ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 130 ต้องการให้เธอตายเพื่อไถ่โทษ

บทที่ 130 ต้องการให้เธอตายเพื่อไถ่โทษ

นายท่านเหรอ ชางหลิงมองชายชราตรงหน้า ในสมองประมวลผลอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง

คนที่ใช้อำนาจมาบังคับให้เธอไปพบได้ เกรงว่าจะมีแค่พ่อสามีของเธอโหมวเจิ้งถิง

“ฉันคนเดียวเหรอคะ” ชางหลิงถามเขา

โจวฝูตอบด้วยรอยยิ้ม “นายท่านไม่ได้บอกว่าให้พาคนอื่นไปด้วยครับ”

“แล้วโหมวยู่รู้ไหม” ชางหลิงถามต่อ

“คุณชายรองรู้หรือไม่ไม่สำคัญ” โจวฝูเลื่อนสายตาขึ้นมอง ดวงตาที่ยิ้มแย้มมีแววเตือน “แค่การดื่มชา คุณชางไม่ต้องซีเรียส”

นั่นหมายความว่าโหมวยู่ไม่รู้ และพวกเขาไม่ต้องการให้รู้

“OK” เธอยักไหล่ “ครั้งแรกที่พบกัน ฉันต้องเตรียมของขวัญให้นายท่านหน่อย หลังฉันเลิกงาน รบกวนคุณลุงมารับฉันแล้วกันนะคะ”

“ควรเป็นเช่นนั้น” โจวฝูยิ้มเล็กน้อย และก้มศีรษะให้ชางหลิง หลังจากนั้นกลุ่มคนก็ขึ้นรถไปอย่างเป็นระเบียบ ทันทีที่ประตูปิดก็จากไปอย่างรวดเร็ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของชางหลิงจางหายไป เธอจ้องมองหลังรถและยกแขนซ้ายขึ้น

ภายใต้แขนเสื้อ แผลเป็นสีแดงยังคงมีอยู่ ความรู้สึกกำลังจะตายเพราะเสียเลือดมากกลับมาอยู่ในใจเธออีกครั้ง ชางหลิงมุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย แล้วเอาโทรศัพท์มือถือออกมา

“เสี่ยวเฉิงจื่อ ตอนนี้เธอคงยังไม่ถึงบริษัทใช่ไหม…”

……

ช่วงบ่ายแล้ว ใกล้ถึงเวลาเลิกงานเต็มทน

ชางหลิงนั่งอยู่ในห้องออกแบบ คีมในมือกำลังบิดแหวนที่สวยงาม เหนืออัญมณี ภายใต้แสงไฟ ส่องแสงระยิบระยับเจิดจ้า

“เสี่ยวหลิงหลิง” ซูเสี่ยวเฉิงมองเธออย่างกังวล “เธอจะไปพบพ่อของโหมวยู่จริงเหรอ”

ซูเสี่ยวเฉิงอยู่ข้างๆ มองดูชางหลิงที่ใส่แมสก์และสวมถุงมือจัดการงานให้เสร็จ ไม่กล้าเข้าใกล้

“กลัวอะไร” ชางหลิงยิ้ม เธอสวมแหวนลงบนนิ้วตัวเอง ยื่นมือออกชื่นชมมันครู่หนึ่ง

“อืม ฝีมือของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะเนี่ย” เวลาที่เธอว่างมักจะชอบเล่นสิ่งของอะไรแปลกๆ ลงมือทำแหวนและเครื่องประดับด้วยตัวเองโดยไม่พูดไม่จา

“นายท่านไม่ได้ชอบเธอเท่าไร คราวที่แล้วก็เกือบจะ…” ซูเสี่ยวเฉิงอยากจะพูดแต่ก็หยุด

“ไม่ต้องห่วงหรอก” ชางหลิงลุกขึ้น “ฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”

ซูเสี่ยวเฉิงเอาชาและของขวัญที่เตรียมให้เธอก่อนหน้านี้ใส่มือของเธอ ชางหลิงเดินออกจากเซิ่งซื่อ เป็นอย่างที่คาดไว้ ลีมูซีนคันยาวจอดรออยู่หน้าประตูแล้ว

ชางหลิงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา โหมวยู่ไม่มีการเคลื่อนไหว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะขึ้นรถไป

“คุณชางเตรียมของขวัญไว้จริงๆ” โจวฝูเหลือบมองไปที่กล่องของขวัญในมือของชางหลิง ในสายตามีแววดูถูก

เป็นผู้หญิงที่ธรรมดาชั้นต่ำฐานะต่ำต้อยจริงๆ แบบนี้จะสามารถเข้าตาโหมวเจิ้งถิงได้งั้นเหรอ

ชางหลิงยิ้มอย่างน่ารัก “นายท่านให้ความสำคัญกับฉันมาก แถมยังส่งคุณมารับด้วยตัวเอง ฉันก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นหน่อยถึงจะเพียงพอ”

โจวฝูไม่ได้พูดอะไรอีก รถแล่นไปอย่างราบรื่น ในไม่ช้าก็มาถึงอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลโม่

ชางหลิงเดินตามหลังโจวฝูไปตามทางวน กระทั่งในที่สุดก็มาถึงประตูร้านน้ำชา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานหญิงหลายคนยืนอยู่หน้าประตู โจวฝูหยุดก้าวเดิน

“คุณชาง ก่อนที่จะเข้าไปข้างใน อาจต้องตรวจสอบทรัพย์สินของคุณ ไม่รังเกียจนะ” โจวฝูพูดอย่างนั้นแล้วส่งสายตาให้หญิงสาวหลายคน

“ถ้าฉันบอกว่ารังเกียจ คุณจะไม่ตรวจสอบหรือเปล่าล่ะคะ” ชางหลิงไม่ได้ปฏิเสธ เธอยกสองแขนขึ้น อนุญาตให้บรรดาหญิงสาวสัมผัสไปทั่วตัวเธอ จนกระทั่งสุดท้าย กิ๊บสีดำที่แหลมเล็กน้อยบนศีรษะของเธอและกุญแจได้ถูกค้นออกมา

“ล่วงเกินแล้ว” โจวฝูจ้องมองสิ่งที่อยู่ในถาดด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์

“นายท่านกลัวตายจังนะคะ” ทันใดนั้นชางหลิงก็เปิดปากพูดออกมา

สีหน้าของโจวฝูเปลี่ยนไปเล็กน้อย “แม้แต่เจอฉันที่เป็นผู้หญิงอ่อนแอยังต้องค้นให้แน่ชัด ทำความผิดบาปอะไรใช่ไหม มีศัตรูมากมาย ก็เลยกลัวคนอื่นลอบสังหารสินะ”

“คุณชาง” น้ำเสียงของโจวฝูเพิ่มระดับขึ้นเล็กน้อย “ระวังคำพูดด้วย”

ชางหลิงยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก

เข้าไปในห้องน้ำชา ที่นั่งอยู่ข้างใน โหมวเจิ้งถิงพร้อมด้วยพ่อลูกโม่ได้นั่งอยู่ตรงที่นั่งก่อนแล้ว

เมื่อเห็นเธอ สายตาของทั้งสามคนแตกต่างกันไป ชางหลิงก้มศีรษะ ดวงตาหมุนวนใช้ความคิด เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ท่าทางนิ่งสงบเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว

“สวัสดีค่ะท่านประธาน สวัสดีคุณลุงโม่ สวัสดีคุณโม่” ชางหลิงโค้งคำนับทั้งสามอย่างสุภาพมาก

สายตาของโม่หยวนผิงมีแววดูถูก “ฉันก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรดี ตอนนี้ดูไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร”

ชางหลิงไม่ได้ตอบ ยังคงโค้งตัวต่ำ

“ไม่ต้องมากพิธี นี่คือการเชิญเธอมาดื่มชา ก็อย่าทำเหมือนเราเป็นคนอื่นไกล” โหมวเจิ้งถิงท่าทีตรงไปตรงมา พิจารณาใบหน้าของชางหลิง

เมื่อชางหลิงได้ยินก็เชื่อฟังคำสั่งและเข้าใกล้พวกเขา ส่งมอบของขวัญที่เตรียมมาให้ “นี่คือของขวัญที่เตรียมให้ผู้อาวุโสทั้งสอง คิดว่าพวกคุณชอบดื่มชา นี่คือหลงจิ่งที่ออกใหม่ของปีนี้”

โม่โม่รู้สึกไม่คุ้นเคยกับท่าทางหูลู่หางตกของชางหลิง จึงพ่นลมออกจมูกอย่างเย้ยหยันหงุดหงิด

“สร้างภาพอะไร คนที่ปกติชอบทำตัวอวดดีต่อหน้าฉันไปไหนซะล่ะ”

ชางหลิงเงยหน้าขึ้น และพบว่าคอของโม่โม่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซ และยังมีเลือดซึมออกมาบางส่วน

เธอบาดเจ็บจริงเหรอ

“ของขวัญของเธอฉันไม่กล้ารับหรอก วันนี้เรียกเธอมาแค่อยากถามเธอ ลูกสาวของฉันบาดเจ็บ เป็นฝีมือเธอใช่ไหม” โม่หยวนผิงถามเธอ

ชางหลิงก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เธอจ้องหน้าโม่โม่ไม่กี่วินาที ปะทะกับสายตาดุร้ายของโม่โม่

“ไม่ใช่” ชางหลิงตอบ

“ไม่ใช่งั้นเหรอ” โม่โม่ยิ้มเยาะ “มีคนมากมายเห็นคุณล็อกตัวฉัน คุณยังคิดจะเล่นลิ้นอีกเหรอ คุณต้องการให้นำพยานออกมาไหมล่ะ”

ชางหลิงทำท่าตกใจเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย รีบก้าวถอยหลัง “คุณโม่ ฉันรู้ว่าที่ฉันล็อกตัวคุณฉันทำไม่ถูก แต่เพราะเพื่อช่วยเพื่อนฉันก็เลยทำอะไรโง่ๆ ไปชั่วขณะ”

น้ำตาของเธอเอ่อล้นขึ้นมาทันที เธอกวาดสายตาไปมองโหมวเจิ้งถิง มองตาของโหมวเจิ้งถิงด้วยแววตาขี้ขลาด “งั้นที่คุณบอกว่าตอนนั้นข้างคุณมีพยาน มีรปภ.และผู้ช่วยของคุณ กับฉันที่ตัวคนเดียว จะสามารถทำให้คุณบาดเจ็บได้ยังไงกัน ถ้าบาดเจ็บจริง คุณจะปล่อยฉันไปอย่างปลอดภัยได้ยังไง”

“คุณ!” โม่โม่ไม่ได้คิดถึงจุดนี้ “คุณมันคนเจ้าเล่ห์”

ชางหลิงนี่มันผีบ้าอะไร ถ้าเธอมีท่าทางแข็งกร้าวสักหน่อย เธอยังสามารถเป็นไปตามคำพูดของเธอและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดใส่ชางหลิงได้ แต่ตอนนี้เธอกลับท่าทางเหมือนก้อนขนมปังนุ่มนิ่ม คิดดูแล้วเหมือนเธอเป็นฝ่ายรังแกชางหลิงมากกว่า

“ท่านประธาน คุณลุงโม่ มันเป็นเรื่องจวนตัว ตอนนั้นผอ.ไทเลอร์บังคับขืนใจเมิ่งเคอต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันไม่สมเหตุสมผลทั้งนั้น ฉันรู้ว่าคุณโม่กับผอ.ไทเลอร์มีสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อกัน การจะทำอะไรลงไปก็ไม่ดี ดังนั้นจึงใช้การกระทำที่สุดโต่ง ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อชื่อเสียงของเมิ่งเคอ การหละหลวมในความผิดฐานอาชญากรรมมันเสียชื่อเสียง”

“ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วที่คุณทำร้ายฉันล่ะ หรือว่าคุณมีสิทธิ์งั้นเหรอ” โม่โม่โมโหมาก

เธอจงใจทำร้ายตัวเอง ร้องไห้ร้องห่มต่อหน้าโหมวเจิ้งถิง เพื่อแลกกับผลของความโกรธอันรุนแรงของเขาในการไปลงโทษชางหลิง แต่เธอมาพูดอย่างนี้ คิดจะปัดเรื่องออกจากตัวงั้นเหรอ

“คุณลุงโหมวคะ” โม่โม่เห็นว่าสีหน้าของโหมวเจิ้งถิงเริ่มสงบเยือกเย็นลงเรื่อยๆ จึงรีบใส่ไฟกับเขา “ฉันบอกคุณแล้วว่าชางหลิงคนนี้พลิกลิ้นเก่ง กลับดำเป็นขาว ไหนเลยฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้กันคะ”

“พี่เจิ้งถิง” โม่หยวนผิงก็สำทับด้วย “โม่โม่เป็นคนที่คุณเห็นตั้งแต่เล็กจนโต เธอกับโหมวยู่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้โหมวยู่สร้างปัญหานี้ขึ้น แถมยังให้คนนอกมารังแกเธอ คุณดูสิ…”

โหมวเจิ้งถิงสายตาคมเฉียบ เขาหยิบถ้วยชาขึ้น จ้องมองชางหลิงไม่วางตา

ชางหลิงกลืนน้ำลายลงคออัตโนมัติ

แม้ว่าเธอจะบอกใบ้เป็นนัยๆ ให้ตัวเองอยู่หลายครั้งว่าไม่ต้องกลัว แต่เมื่อเผชิญกับแรงกดดันจากกำแพงสูงของโหมวเจิ้งถิง เธอก็ยังหวั่นเกรงอยู่เล็กน้อย

นี่เป็นคนที่เคยเกือบจะฆ่าเธอ ไม่ว่าจะมีคุณภาพจิตสูงเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานสายตาที่อยากจะฆ่าฟันเธอได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ตายไถ่โทษแล้วกัน” โหมวเจิ้งถิงเอ่ยบางเบา

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท