“นี่เป็นเรื่องภายในบริษัทของพวกเรา ขอให้คุณให้พวกเราจัดการด้วยตัวเองเถอะ” ฉู่ฉือพูดกับคนรับผิดชอบด้วยภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ
ผู้รับผิดชอบลังเลใจ “ถ้าเกิดคุณหนูคนนี้บาดเจ็บอีก แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบผลที่ตามมา?”
“พวกเราจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง” ฉู่ฉือไม่สะทกสะท้านเลย
ผู้รับผิดชอบปรายตามองหลีซิน เพราะอยากได้ความเห็นของเขา
ความหมายของฉู่ฉือนั้น ก็หมายถึงโหมวยู่นั่นเอง หลีซินไม่ได้ขัดอะไร
ชางหลิงขมวดคิ้วแน่น โหมวยู่อยากจะทำอะไร?
“คุณผู้ชายหลี คุณผู้หญิงชาง คุณชายรองเชิญพวกคุณไปหาสักหน่อย” ฉู่ฉือพูดกับชางหลิง
โจวลี่ลี่โล่งใจ ใบหน้าของหลิวจื่อเวยที่ตึงเครียดนั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ชางหลิงหันหลังกลับไป ก่อนจะมองพวกเธอด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่
โหมวยู่อยู่ในห้องชุด ที่หน้าต่างบานใหญ่ติดพื้นนั้น เขานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก และก็สามารถมองแสงจากคืนอันมืดมิดทางด้านนอกได้พอดี
ชางหลิงนั่งลง ก่อนจะกางขาทั้งสองข้างออก พลางมองชายที่นั่งอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“ข่าวคุณมันแพร่ไปเร็วมากเลยนะ ฉันยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรกับพวกเธอ คุณอยากจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวเต็มทนแล้วสิ” ชางหลิงกลอกตาใส่เขา
โหมวยู่เลิกคิ้วขึ้น
ผู้หญิงคนนี้เมินเขามาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ในใจเอาแต่สนใจจะเล่นสนุกกับซูเสี่ยวเฉิง เขาอยากจะเข้าหาเธอก็ไม่มีโอกาสเลย นี่มัน ถือว่ามีเหตุผลดีๆ ใจการหลอกให้เธอรีบมาหา
“แฮ่มๆ ……” โหมวยู่กำหมัดขึ้น ก่อนจะถูจมูก
ฉู่ฉือกับหลีซินเข้าใจความหมายของเขาทันที ก่อนจะออกไปอย่างรู้งาน
“โกรธเหรอ?” โหมวยู่ลุกขึ้น ก่อนจะไปนั่งลงข้างๆ เธอ
ชางหลิงขยับไปด้านข้างเล็กน้อย “คุณรู้ไหม ว่าถ้าไม่ใช่หลีซิน กรรไกรนั้นคงจะลงมาโดนหัวฉันอย่างแน่นอน คนน่ารักของคุณคงจะจากโลกนี้ไปแล้วล่ะ!”
“งั้นคุณอยากจะทำอย่างไรล่ะ?” โหมวยู่สนใจคำว่า “คุณ” คำนี้
“ก็ต้องจับโจวลี่ลี่มาให้ได้” ชางหลิงฟังเขาจริงๆ “ถึงแม้ว่าโจวลี่ลี่จะไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง แต่ทว่าเธอก็เป็นผู้ช่วยของหลิวจื่อเวย ถ้าไม่มีเธอ หลิวจื่อเวยก็ต้องสู้เพียงคนเดียว ซึ่งมันก็ทำให้ในใจของฉันรู้สึกเท่าเทียมขึ้นมาหน่อย”
“ในเมื่อเธอสามารถจับโจวลี่ลี่มาเป็นกดดันได้ คุณคิดว่า การที่เธอจะมีหรือไม่มีผู้ช่วยคนนี้ มันสำคัญมากเลยเหรอ?” โหมวยู่เลิกคิ้วขึ้น
ชางหลิงอึ้งไป
ถ้าพูดไปแบบนี้……ก็เหมือนจะจริงนะ
“งั้น คุณจะปล่อยพวกเธอไปอย่างนั้นเหรอ?” ชางหลิงถามเขา
“ต้องจัดการอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่ใช่ตอนนี้” โหมวยู่สบายอารมณ์ “ในตอนนี้ พวกเราอยู่ในมิลาน คนของเซิ่งซื่อพวกนี้ รวมไปถึงโจวลี่ลี่กับหลิวจื่อเวยด้วย มันเป็นตัวแทนของบริษัทของพวกเราทั้งหมด ส่วนเซิ่งซื่อของพวกเรานั้น ก็เป็นตัวแทนของประเทศ ถ้าเกิดว่าเกิดเรื่องฆ่าแกงกันขึ้นก่อนการแข่งขัน จะต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน บอกว่าเซิ่งซื่อนั้นไม่ลงรอยกัน นั่นก็หมายความว่าจะลามไปถึงคนจีนของพวกเราด้วยน่ะสิ”
“ดังนั้น คุณปกป้องพวกเธอเอวไว้ก่อน ก็เพื่อภาพลักษณ์ของเซิ่งซื่อนะ อีกอย่าง……” ชางหลิงกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเดาความคิดของโหมวยู่ “เมื่อผ่านเรื่องแบบนี้มา สายตาของทุกคนก็ต้องจับจ้องไปที่โจวลี่ลี่กับหลิวจื่อเวย พวกเธอไม่มีทางกล้าก่อเรื่องทั้งๆ ที่อยู่ในสายตาของคนอื่นหรอก”
โหมวยู่หัวเราะเบาๆ “ตอนนี้โจวลี่ลี่คงไม่ให้ใจกับหลิวจื่อเวยแล้ว และให้หลิวจื่อเวยสู้อยู่คนเดียว แต่ให้คนที่เคยอยู่ข้างเธอ มาแปรพักตร์ ยังจะดีเสียกว่า”
“เจ๋งไปเลย” ชางหลิงยกนิ้วโป้งให้เขา
“ตอนนี้ ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน” โหมวยู่พยายามจบบทสนทนานี้ไป
ชางหลิงมองแววตาของ แววตาของเขานั้นดูจะมืดลงไปสักหน่อย พลางมีความอยากสืบเสาะปนอยู่เล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่า……” โหมวยู่ค่อยๆ เข้าไปใกล้เธอ ก่อนจะยื่นมือไปจับเอวของเธอ “วันนี้คุณไปเดินเล่นกับนายแบบคนหนึ่งงั้นเหรอ?”
หลีซินพูดมากอีกแล้วสินะ!
ชางหลิงกลอกตามองบน “ฉันกับเขาไปเดินเล่นด้วยกันมันหมายความว่าอย่างไรกันนะ?ซูเสี่ยวเฉิงเองก็อยู่ด้วย อีกอย่าง เขาแค่ช่วยฉันถือของเท่านั้นเอง แรงของผู้หญิงอย่างพวกเราสองคน ถ้าเขาไม่ทำ คุณจะทำไหมล่ะ?”
“ฉันทำได้สิ” โหมวยู่พูดอย่างชี้นะ
“ตอนนี้ฉันกำลังตั้งใจตอบคำถามอยู่นะ” ชางหลิงฟังถึงน้ำเสียงที่มีความหมายอื่นซ่อนอยู่
“ฉันเองก็พูดจริงๆ นะ” โหมวยู่จริงจังขึ้นมา “ถ้าคุณต้องการ ฉันก็ไปกับคุณได้ ถือของให้คุณได้ ช่วยรูดการ์ดให้คุณได้เหมือนกัน”
“แล้วอย่างไรล่ะ?ให้คนทั้งถนนมองพวกเรา ให้คนของเซิ่งซื่อแข่งอย่างไร้สมาธิ แล้วเอาที่โหล่กลับบ้านงั้นเหรอ?” ชางหลิงยื่นมือออกมา พลางชี้ขึ้นไปด้านบน “แต่ฉันให้คุณเองบัตรเครดิตมาให้ฉันได้นะ ฉันจะใช้จ่ายแทนคุณเอง ถือว่าคุณได้ไปเดินเล่นกับฉันแล้วไงล่ะ”
โหมวยู่ยิ้มมุมปากขึ้นมา “ในเมื่อคุณไม่อยากให้ฉันพาคุณไปเดินเล่นด้วยกัน งั้นพวกเรามาเล่นสนุกๆ กันดีกว่า”
“อะไรเหรอ?” ชางหลิงไม่เข้าใจ
โหมวยู่ยืดตัวขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน พลางหยิบกล่องหนึ่งออกมา จากนั้นก็วางมันลงบนโต๊ะน้ำชาด้านหน้าชางหลิง
ชางหลิงสงสัย ขณะที่กำลังจะไปดูว่ามันคืออะไร โหมวยู่กลับผลักเธอลงลบโซฟา ก่อนจะใช้เรือนร่างของตัวเองปรี่เข้าไป
“คุณจะทำอะไรงั้นเหรอ?” ชางหลิงตกใจ
โหมวยู่ไม่พูดอะไร ก่อนจะเอากุญแจมือคู่รักออกมาจากกล่อง แล้วมัดมือทั้งสองข้างของชางหลิงเอาไว้
“คุณ!” ชางหลิงถูกความเย็นของเหล็กทำให้หายใจเย็นเฉียบ จากนั้น เขาก็หยิบของอีกอย่างหนึ่งออกมาจากกล่อง
นั่นมัน……ของเล่นผู้ใหญ่นี่หน่า!ใบหน้าของชางหลิงนั้นแดงขึ้นมา
เธอเคยเห็นของสิ่งนี้ในหนังผู้ใหญ่ ดังนั้นเลยไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคยอะไร แต่ว่า……
“คุณเอาของสิ่งนี้มาจากไหนเนี่ย?” ชางหลิงตกใจ
“ฉินซางให้ฉันมา” โหมวยู่หัวเราะร้ายๆ “ตอนแรกจะโยนทิ้งแล้ว แต่ทว่าเมื่อคิดๆ แล้ว คุณอาจจะชอบ ดังนั้นเลยเอามาด้วย”
ถุย!เธอจะชอบก็บ้าแล้ว โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย?
“คุณเอาของแบบนี้ ขึ้นเครื่องบินมาเหรอ?” ชางหลิงนั้นไม่ได้ให้ความสนใจเหมือนกับคนอื่น
“ทำไมงั้นเหรอ?” โหมวยู่พูด ก่อนจะยื่นมือไปปลดกางเกงของเธอ
“อย่านะ คุณปล่อยฉันนะ!โรคจิตจริงๆ เลย!” ชางหลิงนั้นรู้ว่าเขาเอาจริง เลยรีบปฏิเสธเขาอย่างทันควัน
โหมวยู่เลิกคิ้วขึ้น “นี่เป็นน้ำใจของฉินซางเลยนะ เอามาตั้งไกล ก็ต้องใช้หน่อยสิ”
“คุณเชื่อคำพูดของฉินซางด้วยเหรอ!” ชางหลิงขยับร่างกาย ก่อนจะขัดขืนท่าทีของโหมวยู่ “คุณปล่อยฉันนะ ฉันจะร้องให้คนมาช่วยแล้วนะ”
เธอถูกพามาท่ามกลางคนอื่นๆ ถ้าเกิดว่าคนอื่นมาเห็นท่าทีของเธอในตอนนี้ ทุกคนจะต้องคิดแน่นอนว่าโหมวยู่เป็นโรคจิต
“ตามใจคุณ” โหมวยู่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาวางของลง จากนั้นก็เอามือเข้าไปในเสื้อของเธอ
ผิวที่ละเอียดลออของหญิงสาวนั้นทำให้มือทั้งสองข้างของเขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ลมหายใจของโหมวยู่ก็แรงขึ้น
พวกเขาไม่ได้พลอดรักกันมาหลายวันแล้ว โหมวยู่มีเรื่องยุ่งมาหลายวันแล้ว บวกกับเรื่องวุ่นวายของชางหลิง จากนั้นก็ถูกเธอปฏิเสธเพราะเรื่องที่เขากับฉินซางทะเลาะกันอีก
แต่เมื่อมาถึงมิลานในตอนนี้ แค่เขาจะเจอเธอยังยากเลย ในใจก็เกิดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เลยอยากจะปลดปล่อยสักหน่อย
“คุณปล่อยฉันก่อน” ชางหลิงรู้ว่าตัวเองคงจะหนีไปไม่ได้แล้ว ก่อนจะเอามือที่ถูกรวบยกขึ้นยื่นไปข้างหน้าโหมวยู่
แต่ทว่า ทันใดนั้น ก็มีเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงดังขึ้นมาจากหน้าประตู
“คุณท่านรองโหมว คุณท่านรองโหมวอยู่หรือเปล่า?”
สำเนียงภาษาจีนของออโรร่าที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ดังเข้ามาในห้อง