ชางหลิงมองไปที่กลุ่มคนที่มากมายกลุ่มนั้น ก็ประหม่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ยังไม่แสดงออกมาให้เห็น
“ไม่ว่าหนูจะออกไปได้หรือไม่นั้นมันไม่สำคัญหรอก” ชางหลิงมองโหมวเจิ้งถิงอย่างสงบ “หากชีวิตของหนูจะต้องแลกด้วยชีวิตของทุกคน มันก็ใช่ว่าไม่คุ้มค่า”
“ชางหลิง” โหมวฉี่เหลือบมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง “หรือว่าคุณ…”
“ฉันวางยาครั้งแรก มันต้องมีครั้งที่ 2 ด้วยเหมือนกัน” ชางหลิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือ การที่ทุกคนจะต้องตายด้วยกัน”
“นายท่าน” โจวฝูก้าวออกมาข้างหน้า แล้วเหลือบมองไปยังเจ้าเต่าที่หงายท้องในอ่างน้ำ เขาก็รู้สึกเย็นที่หลัง “เป็นเพราะผมประมาทเอง ผมจะพาเธอลงไป”
“เดี๋ยวก่อน” ตาโหมวเจิ้งถิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาจ้องไปที่แหวนบนโต๊ะ แล้วหัวเราะเยาะเย้ย
ต้องบอกว่า ความคิดของชางหลิงนั้นรอบคอบจริงๆ เธอเดาได้ว่าโจวฝูจะต้องค้นตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงหาโอกาสทำแหวนในขณะเกิดเหตุการณ์ และซ่อนมันจากสายตาของโจวฝู แม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอใส่ยาพิษตั้งแต่ตอนไหน
ผู้หญิงตรงหน้า เพิ่งจะอายุ 22 ปีเองกลับปั่นป่วนสถานการณ์ของบริษัทเซิ่งซื่อ และจับหัวใจของโหมวยู่ได้ กระทั่ง โหมวฉี่ผู้ซึ่งเป็นคนฉลาดและมีทักษะในการป้องกันตัวมาโดยตลอดก็ยังต้องมาขอความเมตตากับเธอด้วยตัวเอง
ความสามารถ! ช่างมีความสามารถเสียจริง
“วันนี้ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเธอ” โหมวเจิ้งถิงเปลี่ยนความคิดทันที
“โหมวฉี่ ลูกออกไปรอข้างนอกก่อน พ่อมีเรื่องจะตักเตือนเธอสักสองสามคำ หลังจากพูดจบพ่อจะให้ลูกพาคนออกไป”
โหมวฉี่กังวล แต่ชางหลิงกลับขยิบตาให้เขา
“ได้ครับ” โหมวฉี่ตอบรับ โจวฝูเข็นรถเข็นของเขา และพาทุกคนออกไป
โหมวเจิ้งถิงลุกขึ้น พร้อมกับเดินไปหาชางหลิง จากนั้นก็สังเกตตัวเธอจากหัวจรดเท้าอย่างละเอียด
“เธอนี่กล้าหาญดีนิ ทำอะไรมีความเด็ดขาดแต่ไม่เกินขอบเขต หากไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ดี เธอย่อมเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของโหมวยู่กว่า” การที่โหมวเจิ้งถิงจะชื่นชมใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก “ฉันรู้จักลูกชายคนนั้นของฉันดี เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักถ้าอีกครึ่งของเขาเป็นแค่ผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์และเอาแต่คลั่งไคล้ในความรักสำหรับอนาคตของเขามันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย”
“แต่เธอมันแตกต่าง ฉันสามารถมองออกว่า เธอมีความทะเยอทะยานมาก”
ชางหลิงรู้สึกขำอย่างอดไม่ได้
ตัวเธอเองยังมองไม่ออกเลยว่าเธอเป็นคนมีความทะเยอทะยานมาก แล้วทั้งหมดนี้ คุณลุงรู้ได้ยังไงว่าเธอมีความทะเยอทะยาน?
“คุณลุงคะหนูรับคำชมนี้ไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรเสีย หนูก็ไม่เคยคิดอยากเป็นเหมือนคุณลุง” ชางหลิงโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ
“ฉันรู้ว่า สิ่งที่ฉันเคยทำก่อนหน้านี้ทำให้เธอโกรธมาก เธอฉลาดขนาดนี้ ควรจะเข้าใจว่า ฉันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เธอ” น้ำเสียงของโหมวเจิ้งถิงลดลง “ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องรักษาการหยุดชะงักหรอก”
“การเป็นคุณนายของตระกูลโหมว เธอมันไม่มีคุณสมบัติพอจริงๆ แต่ในเมื่อโหมวยู่ชอบเธอ ฉันก็จะให้เธอเป็นผู้หญิงของเขาได้ พวกเธอยังสามารถอยู่ด้วยกัน เกื้อหนุนกัน และสร้างบริษัทเซิ่งซื่อไปด้วยกันได้”
ชางหลิงขมวดคิ้ว
ไอ้แก่คนนี้คิดยังไงกัน? เธอเป็นคุณนายตระกูลโหมวไม่ได้ แต่เธอเป็นผู้หญิงของโหมวยู่?
“คุณหมายถึง…” ชางหลิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“คุณนายตระกูลโหมวต้องเป็นโม่โม่เท่านั้น และเธอ สามารถอยู่ข้างกายเขาต่อไปได้” โหมวเจิ้งถิงพูดอย่างชัดเจน
“คุณลุงจะให้หนูกับโม่โม่ใช้สามีร่วมกันงั้นเหรอ?” ชางหลิงเบิกตากว้าง
เธอฟังไม่ผิด ถ้าเธอตายไปก่อนแล้ว เขาซึ่งเป็นพ่อ ก็ยังอยากจะให้ลูกชายตัวเองมีภรรยาอีกสามสี่คน
“เป็นผู้ชายน่ะ การที่มีผู้หญิงข้างนอกหลายคนมันไม่น่าแปลกหรอกและโม่โม่ก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไร เธอเข้าใจหลักการเหล่านี้เป็นอย่างดี” โหมวเจิ้งถิงเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
“นี่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่ง” ชางหลิงแทบจะปรบมือให้เขา “ไม่เพียงแต่หาทางผูกมัดจิตใจด้วยเล่ห์เพทุบายให้โหมวยู่แล้ว ยังให้หนูเสียสละชีวิตเพื่อบริษัทเซิ่งซื่อและตระกูลโหมวโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ อีกและไม่ให้ตระกูลโหมวเสียหน้า และเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลโหมวได้สำเร็จ นี่มันการทำผลประโยชน์มากมายจากเรื่องเพียงเรื่องเดียวนิ”
“ก็แค่…” ชางหลิงอยากพูแต่ก็หยุดพูดไป
“ก็แค่อะไร?” โหมวเจิ้งถิงถามเธอ
“ก็แค่ คุณลุงแน่ใจเหรอคะว่า ตัว โหมวยู่จะรับได้? ผู้ชายเพียงคนเดียวต้องคอยปรนนิบัติผู้หญิงสองคน ในฐานะที่คุณเป็นพ่อ หรือว่าคุณไม่นึกถึงไตของเขาเลยหรือไง?”
“เธอ เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” โหมวเจิ้งถิงถูกชางหลิงพูดจนหน้าแดงอย่างไม่คาดคิด
ชางหลิงลูบจมูกตัวเองพร้อมกับตอบกลับอย่างจริงจังและเคร่งครึ้ม
“คุณลุงคะ เพราะว่าคุณลุงเป็นพ่อของโหมวยู่ ดังนั้นหนูจึงเคารพคุณลุง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณลุงจะสามารถใช้ความเป็นผู้ใหญ่ของคุณมากดหัวหนูได้ โม่โม่เป็นคนนิสัยยังไงนั้นคุณรู้ดี มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมทนให้หนูอยู่ข้างกายโหมวยู่ต่อไปแน่ และการกำจัดหนูออกไป มันเป็นแค่ปัจจัยของเวลาเท่านั้น สำหรับตัวหนูเอง คุณลุงก็เห็นแล้วว่า หนูมันนิสัยไม่ดี หนูเป็นคนขี้หึงและหยาบคาย และไม่มีความเคยชินที่จะแบ่งผู้ชายกับคนอื่นด้วย ซึ่งการที่โม่โม่จะทำให้หนูลำบากนั้น แน่นอนว่าหนูจะไม่นั่งรอความตายหรอกค่ะ ดังนั้นระหว่างหนูกับเธอ ต้องเหลือไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น และหนูก็สามารถรับประกันได้ว่า ผู้ชนะคนสุดท้าย แม้ว่าจะไม่ใช่หนู ก็อาจไม่ใช่เธอด้วย”
“ฉันไม่ต้องการให้เธอต้องตอบตกลงทันทีหรอก ข้อเสนอของฉัน โหมวยู่เองก็รู้ ฉันเชื่อว่า เขาจะให้คำตอบสุดท้ายกับเธอ” โหมวเจิ้งถิงหันหลังกลับ
หัวใจของชางหลิงเสียงดังกุ๊ก ไปครู่หนึ่ง
โหมวยู่รู้เหรอ? ทำไมเขาไม่เคยพูดมันต่อหน้าเธอเลย?
“เธอไปเถอะ การเดินทางไปมิลานนั้น ฉันหวังว่าเธอจะกลับมาอย่างราบรื่น” โหมวเจิ้งถิงยกมือขึ้น
ชางหลิงตะลึงอยู่กับที่ ไปพักหนึ่ง เธอโค้งตัวคำนับแสดงความเคารพกับโหมวเจิ้งถิง
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของคุณลุงนะคะ” ชางหลิงเยาะเย้ย “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หนูก็จะขอเตือนคุณลุงด้วยความหวังดีเช่นกัน”
“คุณลุงก็อายุมากแล้วใจคุณลุงต้องปล่อยให้กว้างหน่อยนะคะ คนรับใช้รอบข้างก็ควรหาอะไรที่ดีต่อสายตาหน่อย เช่นพวกชาหรือผักอะไรพวกนี้ให้ดูอย่างละเอียดไปสักรอบ อย่างไรเสีย ทุกๆ ครั้งหนูก็ไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนอย่างวันนี้หรอกนะคะ”
สีหน้าโหมวเจิ้งถิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ชางหลิงหันหลังและเดินออกไปข้างนอก เมื่อไปถึงที่ประตู เธอก็หยุดฝีเท้าลง
“เอ่อใช่แล้ว” ชางหลิงหันหน้ากลับมา แล้วยิ้มจางๆ “คุณลุงคะ หนูไม่ได้ทำร้ายคุณโม่จริงๆ นะคะ”
“คุณลุงควรเดาออกนะคะ ถ้าหนูอยากลงมือจริงๆ ก็จะตัดให้ขาดเลย และควรเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเธอ ซึ่งหนูจะไม่ให้เธอมีโอกาสมาฟ้องคุณถึงที่นี่หรอกค่ะ”
ชางหลิงทำหน้าขี้เล่น และเดินออกจากห้องน้ำชาไปอย่างสบายๆ
โหมวฉี่เฝ้าอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นว่าเธอออกมา การคิดในใจของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด
เซียวฉู่ก็คอยเฝ้าอยู่ข้างนอกเช่นกัน และเขาก็เข้ามาเข็นรถเข็นของโหมวฉี่
“ลุงฝู” ชางหลิงส่งเสียงเรียกโจวฟูไปอย่างเห็นเป็นคนนอก “ของของฉันขอคืนหน่อยได้ไหม?”
สีหน้าของโจวฝูลำบากใจจากนั้นเขาก็ให้คนถือสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา และชางหลิงก็หวีผมที่ยาวของตัวเอง พร้อมกับใช้คลิปหนีบสีดำขนาดเล็กหนีบผมที่ยุ่งเหยิงไว้
การกระทำแบบนี้สำหรับในสายของโจวฝูมันแค่โอ้อวดกำลัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ค้นตัวเธออย่างจริงจังแต่พอค้น กลับเป็นแค่พวกของที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้
โหมวฉี่มองดูการเคลื่อนไหวของชางหลิงจากด้านข้าง และยกยิ้มที่มุมปาก
ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ว่า ที่จริงแล้ว ต่อให้เขาจะไม่มาในคืนนี้ เธอก็หนีจากปัญหาได้สำเร็จ แต่วินาทีที่เขาได้ยินว่าเธอถูกนายท่านใหญ่เชิญตัวมา เขาก็ตื่นตระหนกทันทีแม้แต่ความสามารถในการคิดก็ไม่มีเลย เขาคิดแต่เพียงว่าจะต้องช่วยเธอออกมา
“ไปกันเถอะ” โหมวฉี่พูดกับเซียวฉู่ที่อยู่ข้างหลังเขา
เซียวฉู่ดันรถเข็นของโหมวฉี่ไปข้างหน้า ชางหลิงก็ตามเขาไป และเดินออกจากคฤหาสน์ไปกับเขา
เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไปไกล โจวฝูก็ถอยกลับไปที่ห้องน้ำชา เมื่อเห็นโหมวเจิ้งถิงจ้องมองไปที่เจ้าเต่าตัวซึ่งตายไปแล้วนั้น เขาก็กลัวจนตัวสั่น และพูดขอโทษอย่างรวดเร็ว
“นายท่านครับ มันเป็นเพราะผมทำงานไม่ดีเอง โปรดลงโทษผมด้วย”
โหมวเจิ้งถิงหรี่ตา แต่กลับยิ้ม
“เธอมันเป็นแค่จิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์เท่านั้น ไม่แปลกใจเลย” เขาเตะกล่องของขวัญบนพื้น แล้วปล่อยให้มันกระจายไปทั่ว “ควรเปลี่ยนพ่อครัวที่บ้านทั้งชุด แกไปเลือกเองได้ ต้องเป็นคนเชื่อถือได้ ถ้ามีอะไรผิดพลาด แกก็ดูและจัดการไปตามสมควรเองนะ”