โหมวยู่อุ้มชางหลิงไปตามทางจนถึงที่ลานจอดรถ เปิดประตูรถ ต้องการวางเธอที่เบาะหลัง แต่ชางหลิงก่ายแขนขารอบตัวเขา อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
“โหมวยู่ อย่าทิ้งฉันไป ต่อไปฉันจะเชื่อฟัง” เสียงอ้อแอ้ของชางหลิงอ้อนวอนที่ข้างหูเขา
“ฉันไม่ได้จะทิ้ง” โหมวยู่กล่อมเธอ “เธอดื่มมากไปแล้ว ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
“ไม่เอา! คุณโกหก!” พูดยังไงชางหลิงก็ไม่ยอมลงจากตัวเขา “คุณคงอยากโยนฉันทิ้งไว้ที่นี่ไม่ต้องการกันแล้ว คุณก็เหมือนกับพวกเขา ไม่ต้องการฉันอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของชางหลิงทำให้สะอึก โหมวยู่ขมวดคิ้ว จิตใจอ่อนลงทันที
เธอก็เป็นแบบนี้ ทันทีที่ดื่มก็จะกลายเป็นเหมือนจี้ห้อยคอเกาะติดไม่ยอมห่าง
“โหมวยู่” ชางหลิงที่คล้องคอเขาอยู่ คลายระยะห่างออกมานิดหน่อย มองเขาด้วยสายตาเมามาย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ตรงหน้าเธอ เธอยิ้มโง่ๆ จับศีรษะของเขา แล้วยื่นปากจู๋เข้าไปจูบหน้าผากเขา
“โหมวยู่” เธอเรียกชื่อเขาอีกครั้ง จูบไปทั่วหน้าเขาเหมือนนกหัวขวาน “คุณดูดีเกินไปแล้ว เหมือนคนที่เดินออกมาจากทีวีเลย ฉันชอบคุณมากเหลือเกิน”
โหมวยู่ทนรับน้ำลายที่เธอมอบให้เขาทั่วใบหน้า เห็นแก่ที่เธอบอกว่าชอบเขา จึงปล่อยให้เธอได้ทำตามใจ
“รูปร่างก็ดีมาก หน้าตาก็ดูดี ถ้าเอาคุณไปขายให้คลับม้าขาว ต้องได้เป็นราชาแห่งอาณาจักรหนุ่มโฮสต์ สามารถทำเงินได้มหาศาลแน่”(คลับม้าขาวเป็นคลับเอกชนขั้นสูงของผู้หญิงที่เซี่ยงไฮ้)
โหมวยู่หน้าคล้ำลงฉับพลัน
ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องท็อปการ์ดได้เลยใช่ไหม
“ปกติเธอสนใจอะไรบ้าง” โหมวยู่ไม่พอใจ
“ซูเสี่ยว…ซูเสี่ยวเฉิง เธอเป็นนักประพันธ์และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม…” ชางหลิงหลุดเรอแอลกอฮอลล์ “อ่านบทภาพยนตร์มานับไม่ถ้วน ในดิสก์เครือข่ายของฉันยังมีอีกเยอะมากเลย เธอส่งเรื่อง…”
“เรื่องอะไร” โหมวยู่ทั้งหงุดหงิดทั้งขำ
“เรื่อง…” ชางหลิงยกนิ้วชี้ขึ้น รอยยิ้มสดใส และขณะที่โหมวยู่กำลังรอบทต่อไป ศีรษะเธอก็ตกลงบนไหล่เขาไปเรียบร้อย
“เฮ้” โหมวยู่เรียกเธอเป็นนานสองนานก็ไม่มีการตอบสนอง
หลังจากชางหลิงหลับไปแล้ว ในที่สุดทุกอย่างก็หยุดลง โหมวยู่วางเธอไว้ที่เบาะหลัง สายลมคืนฤดูหนาวกระทบร่างกายจนค่อนข้างหนาวเย็น โหมวยู่เดินไปหน้ารถ กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนขับ แต่ขณะนั้นเอง ความเจ็บปวดรุนแรงก็จี๊ดขึ้นสมองส่วนหลัง
การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง ภาพตรงหน้ามืดไปชั่วขณะ มือที่จับตัวเปิดประตูกระชับแน่นขึ้นกะทันหัน
……
วันทำงานที่วุ่นวายเริ่มขึ้นอีกครั้ง ช่วงบ่าย ชางหลิงง่วงนอน ฟุบบนโต๊ะและหาวนับไม่ถ้วน
“เฮ้” ซูเสี่ยวเฉิงใช้สายตาแปลกๆ มองเธอ “วันเกิดไม่เชิญฉัน ฉันเดาว่าเธออยู่กับโหมวยู่ในโลกของตัวเองสองต่อสอง เมื่อคืนเขาจับเธอพลิกคว่ำพลิกหงายหนักเลยใช่ไหม มีความสุขราวกับเป็นนางฟ้าขึ้นสวรรค์เลยล่ะสิ”
ชางหลิงหน้ายู่กลมดิ๊กเป็นลูกบอล “สุขหรือไม่ เธอก็หาแฟนหนุ่มมาลองซะสิเดี๋ยวก็รู้”
เมื่อคืน เธอจำได้สะลึมสะลือแค่ว่าถูกโหมวยู่ส่งกลับมา หลังจากนั้นก็เห็นลางๆ ว่าโหมวยู่ออกไปจากห้อง
เธอดื่มเหล้ามากเกินไป นอนหลับไม่สนิทพลิกตัวไปมาทั้งคืน ตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ไม่เห็นเงาของโหมวยู่แล้ว ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน
แต่จู่ๆ ก็กลับได้ยินเสียงเสียงดังกระหน่ำในกรุ๊ปแชตบริษัท
ชางหลิงเปิดกรุ๊ปแชต พบว่ามีคนในกลุ่มจำนวนมากส่งรูปมา
ในรูปเป็นไทเลอร์กำลังฉีกเสื้อของเมิ่งเคอ กดเธอลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง คนในกลุ่มต่างคุยซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กัน
“สองคนนี้ไร้ยางอายเกินไปนะ”
“นั่นสิ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เพิ่งเลิกกันไปเหรอ”
“ไหนเลยเมิ่งเคอจะเลิกขาด ไทเลอร์เป็นถึงผอ. เธอจะกล้าเลิกที่ไหนกัน ตอนนี้ยังไปหาถึงที่เลยไม่ใช่เหรอ”
“คนแบบนี้คู่ควรไปมิลานจริงเหรอ ทำให้เราเสียหน้าตายเลย”
……
ชางหลิงหรี่ตา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งไปที่ตึกโมเดล
และในเวลาเดียวกัน ฉินซางมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า มืออีกข้างกำลังควงกุญแจรถเดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นชางหลิงวิ่งผ่านหน้าไปเหมือนสายลม จึงเรียกเธอไว้ด้วยความสงสัย
“เฮ้! เสี่ยวหลิงหลิง”
ชางหลิงไม่ได้ยิน ทิ้งฉินซางไว้ข้างหลัง
ฉินซางลูบศีรษะ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ชางหลิงไปที่ห้องแต่งตัวของเมิ่งเคอ แต่เพิ่งมาถึงประตูหลังเวที ก็เห็นโม่โม่กับมู่ซานยืนพิงประตูกันอยู่สองคน ยืนคุยกันพร้อมกับกาแฟในมือคนละแก้ว
โม่โม่ก็เห็นตัวชางหลิงเช่นกัน แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนไป
ชางหลิงกำลังจะเข้าไปข้างใน โจวหลินผู้ช่วยของโม่โม่เดินข้ามา ยื่นมือขวางหน้าชางหลิง “ขออภัย คุณโม่โม่ทำสร้อยข้อมือเพชรมูลค่าสูงหายหลังเวที ตอนนี้กำลังจัดการให้เรียบร้อยอยู่ เข้าไปจะยิ่งไม่สะดวก”
“ปล่อยฉัน…” เสียงร้องโวยวายของเมิ่งเคอดังมากจากข้างใน “ช่วยด้วย…”
“พวกคุณทำอะไรเมิ่งเคอ” ชางหลิงจ้องโม่โม่
“ฉันจะทำอะไรเธอได้” โม่โม่แบมือ “คุณก็เห็น ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ฉันแยกร่างได้หรือไง”
“ไทเลอร์ ขอร้อง ปล่อยฉัน…” เสียงร้องของเมิ่งเคอดังเข้าหูชางหลิงอย่างชัดเจน
“ที่นี่คือบริษัท คุณขังเมิ่งเคอไว้ข้างในมันผิดกฎหมาย คุณเชื่อไหมว่าฉันจะแจ้งความตอนนี้เลย” ในน้ำเสียงของชางหลิงเจือความโกรธ
“แจ้งความงั้นเหรอ” โม่โม่ไม่แคร์ “ตำรวจกำลังมาแล้ว มาจับคนขโมยสร้อยข้อมือเพชรของฉันพอดี เพียงแต่ สร้อยข้อมือเพชรมีมูลค่ามหาศาล ไม่รู้ว่าเธอต้องติดคุกกี่ปี”
ชางหลิงขี้เกียจคุยกับโม่โม่ให้มากความ เธอขืนตัวจะไปข้างใน แต่ไม่ทันที่เธอจะผลักโม่โม่ออก ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนเข้ามาล้อมไว้
“พวกคุณหลีกไป!” ชางหลิงตะคอก
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ขยับ
โม่โม่ยิ้ม เธอเดินเข้าใกล้ชางหลิง โน้มเข้าข้างหูเธอและกระซิบบอกว่า “อย่าเพ้อเจ้อ คนที่ฉันต้องการ เธอสามารถช่วยไปจากมือฉันได้เหรอ ฉันตรวจสอบดีแล้ว วันนี้โหมวยู่จะไม่เข้าบริษัท ฉู่ฉือก็ไม่อยู่ เธอทายสิว่าจะมีใครมาช่วยเธอได้บ้าง”
มีเสียงกระจกแตกดังมาจากในห้อง ไม่นานก็มีเสียงผู้ชายร้องโหยหวน เมื่อโม่โม่ได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไป
“เฉยอยู่ทำไม ยังไม่ไปดูอีก” โม่โม่พูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
และตอนนี้ ชางหลิงคว้าแก้วกาแฟในมือโม่โม่มาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขว้างใส่ผนังข้างหลังเธออย่างแรง น้ำอุ่นกระเซ็นไปทั่วตัวชางหลิง หลังจากเสียงแก้วแตก โม่โม่ก็ร้องตกใจพร้อมกับปล่อยมือ
ชางหลิงรีบหยิบเศษแก้วขึ้นมาหนึ่งชิ้น มือข้างหนึ่งคว้าผมของโม่โม่ มืออีกข้างแนบเศษแก้วเข้าที่ลำคอของเธอ
“ผอ.โม่!” โจวหลินและมู่ซานต่างตกใจ อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าชางหลิงจะกล้าทำได้ขนาดนี้
“ชางหลิง คุณคิดจะทำอะไร” โม่โม่ไม่กล้าขยับ กลัวว่าเศษแก้วในมือของชางหลิงจะบาดผิวของตัวเอง
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงตรงนี้ ก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมายทันที วิ่งเข้ามาหาพวกเธอ
“อย่าขยับ!” สายตาดุร้ายของชางหลิงจ้องมองทุกคน มือที่จับผมของโม่โม่ยิ่งกำแน่นขึ้น
“ไทเลอร์!” ชางหลิงตะโกนเข้าไปในห้องแต่งตัว “ฉันแนะนำให้คุณรีบออกมา ไม่อย่างนั้น ถึงเราจะบรรลัยกันไปข้างมันก็ไม่สำคัญ คุณมันก็แค่หมากตัวเล็กๆ ฉันคิดว่าผอ.โม่จะไม่มีทางปกป้องคุณแน่นอน”
“คุณหุบปาก!” โม่โม่ดิ้นรน แต่มุมแหลมของเศษแก้วในมือชางหลิงบาดอย่างแรงลงบนหลอดเลือดแดงใหญ่ตรงช่วงคอของเธอ
“คุณจะลองไหมล่ะ” ชางหลิงดวงตาแดงก่ำ
เธอกับเมิ่งเคอไม่ได้มีมิตรภาพอันลึกซึ้งต่อกัน เป็นแค่มิตรภาพหม้อไฟ แต่หลังจากที่เมิ่งเคอพูดกับเธอบนโต๊ะอาหาร พวกเธอจึงรวมแก๊งกันแล้ว
เธอรู้ว่าที่โม่โม่จัดการกับเมิ่งเคอ อย่างแรกคือเพื่อแสดงอำนาจ อย่างที่สองคือเพราะเมิ่งเคอเป็นพันธมิตรของชางหลิง
“โม่โม่” ชางหลิงก็โน้มเข้าใกล้ข้างหูของโม่โม่บ้าง “ฉันเตือนคุณแล้ว ฉันจะแก้แค้นแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความสามารถในการทำความเข้าใจของคุณมีปัญหาหรืออย่างไร ยังไม่ทันได้แก้แค้นเรื่องเก่า คุณก็จะเพิ่มความแค้นใหม่อีกแล้ว ไม่สู้เราแก้ปัญหากันให้จบในวันนี้เลยเป็นไง”
“ชางหลิง คุณมันเป็นหมาบ้า!” โม่โม่เจ็บมาก ด่าทอเธออย่างหยาบคาย
“ฉันบ้างั้นเหรอ” ชางหลิงยิ้ม “ครั้งนี้คุณเดาถูก ฉันเป็นบ้า! ฉันแตกต่างจากพวกคนที่คุณเคยจัดการ คุณทำร้ายฉันหนึ่งนิ้ว ฉันจะคืนกลับให้คุณหนึ่งฟุต คุณคือคุณหนูใหญ่ตระกูลโม่ ความมั่งคั่งและชื่อเสียงเกียรติยศไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนฉันไม่เหมือนกัน ฉันไม่มีอะไรเลย”
ชางหลิงกดเสียงต่ำ “ฉันไม่กลัวตาย และไม่กลัวสูญเสียใคร ส่วนคุณน่ะเหรอ ถ้าฉันตายไป โหมวยู่ต้องฝังคุณลงหลุมเป็นเพื่อนฉันแน่นอน คุณว่าจริงไหม”