“คุณรู้จักฉันเหรอ?” ชางหลิงตะลึง
เธอแน่ใจว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับดีไซเนอร์ระดับโลกผู้นี้ แต่ว่า ทำไมเขาถึงรู้จักชื่อเธอได้ล่ะ?
“ไม่รู้จัก” เจสันมองเธออย่างหยิ่งผยอง “แต่ว่า ฉันเคยได้ยินคนพูดถึงเธอ ฉันก็ดูผลงานเธออย่างละเอียดแล้ว ก็ถือว่าใช่ได้”
ชางหลิงไม่เข้าใจ
“ได้ยินคนอื่นพูด?” เธอเงยหน้าขึ้น สายตาเจสันเต็มไปด้วยความดูถูก และยังมีความเป็นศัตรูเล็กน้อย
“ได้ยินว่าบริษัทเซิ่งซื่อของพวกเธอเป็นบริษัทออกแบบระดับต้นๆในเมืองหนาน สี่ปีก่อน ฉันได้ไปเรียนรู้ที่นั่น รู้จักเพื่อนคนหนึ่ง” เจสันพูดอย่างเรียบเฉย
สี่ปีก่อน……ตอนนั้น โหมวยู่กับพวกเพื่อนๆยังไม่ออกจากกองทัพเลย ดังนั้น เจสันไม่มีทางรู้จักพวกเขาแน่
เพื่อนของโหมวฉี่เหรอ ไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้กับเธอนะ โหมวเจิ้งถิงแม้จะชอบเผด็จการ แต่เพราะเมื่อก่อนเคยเป็นทหารมาก่อน ไม่ชอบเสวนากับพวกฝรั่ง พอคัดออกแล้ว
ก็เหลือแค่ไม่กี่คน……
“เพื่อนที่คุณพูดถึง นามสกุลโม่ใช่ไหม?” ชางหลิงลองถาม
เจสันแสยะยิ้มเย็นชา “ฉันไม่ชอบเสวนากับคนอย่างเธอ ดังนั้น ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อน ทางที่ดีอย่ามาโผล่ตรงหน้าฉันอีก กลับประเทศจีนไป”
ชางหลิงยักไหล่
ดูแล้ว เธอคงเดาถูก
เจสันมองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรังเกียจ ไม่นาน ก็เดินไปห้องเฉพาะของตนเอง
“จิ๊ๆ” ออโรร่าที่ยืนดูอยู่ข้างๆก็เดินมาพูดข้างหูชางหลิง “ตอนแรกฉันยังคิดจะจัดการเธอนะ ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว มีคนมาทำแทนแล้วล่ะ”
ชางหลิงมองทางที่เจสันเดินจากไป ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“ฉันก็พึ่งรู้เมื่อวาน คนที่เจสันไม่เคยลืมเลยตั้งแต่กลับจากประเทศจีน ก็คือคุณโม่ที่ดูแล้วไม่น่าคบหาคนนั้น” ออโรร่าตบบ่าเธออย่างเห็นใจ “สาวน้อย ดูแลตัวเองดีๆนะ”
ออโรร่าพูดจบ ก็สะบัดก้นเธอตามเจสันไป
ชางหลิงหรี่ตาลง เข้าใจอะไรบางอย่าง
ตามหลักแล้ว โม่โม่ที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แม้หล่อนจะตามจีบโหมวยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหล่อนจะไม่มีคนตามจีบ และดูท่าแล้ว เจสันนั่นจะเป็นแฟนคลับตัวจริงของหล่อนนะ
ถึงว่า……
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอดูผู้เข้าแข่งขันในรอบแรก ไม่เจอคนที่น่าสงสัยอะไร ขนาดหลิวจื่อเวยที่ชอบต่อกรกับเธอก็ไม่มีอยู่แล้ว ที่แท้ก็มีคนใหญ่คนโตรออยู่ตรงนี้นี่เอง
“นี่ก็ยุ่งยากหน่อยล่ะนะ” เมิ่งเคอรู้สึกตัวเร็วกว่าซูเสี่ยวเฉิง “ตอนนี้ดูท่าแล้ว คนคนนี้ไม่มีเพื่อนแต่เป็นศัตรู ช่วงนี้พวกเราคงต้องระวังตัวกันให้มากขึ้น”
เมิ่งเคอเข้าร่วมเวทีแฟชั่นโชว์ใหญ่ๆมาเยอะ ก็ต้องรู้ว่าพวกดีไซเนอร์กับนางแบบเพื่อที่จะได้ขึ้นเดินบนเวทีแอบใช้ฝีมืออะไรกันบ้าง
“น่าสนใจ” ชางหลิงเปลี่ยนความคิดกะทันหัน “บัดดี้คู่นี้ คนหนึ่งหวังให้โหมวยู่เข้าห้องนอนของเขาในตอนดึก คนหนึ่งแอบชอบว่าที่ภรรยาของโหมวยู่โม่โม่ ยังยอมทำเพื่อหล่อนทุกอย่างด้วย”
งั้นก็แปลว่า ถ้าโม่โม่กับโหมวยู่แต่งงานกันไม่ได้ พวกเขาสองคนก็จะดีใจมากน่ะสิ?
ชางหลิงแสยะยิ้ม
โลกที่กว้างใหญ่ มีหมดทุกอย่างจริงๆ ครั้งนี้ถือว่าเธอได้เปิดโลกอีกครั้ง
แต่ทว่า รอซูเสี่ยวเฉิงกดรหัสตู้เซฟเพื่อเขาชุดการแข่งขันออกมา ชางหลิงกลับยิ้มไม่ออกเลย
“กรี๊ด——” ซูเสี่ยวเฉิงกรีดร้องเสียงดัง “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่เมื่อคืนฉันตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีผิดนี่ ทำไมเสื้อผ้าถึงเสียแล้วล่ะ!”
เพื่อรับรองความยุติธรรมกับความลับของการแข่งขัน ชุดก่อนการแข่งขันจะมีดีไซเนอร์หรือผู้ช่วยเอาชุดมาไว้ในตู้เซฟในห้องส่วนตัวเอง และตอนนี้ ชุดจีนที่สวยงามก็ถูกตัดออกจนกลายเป็นเศษผ้า ไม่สามารถเย็บกลับมาเหมือนเดิมได้
ชางหลิงมองดูเสื้อที่ขาดลุ่ย สมองของเธอก็แทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
“ฉันไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนนะ นี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเขา” ซูเสี่ยวเฉิงน้ำตาเอ้อล้นออกมา
“ไม่มีประโยชน์หรอก” เมิ่งเคอสีหน้าซีดเซียว “ด้านนอกของตู้เซฟยังคงสภาพเดิมไม่เสียหาย รหัสก็มีแต่พวกเราที่รู้ คนที่เปิดตู้เซฟได้ ต้องเตรียมการมาแล้วอย่างดี ไม่ทิ้งหลักฐานไว้หรอก ตอนนี้การแข่งขันจะเริ่มแล้ว เกรงว่ายังไม่ทันได้ตามหาคนผิด พวกเราก็ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันก่อนแล้ว”
“งั้นจะทำยังไงดี……นี่พึ่งการแข่งขันแรกเองนะ” ซูเสี่ยวเฉิงร้องไห้สะอื้น
ขณะที่พวกหล่อนสองคนพูดกันอยู่นั้น ชางหลิงกลับไม่พูดอะไรตอบ ทางเดินด้านนอกมีคนเดินไปมา มีเสียงพูดคุยกันไปทั่ว ทุกคนต่างเริ่มเตรียมการแข่งขันวันนี้กัน แต่ห้องของพวกหล่อน กลับเงียบสงบ
“เสี่ยวเฉิงจื่อ” ชางหลิงพยายามตั้งสติ “พวกเราต้องเปลี่ยนผลงาน”
“เธอไปแต่งหน้าให้เมิ่งเคอก่อน ฉันจะให้คนเอาชุดที่แปดมาให้” ชางหลิงว่าแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ชุดที่แปด?” ซูเสี่ยวเฉิงครุ่นคิด
ชางหลิงเขียนเลขไว้ในผลงานทุกชิ้นที่จะเข้าแข่งขัน ถ้าเป็นการ “สืบทอด” ผลงานที่เข้าแข่งขันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของราชวงศ์ ผลงานชิ้นที่แปด เป็นชุดกี่เพ้าสีดำลายดอกไม้กำมะหยี่สีแดงสด
“อ้อ ได้เลย” ซูเสี่ยวเฉิงคิดอะไรไม่ทัน จึงต้องฟังคำสั่งของชางหลิง
ระยะทางจากโรงแรมมาสนามแข่งก็ต้องใช้เวลาสี่สิบนาที แต่การแข่งขันจะเริ่มในหนึ่งชั่วโมงนี้แล้ว กลับไปเอาคงไม่ทัน จึงต้องสั่งให้คนในโรงแรมเอามาส่ง
ชางหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอโทรหาโหมวยู่ในทันที
โทรศัพท์ดังขึ้นตู๊ดๆ ชางหลิงมองดูนาฬิกา เหมือนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินติ๊กต๊อกๆ
ในที่สุด สายก็ติดสักที
ชางหลิงดีใจมาก กำลังจะพูด ด้านนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่พยายามข่มเสียงหายใจตัวเองเอาไว้…