ชางหลิงชายตาขึ้นมา เธอจ้องแววตาของโหมวฉี่ ก่อนจะพยายามส่งสายตาให้ได้รู้ แต่ว่า เปลือกนอกของเขากันสายตาคมกริบของเธอเอาไว้ด้านนอก จนเหลือเพียงภายนอกที่ดูนุ่มนวลเท่านั้น
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“คู่คิดอะไรกัน คนอ่อนแออย่างฉัน แค่จะมีชีวิตอยู่ยังยากเลย ไม่ต้องรีบพูดเรื่องพวกนั้นหรอก” ชางหลิงตอบอย่างคลุมเครือ
“ฉันรู้ ว่านิสัยของคุณเนี่ย จะไม่ยอมพึ่งพาโหมวยู่อย่างแน่นอน” โหมวฉี่ยกแก้วขึ้นมา ก่อนจะจิบเล็กน้อย “คุณรอโอกาสก่อนนะ”
รอยยิ้มของชางหลิงน้อยลงเล็กน้อย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เธอก็คิดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้ดูออกง่ายๆ เหมือนที่เห็น เบื้องหลังของความอ่อนโยนและความดูดีนั้น ยังมีอะไรมืดมิดอีกมาก
เงามืดมิดนั้น เป็นความลับของเขา นั่นก็คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขานั่นเอง
“บางที พวกเราอาจจะร่วมมือกันได้นะ” โหมวฉี่เป่าไอร้อน “ฉันมั่นใจ ว่าเมืองหนานทั้งเมือง จะสามารถทำอะไรภายใต้การสอดส่องของโหมวยู่ได้ นอกจากฉัน ก็คงไม่มีคนอื่นๆ แล้ว”
“คุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่?” ชางหลิงแอบเดาอยู่ในใจ
“แก้แค้น” แก้วถูกวางลงบนโต๊ะเบาๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามยิ้มให้เบาๆ ก่อนจะพูดออกมาสองพยางค์ แต่มันกลับทำให้ชางหลิงรู้สึกได้ถึงแรงแค้นที่เย็นสันหลังวาบ
ชางหลิงขมวดคิ้วแน่น
เธอมองไปทางรถเข็นด้านหลังเขา แววตาก็ขยับไปมาเล็กน้อย
ผู้ชายที่ถูกทำให้ขาทั้งสองข้างพิการ คนที่เคยถูกบังคับให้เสียคนรักไป แต่หลังจากที่ได้รับอะไรร้ายๆ มา แต่นิสัยยังอ่อนโยน และพร่ำบ่นอย่างมีเหตุมีผลงั้นเหรอ?
เธอเชื่อเขาก็บ้าแล้ว!
“ฮ่าๆ คุณชายฉี่พูดตลกจังเลย” ชางหลิงหัวเราะฮ่าๆ “ฉันที่เอากุญแจมือออกไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?”
โหมวฉี่ไม่ได้พูดอะไร แต่เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าเซียวฉู่พาคนงานของพวกเขาเข้ามาแล้ว
“คุณชายฉี่” เซียวฉู่สุภาพกับเขา
ชางหลิงไม่ได้ทำอะไรที่ดูผิดแผกไป เมื่อช่างไขกุญแจกับผู้ช่วยคุยกันสักพัก ก็หยิบอุปกรณ์ออกมาจากกล่องอุปกรณ์ ก่อนจะตัดกุญแจมือกลมๆ ที่ล็อกกับข้อมือของเธออยู่ออกในเวลาไม่นาน
ในที่สุดมือทั้งสองก็เป็นอิสระ ชางหลิงดีใจแทบบ้า
“แหะๆ ขอบคุณคุณชายฉี่มากนะ” เธอโบกมือทั้งสองข้าง พลางยิ้มอย่างสดใส
“นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องแข่งอีก รีบไปพักเถอะ” โหมวฉี่กำชับ
“โอเค” ชางหลิงลุกขึ้น ก่อนจะบอกลาเขา
เมื่อเห็นหญิงหุ่นงามเดินจากไป ใบหน้าของโหมวฉี่ที่มีความอ่อนโยนก็ค่อยๆ หายไป
“คุณชายฉี่” เซียวฉู่เองก็มองไปทางนั้น พลางพูดเสียงต่ำ “เธอตกลงหรือยัง?”
โหมวฉี่ยิ้มมุมปากขึ้น “เปล่า”
“แต่ว่า ฉันเชื่อ ว่าเธอจะตกลงในไม่ช้า”
“ฉันคิดไม่ออกเลย ว่าเธอไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ปฏิเสธคุณได้อย่างไร?” เซียวฉู่พูดด้วยความไม่พอใจ
โหมวฉี่ก้มหน้าลง
“ความมั่นอกมั่นใจของเธอนั้น มันทำให้คนอื่นกลัวได้เลยล่ะ” โหมวฉี่ตอบ “ลูกธนูอันคมกริบ ก็น่าจะมีความกล้าหาญที่จะสามารถแทรกแซงการตัดสินใจกับการไม่เกรงกลัวอะไรได้ด้วย”
“เธอคุ้มค่าพอที่จะเชื่อได้เหรอ?” เซียวฉู่กังวลเป็นอย่างมาก
คุ้มค่าพอที่จะเชื่อไหม……โหมวฉี่คิดหนัก
เธอดูมีท่าทีที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขี้โวยวายและเอาแต่ใจ แต่ว่าบางครั้งกลับมีความตึงเครียดออกมา แต่มันกลับทำให้เขาคิดว่า มันเหมือนเคยขาดใครไปเสียอย่างนั้น เหมือนกับว่าใช้ร่างกายของเธอเพื่อกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง
โหมวฉี่ไม่ได้ตอบเขา แต่เอามือมานวดที่หัวเข่าของตัวเอง
“หมอกายภาพที่คุณบอกก่อนหน้านี้น่ะ ก่อนหน้านี้น่ะ เดี๋ยวกลับไปที่ประเทศแล้ว นัดให้ฉันหน่อยนะ”
“คุณยอมไปหาหมอแล้วหรือไง?” เซียวฉู่ตกใจ
ก่อนหน้านี้เขาช่วยโหมวฉี่หาหมอมาหลายคนแล้ว แต่ทว่าโหมวฉี่กลับปฏิเสธอยู่เรื่อยไป
เซียวฉู่รู้ว่าเพราะอะไร ในตอนนั้น เกิดอุบัติเหตุกับเซิ่งเยียนหัว โหมวฉี่เองก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมไปรักษาอะไรสักที
ผ่านมาเป็นสิบปี ในสิบปีนี้ ขาของโหมวฉี่นั้นกลายเป็นต่อมโมโหของเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้……
“น่าจะถึงเวลาที่จะต้องลุกขึ้นมาแล้ว” ชายคนนั้นพูดออกมาเบาๆ
การแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นแล้ว
การแข่งขันครั้งที่แปดสิบห้า แบ่งเป็นสิบสนาม ทุกสนามนั้นมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แล้วก็แบ่งเป็นการแข่งขันแปดรอบ นักออกแบบทุกคน จะได้ทำตามที่ตัวเองถนัด แล้วเลือกสนามที่ไม่เหมือนกัน สุดท้าย หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกหลายๆ รอบ จากนักออกแบบห้าร้อยกว่าคน ก็จะเหลือเพียงแปดสิบกว่าคน แล้วจะได้เข้าแข่งขันในรอบสุดท้ายอีกห้าสนาม
ประวัติของผู้เข้าแข่งขันทุกคน ต่างเป็นตัวแทนของนักออกแบบของแต่ละแบรนด์ คนที่สามารถมายืนอยู่บนยอดได้นั้น และได้รับรางวัล ไม่เพียงแค่ดีต่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อแบรนด์อีกด้วย
นอกจากการแข่งขันห้ารอบสุดท้ายแล้ว หัวข้อการแข่งขันอื่นๆ นั้นต่างมีการเปิดเผย เหล่านักออกแบบที่เข้าแข่งขันนั้น ตอนที่รู้ว่าได้เข้าร่วมในรอบต่อไป ก็ได้เลือกสไตล์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Passingon——การส่งต่อ มันเป็นหัวข้อที่ชางหลิงเลือก
บริเวณหน้าโรงแรมในตอนเช้าตรู่ มีคนมาล้อมรอบจนแน่นขนัด เหล่าตากล้องต่างยกกล้องขึ้นมา แสงแฟลชสาดส่องไปที่ใบหน้า จนลืมตาไม่ขึ้น
ความครื้นเครงนั้น ต่างจับจ้องไปที่เพชรของออโรร่าทั้งนั้นเลย
ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงเดินออกมาจากประตูทางด้านหลังของโรงแรม จากนั้นก็เห็นเมิ่งเคอรออยู่ที่ด้านหน้าของรถจากไกลๆ หลีซินนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ก่อนจะหันหน้ามามองเธอ
ชางหลิงกำลังจะเดินไป แต่ในตอนนั้น กลับมีคนหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านข้าง แล้วขวางทางของเธอ