนของเขา มันจึงเพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“โหมวยู่ ฉันอายุ 22 ปีแล้ว…” ชางหลิงนอนคว่ำหน้าบนไหล่ของเขา และพูดกับเขาอย่างเบลอๆ “ในวันเกิดที่ฉันอายุ 21 ปีนั้น คนที่อยู่เคียงข้างฉัน ต่างก็จากไปหมดแล้ว…”
“โหมวยู่ ฉันไม่มีแม่ และไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร…ฉันไม่มีบ้านแล้ว…”
“มีแค่คุณ……”
จังหวะก้าวของโหมวยู่หยุดไปครู่หนึ่ง
มีแค่คุณเท่านั้น
คำพูดเหล่านี้ตกลงไปในหัวใจของเขาอย่างหนักหน่วง ทำให้ส่วนที่อ่อนโยนและลึกที่สุดของหัวใจสะเทือน
เสียงที่คุ้นเคยและเก่าแก่ก็ดังก้องอยู่ในหัวของเขา และเสียงที่อ่อนโยนนั้นก็เคยพูดคำนี้กับเขา
“อะยู่ ไม่มี น้า แม่พ่อ และพี่สาว ทุกคนต่างก็จากไปกันหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่บ้านก็ไม่มีแล้ว” หญิงสาวผู้อ่อนโยนในความทรงจำนั้น เขาก็กำลังอุ้มนอนอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง เขาน้ำตาร่วง พร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูว่า “มีแค่คุณ เหลือแค่คุณเท่านั้นแล้ว”
ในปีนั้น แม่ของเขาเพิ่งจากไป และตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบ และน้องสาวของภรรยาก็อายุ 16 ปี
ซึ่งตอนที่เขาเจอชางหลิงครั้งแรกนั้น เขารู้สึกว่าตัวเธอมีความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูก และความรู้สึกคุ้นเคยนี้เอง ที่ทำให้เขาถึงได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต่อต้านผู้หญิง จากนั้นเขาจึงช่วยชีวิตเธอจากทะเลได้
โหมวยู่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่างในทันที หากเขามองความคล้ายคลึงกันระหว่างชางหลิงกับเซิ่งเยียนหัวออกแล้วโหมวฉี่จะมองไม่ออกได้ยังไงกัน?