ชางหลิงหันหน้ากลับไป และสบตาเข้ากับสายตาที่ครุ่นคิดคู่นั้นของฉินซางอย่างที่คาดคิดไว้
“ใช่คุณจริงๆ ด้วย” ฉินซางที่สวมเสื้อคลุมยาวขนสัตว์สีดำก้าวเท้ายาวๆ แล้วเดินมาที่เธอ “ทำไมคุณถึงไม่บอกผมสักคำเลยว่าจะมาที่นี่ ถ้าผมรู้ก่อนคงจะมารับคุณด้วยตัวเองแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ” ชางหลิงเสยผมตัวเองขึ้น “ถ้าฉันรู้ว่าที่นี่เป็นบริษัทของคุณ ฉันคงเจอทางอ้อมแล้วล่ะค่ะ”
เธอกับโหมวยู่กำลังมีปัญหาไม่เข้าใจกัน และฉินซางเองก็เป็นคนที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่มาแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วย ซึ่งถ้าเขาก็รู้ว่าการที่เธอมาที่นี่ไม่แน่ว่าเขาจะจัดเตรียมรายการอะไรให้เธอก็เป็นได้
“ดังนั้น” ฉินซางยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของชางหลิงอย่างคนกันเอง “ผมว่าถ้าคุณมีเวลาว่างก็ควรไปทำความเข้าใจกับผู้ชายของตัวเอง……และพี่น้องของเขาสักหน่อยนะ คุณก็อยู่กับเขามานานขนาดนี้แล้ว แม้แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังไม่เข้าใจ แล้วจะไปแย่งชิงแผ่นดินกับเขาได้ยังไงกันล่ะ”
ชางหลิงเลิกคิ้ว
แม้ว่าฉินซางจะไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไร แต่คำพูดนี้ของเขานั้น กลับดูมีเหตุผลเล็กน้อย
“เอ๊ะ ผมได้ยินมาว่า คุณกับโหม่วยู่ทะเลาะกัน? ” ฉินซางเอนตัวเข้ามาใกล้ข้างหูเธอ
ชางหลิงผลักเขาออกไปอย่างรังเกียจ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ?”
นี่มันไม่ใช่สงครามเย็นหรอกเหรอ? ทำไมถึงทำเหมือนกับว่าคนทั้งโลกรู้กันหมดอย่างนั้นล่ะ
“กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาเขายังลากตัวต้วนเหิงไปปรึกษาหารือกันที่นั่นอยู่เลย ผมเห็นเขาหน้าตาน่ารังเกียจขนาดนี้ ผมก็พอเดาได้แล้วล่ะ ” ฉินซางยังคงเอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงของเขา “คนที่สามารถทำให้โหม่วยู่โกรธได้ขนาดนี้ นั่นก็มีเพียงคุณเท่านั้นแหละ”
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่า พวกเขากำลังปรึกษาหารือเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะ?” ชางหลิงสงสัยเล็กน้อย
สองสามวันมานี้ดูเหมือนว่าโหมวยู่จะยุ่งมาก ต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่ๆ แต่ดูจากนิสัยของเขาแล้ว เขาคงจะไม่ยอมบอกเธออย่างแน่นอน
“คุณก็ไปถามโหมวยู่เองสิ ” ฉินซางยักไหล่
“เชอะ ” ชางหลิงมองบน “แล้วด้วยเหตุผลอะไรกัน? ที่ฉันต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนทุกครั้ง เขาเป็นผู้ชายนะ ถ้าเขาจะไม่ง้อฉันก็ช่างมันสิ จะให้ฉันง้อเขาทุกครั้งได้ยังไงกันล่ะ”
ถงเอินเดินก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า “เขาก็เป็นคนนิสัยเสียอย่างนี้แหละ ถ้าเธออยากให้เขาเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อน ก็คงต้องรอให้ดวงอาทิตย์ออกมาจากทิศตะวันตกก่อนแล้วล่ะ”
ฉินซางปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที แล้วเขาก็ตาเป็นประกาย “นั่นมันก็ไม่แน่นะ”
“ไม่ใช่ว่าอยากให้เขาเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเหรอ? มันง่ายมาก เรื่องนี้ให้มันเป็นหน้าที่ผมแล้วกัน” ฉินซางมั่นใจมาก
ชางหลิงหรี่ตาลง “นี่คุณ? คุณอยากจะทำร้ายฉันเหรอ”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ฉินซางจริงจังขึ้นมา “คุณก็รอดูแล้วกัน ผมกล้ารับประกันได้ว่า ภายในสองวัน เขาจะเป็นฝ่ายเข้าหาคุณก่อนแน่นอน”
——
ณ ห้องทำงานประธานของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป
โหมวยู่กำลังนอนอยู่บนโซฟา และเมื่อคืนเขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
แต่ว่า แม้ว่าตัวเขาจะนอนอยู่ที่นี่ เขาก็ยังมองดูมือถืออยู่ตลอดเวลา แต่กล่องข้อความของชางหลิงก็เงียบอยู่ตลอดเหมือนกับถูกบล็อกไว้และไม่มีการส่งข้อความใดๆ มาเลย
ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่? แม้ว่าครั้งนี้เขาจะโกรธมากและง้อยากมาก แต่ไม่ว่าจะดีร้ายยังไงเธอก็ควรจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้างสิ
เสี่ยงเคาะประตูก็ดังขึ้น โหมวยู่ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนเลย และฉู่ฉือก็เดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มกล่องไว้กล่องหนึ่ง
“คุณชายรองครับ สินค้าด่วนของคุณชายครับ”
สินค้าด่วนเหรอ?
โหมวยู่นั่งลงอย่างช้าๆแล้วจ้องไปที่กล่องกระดาษซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของฉู่ฉืออย่างระแวดระวัง
“ใครเป็นคนส่งมา?”
“ไม่ทราบครับ มันส่งมาจากเมืองเดียวกันครับ” ฉู่ฉือวางกล่องไว้บนโต๊ะน้ำชา
โหมวยู่ขมวดคิ้ว และเขาภายใต้จิตสึกของเขาก็รู้สึกได้ว่าชางหลิงจะต้องเล่นอะไรอยู่พิเรนทร์อยู่แน่
หล่อนคงรู้สึกอายที่จะมาหาด้วยตัวเอง เลยคิดหาวีธีง้อทางอ้อมสินะ?
“เปิดหน่อยสิ ” โหมวยู่รู้สึกดีใจขึ้นมา แต่เขากลับยังกลั้นไว้และไม่ยอมแสดงออกมา
ฉู่ฉือแกะเทปที่ติดอยู่บนกล่องออก หลังจากเปิดกล่องแล้วก็เห็นของที่อยู่ในกล่อง และสีหน้าของฉู่ฉือก็เปลี่ยนไปทันที
โหมวยู่สังเกตเห็นความผิดปกติของฉู่ฉือ เขาก็ลุกขึ้น แล้วดึงกล่องออกมา
ข้างในกล่องนั้นเต็มไปด้วยของเล่นผู้ใหญ่สำหรับผู้หญิง และ…ยาบำรุงไตกล่องใหญ่อีกสองสามกล่อง
แล้วสีหน้าของโหมวยู่ก็มืดครึ้มลงเช่นกัน
“คุณชายรองครับ ผม……ผมจะรีบไปตรวจสอบให้ครับ” ฉู่ฉือรีบปิดกล่องทันที
เสียงมือถือก็ดังขึ้น โหมวยู่ก็หยิบมือถือขึ้นมาและฉินซางก็ส่งกล่องที่แสดงถึงความรู้สึกต่ำต้อยไปที่นั่นกล่องหนึ่ง
——พี่โหมวยู่ครับ นั่นเป็นแค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ งานเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่พี่ก็ควรใส่ใจเติมเต็มให้ภรรยาสาวสุดที่รักบ้าง
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ส่งรูปถ่ายมาติดต่อกันอีกสองสามรูป
เนื่องจากเขาจงใจเลือกมุมถ่ายเป็นพิเศษ และส่วนล่างของร่างกายยังถูกตัดออกไปอีก ดังนั้น พอดูเข้าไปในรูป ก็เหมือนกับว่าชางหลิงกำลังนั่งจ้องกับผู้ชายที่เปลือยกายทั้ง 4 คนบนโซฟา
และรูปใบอื่นๆ เหมือนกับว่าชางหลิงกำลังมีอะไรกันกับชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างเสน่หา มือของเธอสัมผัสไปที่ร่างกายของชายคนนั้น ซึ่งในดวงตาของเธอนั้นเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัด ทำให้โหมวยู่แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดเลยทีเดียว
“วันนี้เธอไปที่ไหนกันแน่?” โหมวยู่ยกมือขึ้นมากดปิดมือถือไว้ และแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเกลียดชัง
ฉู่ฉือรู้สึกข้องใจ ถงเอินนั้นเป็นภรรยาของเขา และมักจะบอกการเดินทางของตัวเองให้เขาตลอด
“และในบริษัทของคุณฉินนั้น…” ชื่อเสียงของฉู่ฉือก็ต่ำมาก แต่ฉินซางก็ยังเห็นแก่เขา จึงไม่ได้ขายถงเอินออกไป
โหมวยู่กำหมัดแน่นลั่นดังเอี๊ยด
ดังนั้น รูปถ่ายเหล่านี้ก็เป็นของจริงสินะ
เขารอเธอมาขอโทษเขาที่นี่อย่างกระวนกระวาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะออกไปหาผู้ชายอย่างเปิดเผย?
……
เมื่อชางหลิงกลับมาที่บริษัทก็เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
พรุ่งนี้พวกเธอที่จะต้องไปมิลานก็ไม่จำเป็นต้องมาที่บริษัทแล้ว เพราะพวกเธอจะต้องต่างคนต่างไปเตรียมงานของตัวเอง และชางหลิงก็ได้กำชับกับซูเสี่ยวเฉิงว่าอย่าลืมของด้วย พวกเธอทั้งสองคนคุยไปด้วยและเดินไปด้วย จนมาถึงที่หน้าประตูของบริษัท เธอก็เห็นรถจี๊ปที่จอดอยู่ด้านข้างมาแต่ไกล
“งั้นเจอกันวันมะรืนนี้นะ” ซูเสี่ยวเฉิงโบกมือ แล้วขึ้นรถไป
ก้าวเท้าของชางหลิงหยุดชะงักไปเล็กน้อย
หรือว่าฉินซางจะทำสำเร็จแล้วจริงๆ? โหมวยู่จะเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อนแล้วจริงๆ เหรอ?
เธอรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืดตัวตรง และเดินไปที่รถ
ในเมื่อเขาก็มารับเธอหลังจากเลิกงานแล้วงั้นเธอก็จะยอมฝืนใจให้อภัยเขาก็แล้วกัน
แต่ทว่า เมื่อเธอเดินไปถึงที่รถ และกำลังจะเปิดประตูเบาะข้างคนขับ กลับพบว่าประตูล็อกอยู่และหน้าต่างรถก็ถูกลดระดับลง ข้างใบหน้าของโหมวยู่ก็ได้สะท้อนเข้ามาในม่านตาของเธอ
“เปิดประตูสิ” ชางหลิงเตือนเขา แต่เธอกลับไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรผิดปกติกับเขา
“ในสายตาของคุณ ผมไร้ความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?” โหมวยู่ถามเธอด้วยประโยคแปลกๆ
“เอ๊ะ?” ชางหลิงไม่เข้าใจ “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
แต่พอลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง เธอก็รู้สึกได้ว่า หรือว่าฉินซางคนนั้นจะทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อไปสะแล้ว
“ฉินซางไปหาคุณใช่หรือเปล่า?” ชางหลิงตอบกลับทันที “ถ้าหากมีข่าวที่ไม่ดีอะไร คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาดนะ เขาคนนั้น คุณก็รู้จักด้วยนิ…”
“งั้นก็แสดงว่า คุณยังรู้จักพี่น้องของผมดีกว่าผมอีกเหรอ? ” โหมวยู่มองกลับไป และซักถามเธอ
ชางหลิงตกใจกับสายตาของโหมวยู่
“ฉัน……คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้สนิทกับเขาเลย” ชางหลิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันเคยเจอเขาแค่สองสามครั้ง เองและทุกครั้งก็พบเขาโดยบังเอิญเท่านั้น”
“ใช่เหรอ? ดังนั้นวันนี้ที่คุณไปหาผู้ชายที่นั่น มันก็เป็นเรื่องบังเอิญด้วยสินะ?” ดวงตาของโหมวยู่แทบจะลุกเป็นไฟ
และชางหลิงเองก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว
พอลองเอามาปะติดปะต่อแล้วนี่ก็คือวิธีการของฉินซางงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่ก็เป็นการราดน้ำมันลงบนไฟนั่นเองและเห็นได้ชัดว่า ไฟนั้นมันรุนแรงมากจนเธอไม่สามารถดับ ได้แล้ว
“ฉินซางไอ้สารเลวเอ๊ย ” ชางหลิงโกรธมาก “เขาแค่อยากหาเรื่องเท่านั้น!”
“คุณไปเชื่อคำพูดของเขาได้ยังไงกัน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปั่นหัวคุณอยู่ แล้วความน่าขยะแขยงระหว่างพวกคุณก็ลากผมให้มาเป็นเป้างั้นเหรอ? ถ้ามีความแค้นส่วนตัวอะไรกันคุณก็ไปชกต่อยกับเขาสิ และด้วยสภาพร่างกายของคุณในตอนนี้ คงจะไม่ถึงกับโดนเขาต่อยจนนอนคว่ำหรอกมั้ง
ชางหลิงเสียใจหลังจากที่พูดสิ่งเหล่านี้ออกไป แต่คำพูดก็ได้จบลงแล้ว และเธอก็คงจะกลืนมันลงไม่ทันแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่า หลังจากประโยคนี้ไป ใบหน้าที่มืดมนของโหมวยู่ จะยิ่งหนักมากขึ้นไปอีก
มันจบแล้ว!
หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าจะไปจี้จุดอ่อนของเขาในขนาดที่เขาโกรธอยู่