โจวลี่ลี่พูด พร้อมกับมองบนไปที่ชางหลิง “ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นทีมเวิร์คเลยสักนิด ทุกคนกำลังยุ่งแต่พวกเธอกลับเอาแต่เล่นเกม”
โหมวยู่เลิกคิ้ว
กระทั่งเขาไม่มองไปที่ทางชางหลิงด้วยซ้ำ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาค่อยๆ ลดระดับลง
“แต่ผมจะเห็นได้ยังไงว่า พวกเธอทำงานเสร็จแล้ว เป็นเพราะพวกคุณไม่บรรลุตามมาตรฐานภายในเวลาที่กำหนดไว้?”
หลิวจื่อเวยตกใจ
“คุณชายรองคะ พวกเรา…”
โหมวยู่ลืมตาขึ้นมาแล้วหันกลับมาอย่างไม่สนใจไยดีขณะที่ฉินเลี่ยงเลี่ยงก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับพูดกับหลิวจื่อเวยและโจวลี่ลี่ “ในเมื่อเป็นเพราะพวกคุณ จึงทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเลิกงานไม่ตรงเวลางั้นอาหารมื้อนี้ พวกคุณก็เลี้ยงเองนะ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จะถูกหักออกจากเงินเดือนของทั้งคู่”
“นี่…” โจวลี่ลี่ตะลึงงันนี่มันไม่มีเหตุผลเอาสะเลย เธอไม่ได้พูดและไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงต้องหักเงินเดือนอย่างไร้เหตุไร้ผลด้วย?
“ทานข้าวเสร็จก็เลิกงานกันนะ จากนี้ งานใครก็ต่างคนต่างจัดการด้วยตัวเอง ไม่ว่างานจะเสร็จหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับรอบข้าง บริษัท เซิ่งซื่อไม่ต้องใช้ระบบการที่ต้องพลอยได้รับโทษไปด้วยที่ไร้ประโยชน์นี้” น้ำเสียงของโหมวยู่เยือกเย็น จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วออกไป
โจวลี่ลี่กระทืบเท้าด้วยอย่างแค้นเคือง และกลิ่นหอมของข้าวกล่องที่อยู่ด้านข้างก็หายไปทันที “ซวยจริงๆ เลย ข้าวกล่องเยอะขนาดนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินเดือนจะพอให้หักหรือเปล่า”
“หุบปาก! ” หลิวจื่อเวยจ้องไปที่เธออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง “ใครสั่งให้คุณพูดเหลวไหลมันทำร้ายให้ฉันต้องติดร่างแหไปด้วย”
ชางหลิงเดินไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ตอนนี้พี่สาวทั้งสองอารมณ์ไม่ดีแล้ว จะต้องทานข้าวไม่ลงแล้ว ทำไมถึงไม่ให้กล่องข้าวนี้กับฉันล่ะ” เธอ พร้อมกับนำกล่องข้าวของโจวลี่ลี่ไปด้วย
“ชางหลิงคุณมันก็แค่คนต่ำต้อย!” โจวลี่ลี่หน้าแดง
ชางหลิงไม่ได้สนใจเธอกำลังพูดถึงอะไร ที่จริง กับข้าวของคนอื่นล้วนเป็นส่วนผสมของเนื้อและผัก มีแค่ของเธอเท่านั้นที่เป็นมังสวิรัติ เธอหยิบขาไก่ขึ้นมา และกัดมันไปคำหนึ่งอย่างพอใจ
มื้อเย็นที่ซื้อด้วยเงินเดือนของคนอื่นนั้นมันหอมมากเลย
ชางหลิงทานด้วยปากที่มันเยิ้มเธอลูบท้องที่นูนของตัวเอง แล้วเดินออกจากบริษัทเซิ่งซื่อไปกับซูเสี่ยวเฉิง
รถที่ซูเสี่ยวเฉิงเรียกก็มารอแล้ว ชางหลิงใช้สายตาส่งเธอไปจนละสายตา และรถจิ๊บของโหมวยู่ก็ขับรถมา
“ตอนนี้คุณเริ่มกล้าหาญขึ้นแล้วนิ” เมื่อชางหลิงมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ จึงหายวับเข้าไปในรถของเขาทันที “ยังกล้ามารับฉันที่หน้าประตูบริษัทอย่างโจ่งแจ้ง”
โหมวยู่แสดงออกอย่างเย็นชา “ถ้าครั้งหน้าคุณยังทำแบบนี้อีก ผมจะมารับคุณจริงๆ ด้วย”
ชางหลิงเบะปากอย่างไม่พอใจ “นี่ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ เมื่อกี้คุณก็เห็นแล้วนิ ฉันถูกติดร่างแหไปด้วย”
โหมวยู่ขับรถออกไปอย่างระมัดระวัง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คนเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวที่บริษัทเซิ่งซื่อแล้ว”
“อย่านะ” ชางหลิงแสดงสีหน้าตกใจ “ไม่ขนาดนั้นหรอก มันไม่ได้ขนาดนั้น”
ถ้าโหมวยู่เปิดหัวข้อนี้จริงๆคาดว่าจากนี้ไปบริษัทเซิ่งซื่อคงจะเหลือแต่เขาคนเดียว
“ฉันมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีเอง คนที่เข้ากับฉันได้ก็มีไม่มาก ถ้าคุณต้องการปลดพวกเขาทั้งหมดออกไป ต่อไปใครจะมาทำงานด้วยล่ะ” ชางหลิงเกลี้ยกล่อมเขา
“อืม” โหมวยู่ถึงกับตอบมาอย่างไม่คาดคิด “เรื่องนี้มันก็แล้วแต่ผม”
อืม? บนใบหน้าของชางหลิงเขียนเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ ไว้
“ผมก็มนุษยสัมพันธ์ไม่ดีเหมือนกัน” โหมวยู่พูดอย่างสงบ
เอ๊ะ นี่จำเป็นต้องพูดด้วยเหรอ? ชางหลิงมองบน เพียงเพราะอารมณ์ไม่ดีของเขาเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาร่ำรวยและมีอำนาจล่ะ ใครจะเป็นเพื่อนกับเขา
“เอ่อใช่แล้ว” ชางหลิงนึกบางสิ่งขึ้นได้ “คืนพรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ”
“อืม” โหมวยู่ตอบรับ
“คุณจะไม่ถามฉันสักคำเลยเหรอว่าทำไมฉันถึงอยากเลี้ยงข้าวคุณ?” ชางหลิงไม่เข้าใจ “จะดีจะร้ายยังไงคุณก็เป็นประธานของบริษัทเซิ่งซื่อนะทำไมนัดง่ายขนาดนี้?”
“ตราบใดที่เป็นคุณเมื่อไหร่ก็ได้โหมวยู่มองไปข้างหน้าแม้แต่คำพูดรักๆใคร่ๆ ก็พูดอย่างไม่กระทำสุ่มสี่สุ่มห้า
ชางหลิงไม่ตอบกลับอีก
เธอมองดูตัวเลขในปฏิทิน พรุ่งนี้คือวันที่ 20 ธันวาคม วันเกิดของเธอ
ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่แม่ของเธอจากไปเธอไม่เคยได้ใช้เวลาในวันเกิดตัวเองกับครอบครัวอย่างจริงจังเลย
ชางหวยซูมักจะยุ่งอยู่เสมอ ทั้งจ้าวหลันจือและคุณปู่คุณย่าก็ไม่มีใครจำวันเกิดของเธอได้เลยสักคน เมื่อเธอยังเด็ก มักจะตั้งตารออยู่เสมอ แค่ทุกครั้งที่ต้องจบลงด้วยความสิ้นหวัง และเมื่อโตขึ้นเธอก็ไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะจำวันเกิดตัวเองได้
เมื่อครั้งที่เธออยู่กับหยูเฉิน ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่ถูกเห็นค่า เขาจะเตรียมของขวัญให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจจนถึงที่สุด และจะเรียกเหล่าเพื่อนฝูงมาสนุกกันอีกด้วย
แต่วันเกิดปีนี้…
ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าโหมวยู่จะไม่ใช่คนที่เตรียมเซอร์ไพรส์ให้เธอ หรือบางทีเขาอาจจะจำวันเกิดของเธอไม่ได้เลย เธอก็เลยใช้ความคิดที่จะใช้จ่ายสิ้นเปลืองสักครั้ง และเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อก็พอแล้ว. .
ชางหลิงคิดอย่างนั้นในใจ และเธอก็จองร้านอาหารอย่างไม่ลังเล ในระยะนี้เธอก็ได้เก็บเงินจากโหมวยู่มาไม่น้อยเลย เงินก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏในชีวิตมาก่อนเลย ดังนั้น ในปีนี้เธอจะต้องใช้จ่ายเงินอย่างไม่เจียมตัวสักครั้ง
ดังนั้น ในคืนของวันถัดมา…
รถของโหมวยู่ติดอยู่ที่ประตูของร้านอาหารริมทางในถนนอาหารเขตเมืองเก่าท่ามกลางฝูงชนที่แออัด แค่ก้าวเท้าเดียวก็ไม่สามารถขยับได้เลย
“ทำอะไรน่ะ” เจ้าของร้านอาหารริมทางวิ่งใส่ผ้ากันเปื้อนออกมา “ไม่เห็นว่ามีป้ายห้ามรถเข้าเหรอ? เป็นคนยังไงกันเนี้ย” ฉันต้องตั้งแผงลอยแล้ว รีบย้ายรถออกไปเร็วเข้า”
ใบหน้าโหมวยู่ก็มืดครึ้มลงในทันที เขาจ้องไปยังไฟสีแดงข้างนอกของ “แผงลอยอาหารว่างตอนกลางคืนซานเหมา” ที่กำลังกะพริบอยู่ จากนั้นเขาก็กดแตรไปอย่างฉับพลันอยู่ครู่หนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ชางหลิงพูดมาจากปากว่า ร้านอาหารระดับสูงเหรอ?
“เฮ้ยเจ้านายคะ” ชางหลิงพุ่งออกจากร้านแล้วรีบลากเจ้านายอย่างรวดเร็ว “ฉันเป็นแขกในห้องวีไอพี 888 นี่คือเพื่อนของฉันค่ะ”
ชางหลิงบอกที่นี่จะต้องมาจองที่นั่งด้วยตัวเองดังนั้นทันทีที่เลิกงานตัวเธอจึงมาที่นี่ก่อน แล้วเธอก็พูดกำชับกับโหมวยู่เป็นพิเศษว่าตามสบายได้เลยนะ แต่แค่…
ประตูรถเปิดออก และรองเท้าหนังสีดำที่ถูกขัดอย่างเจิดจ้าของชายผู้นั้นก็ตกอยู่บนพื้น ไม่มีรอยย่นบนชุดสูท เนกไทที่เดิมทีเรียบสุขุมก็ถูกแทนที่ด้วยโบผูก เขาถือกระเป๋าเอกสารอันล้ำค่าไว้ในมือ บวกกับรูปร่างที่ค่อนข้างสูง กลิ่นอายของความสูงส่งและสง่างามผ่าเผยเชยเข้ามาบนใบหน้า
เขาเต็มไปด้วยแสงสว่างไสวจากตัวเมือง ท่าทีการลงจากรถราวกับเทพเสด็จลงมายังโลก ดั่งราชาผู้สูงศักดิ์ประกอบกับรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งดูเหมือนกับว่าไม่มีนั้น ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูช้าลง และทุกๆ ภาพสามารถเป็นวอลล์เปเปอร์มือถือได้
“จ๊อก!” คุณป้าแผงขายหม่าล่าหม้อไฟข้างๆ เทน้ำร้อนถาดหนึ่งลงมา และหยดน้ำแต่ละหยดก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดุร้าย จากนั้นหยดน้ำทั้งหมดก็สาดกระเด็นใส่กางเกงของโหมวยู่อย่างตรงเป๊ะ
โอเค ทุกอย่างพังทลายลงไปหมดเลย
โหมวยู่ก้มหน้าจ้องมองไปที่กางเกงซึ่งเปื้อนอยู่นั้น ใบหน้าที่เดิมทีมืดครึ้มของเขาเกือบจะระเบิดออกมาแล้ว
“ขอโทษนะพ่อหนุ่ม ป้าไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มจะลงรถ และป้าก็ไม่ทันได้ดูด้วย” ใบหน้าคุณป้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และพูดขอโทษต่อโหมวยู่อย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า” เมื่อชางหลิงเห็นว่าโหมวยู่กำลังจะระเบิดก็รีบเดินไปตรงหน้าโหมวยู่
“สาวน้อยต้องรีบย้ายรถคันนี้ของพวกหนูออกไปนะ ได้เวลาตั้งแผงแล้ว” พ่อค้าแผงขายอาหารริมทางเร่งอีกครั้ง “ที่นี่มีที่จอดรถอยู่ไม่ไกลด้านหน้านี้ พวกหนูไปจอดที่นั่นนะ”
“ได้ค่ะ” เราไปกันเถอะ ชางหลิงตอบ
“ราคาเท่าไหร่ครับ?” โหมวยู่ส่งเสียงออกปากพูดกับพ่อค้าทันที
“พ่อหนุ่มพูดถึงอะไรนะ?” พ่อค้างุนงง
“รถของผมจะจอดที่นี่ค่าเสียหายที่คุณไม่สามารถตั้งร้านในคืนนี้ผมจะชดใช้ให้ทั้งหมดครับ” โหมวยู่พูด พร้อมกับหยิบบัตรธนาคารออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว