ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่141 เป็นคนของโม่โม่หรือเปล่านะ

บทที่141 เป็นคนของโม่โม่หรือเปล่านะ

ชางหลิงอึ้งไป ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“คุณโง่แล้วล่ะ” ซูเสี่ยวเฉิงขมวดคิ้วเป็นปม “ปกติก็ฉลาดดีนี่ แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว”

“คุณ……คุณพูดแบบนี้ จากนี้ฉันจะเข้ากับเขาอย่างไรล่ะ”

ชางหลิงคิดถึงรอยยิ้มของหลีซิน ที่อ่อนโยนและสดใส ดูไม่ห่างเหินเลย แต่ถ้าเกิดว่าเกิดปัญหาขึ้นมา ระหว่างพวกเขานั้น คงจะกลับไปใสซื่อแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วล่ะ

ตามที่ฉันคาดเดา มันเป็นไปได้สองทาง” ซูเสี่ยวเฉิงมีพละกำลังเต็มเปี่ยม “ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฉลาดมาก จนไม่มีทางทำให้เรื่องยากเย็นมันเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเป็นเพราะเขาเป็นคนโง่มาก จนตัวเองมองสถานการณ์ไม่ออก คุณวางใจเถอะ ความรู้สึกของชายหนุ่มน่ะ ผ่านไปไม่นานก็จางหายไปแล้วล่ะ”

ชางหลิงสงสัยเล็กน้อย

“ทำไม คุณยังไม่เชื่อเหรอ?ฉันเป็นถึงนักเขียนนิยายรักตัวยงเลยนะ ฉันฉลาดหลักแหลมกับเรื่องแบบนี้มากเข้าใจไหม?” ซูเสี่ยวเฉิงรีบยืดตัวขึ้นตรง

ชางหลิงพูดอะไรไม่ออก

“ฉันมีข่าวดีมาบอกคุณ ตั้งแต่ที่ได้ฟังเรื่องของคุณ ฉันก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก จากที่คุณเขียนมาในตอนแรกนั้น มันเหมือนการเขียนแต่งเล่นๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคนอ่านจะรักในตัวท่านประธานที่หล่อและรักภรรยาของตัวเองขนาดนี้ มันดังระเบิดไปทั้งอินเทอร์เน็ตเลยล่ะ ตอนนี้พวกคนอ่านต่างเร่งให้ลงตอนใหม่สักที”

“อะไรนะ?” ชางหลิงตกใจ “มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

“จะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม ฉันเขียนเอาไว้อย่างไม่ชัดเจน แถมยังใช้พรสวรรค์ของฉันในการประดิษฐ์ศิลปะเล็กน้อยด้วย คุณวางใจเถอะ จะไม่ให้ใครมองออกเลยว่านางเอกคือคุณ”

ชางหลิงโกรธเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน คงอยากจะโยนซูเสี่ยวเฉิงลงไปเลยล่ะ

“มันทำเงินได้ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ?” ชางหลิงปรายตามองเธอ

“ก็ไม่เท่าไหร่ เยอะกว่าเงินเดือนแค่สองเท่าเท่านั้นเอง……” ซูเสี่ยวเฉิงมั่นอกมั่นใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก

“ขอแบ่งห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์!” ชางหลิงพูดกระแทกเสียงอย่างรุนแรง

“คุณนี่พูดมากจริงๆ เลย” ซูเสี่ยวเฉิงไม่พอใจเท่าไหร่ “ทำไมคุณไม่บอกให้ฉันให้คุณหมดเลยล่ะ”

“ฉันไม่สนใจหรอก นี่มันทำลายชื่อเสียงของฉันชัดๆ ถ้าเกิดคุณไม่ให้ ฉันจะ……”

“คุณจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ?” ซูเสี่ยวเฉิงไม่กลัวเธอ

“ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโหมวยู่ ให้เขาบล็อกเว็บนั้นไปเลย” ชางหลิงยิ้มอย่างโหดร้าย

“ร้ายกาจจริงๆ” ซูเสี่ยวเฉิงจนปัญญา “คุณว่า ตอนนี้คุณกำลังจะกลายเป็นคุณนายผู้ร่ำรวยแล้ว ทำไมต้องขี้เหนียวกว่าแต่ก่อนด้วยล่ะ?หลงใหลในเงินทองไปแล้วเหรอ”

ชางหลิงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะนั่งตัวตรง “ฉันไม่มีเงินจริงๆ แถมไม่ได้ขาดแค่นิดเดียวด้วยนะ”

เธอไม่เคยอยากจะเอาเงินทองของโหมวยู่เลย รวมไปถึงของที่เขาให้เธอ เธอไม่เคยแตะต้องมันและเก็บมันเอาไว้ในบัตร โหมวยู่ดีกับเธอมาก ดีจนเธอคิดว่ามันเหมือนเป็นฝันไป และก็ทำให้เธอคิดว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งตื่นขึ้นมาจากฝัน ทุกอย่างนี้คงจะหายไปด้วย

จากการใช้ชีวิตลำบากยากจนเข้าสู้การใช้ชีวิตหรูหรามันง่าย แต่จากการใช้ชีวิตหรูหรเข้าสู้การใช้ชีวิตลำบากยากจนมันยากแสนยากเลย เธอไม่อยากจะใช้ชีวิตหรูหราแล้วต้องกลับไปเป็นแบบเดิม

เครื่องบอกขับผ่านท้องฟ้าของอิตาลี ก่อนจะลงจอดอย่างมั่นคงที่สนามบินนานาชาติ

เมื่อมาถึงต่างประเทศ

ทางฝ่ายจัดงานให้เวลาพวกเขาหนึ่งวันเพื่อปรับเวลาที่ต่างกันแล้วก็ชินกับบรรยากาศและผู้คนที่นี่ด้วย ซูเสี่ยวเฉิงซื้อของอย่างบ้าคลั่ง ชางหลิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยได้แต่ตามไปด้วย

เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปใกล้ร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ชางหลิงลองใส่ต่างหู แต่กลับเห็นใบหน้าของป๋ายจื๋อที่ยืนอยู่ข้างนอกผ่านทางกระจก

เธอวางของลง ก่อนจะหันกลับไป

ป๋ายจื๋อเอามือทั้งสองข้างใส่กระเป๋า ก่อนจะยืนตรงถนนที่มีคนเดินไปเดินมา ด้วยใบหน้าเย็นชา มีเด็กสาวแถวๆ นั้นไม่น้อยเลยที่ถ่ายรูปเขา นี่เป็นที่เที่ยวข้างๆ บริเวณแข่งขัน ตามจริงแล้วพวกเธอก็ชินกับการเห็นชายหนุ่มหล่อๆ แล้วล่ะ แต่กลับถูกเขาที่เป็นคนต่างชาติดึงดูดเข้าให้

ชางหลิงคิดว่ามันแปลกๆ เธอเลยเดินออกไป ก่อนจะยิ้มให้เขา “คุณเองก็มาเดินเล่นแถวนี้เหมือนกันเหรอ?”

ป๋ายจื๋อยังคงไม่แสดงอารมณ์อะไรเหมือนเดิม เลยพูดออกมาสั้นๆ สองพยางค์ “ไม่ใช่”

ชางหลิงไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้มาเดินเล่น แล้วมาทำอะไรกันล่ะ?

“ฉันตามคุณมา” เขาตอบต่อไป

“ตามฉันมางั้นเหรอ?” ชางหลิงยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่

“อือ” ป๋ายจื๋อพยักหน้า “ฉันไม่รู้จักคนอื่นเลย”

ใจของชางหลิงถูกสัมผัสเข้าให้แล้ว

ก็จริง เธอเป็นคนพาป๋ายจื๋อออกจากประเทศเพื่อมาในที่ที่ไกลขนาดนี้ เขาไม่มีที่พึ่ง และนิสัยอย่างเขา น่าจะไม่ยอมทำความรู้จักกับคนอื่นก่อนแน่นอน

“หลิงหลิง ฉันซื้อเสร็จแล้ว” ซูเสี่ยวเฉิงกระโดดขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าป๋ายจื๋อ ก็ตาเป็นประกายด้วยความเซอร์ไพรส์ “ป๋ายจื๋องั้นเหรอ?ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้นะ?”

ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน ชางหลิงได้แนะนำให้ซูเสี่ยวเฉิงรู้จักรอบหนึ่งแล้ว

แววตาของป๋ายจื๋อนั้นแน่นิ่งเหมือนเดิม เขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เหมือนกับมีกระจกกั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำอะไรภายนอกก็ไม่มีผลกับเขาเลย

“อย่างนี้นี่เอง” ชางหลิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งถุงที่มีของอยู่มากมายให้เขา “คุณเป็นคนถือของก็แล้วกัน ต้องทำงานนะ ถึงจะมีเงินกินข้าว”

ป๋ายจื๋อก้มหน้า ก่อนจะจ้องถุงที่ดูหนักอึ้งในมือของเธอ ก่อนจะรับมา โดยไม่ลังเล

ทั้งวันนั้น ชางหลิงเอาแต่กินและเดินเล่นกับซูเสี่ยวเฉิงไม่หยุดเลย ตอนแรกป๋ายจื๋อก็กินไปพร้อมๆ กับพวกเธอในร้านขนมที่เดินเข้าไป จากนั้น อาหารที่เขาสั่งมันก็น้อยลงเรื่อยๆ จนกินไม่ลงแล้ว

แต่ว่าท้องของชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงนั้นเหมือนมีรอยรั่ว เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที สุดท้าย เขาเลือกที่จะไม่เดินเข้าไปในร้านอาหารด้วยซ้ำ ตัวเองเลยยืนถือของรออยู่ด้านนอก

“เอ้า” ซูเสี่ยวเฉิงส่งไอศกรีมให้ชางหลิง “ป๋ายจื๋อเนี่ย เอาแต่ใจเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ?”

ตั้งแต่เขาปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ นอกจากจะพูดตอนสั่งอาหารนิดหน่อยแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรอีกเลย

โดดเดี่ยวเด็ดเดี่ยวราวกับหมาป่า แต่กลับเชื่อฟังชางหลิงเป็นอย่างมาก อยากจะให้เขาไปก็ไป อยากจะให้หยุดก็หยุด เหมือนหุ่นยนต์เลยล่ะ

ชางหลิงกินไอศกรีมอยู่เต็มปาก ก็คิดว่ามันแปลกอยู่ไม่น้อย

ป๋ายจื๋อดูเหมือนจะไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ น่าจะไม่ชอบที่ที่คนเยอะด้วย แต่ว่า เขาเดินตามพวกเธอโดยไม่บ่นอะไรเลย อีกอย่าง ตอนที่อยู่ที่บริษัทฉินซางนั้น เขาถึงขนาดไม่ค่อยได้ถามว่าจะพามาทำไม แต่ก็ยอมให้เธอพาเขามาแต่โดยดี

ถงเอินได้รับข้อมูลของป๋ายจื๋อมาจากผู้จัดการ แต่สิ่งที่ชางหลิงรู้นั้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว

อายุ21ปี ส่วนสูง184 น้ำหนัก70กิโลกรัม ไม่ใช่คนที่เมืองหนาน เพิ่งจะเรียนจบ นี่เป็นงานแรกของเขา

“กลับโรงแรมกันเถอะ” ชางหลิงเดินออกไป ก่อนจะเรียกเขา

ป๋ายจื๋อเขยิบเท้า หลังจากที่ชางหลิงเดินไปด้านหน้าของเขาแล้ว เขาก็เดินตามไปด้านข้างของเธอ

“ป๋ายจื๋อ” ชางหลิงเดินไปพลาง แล้วก็กินไอศกรีมในมือไปด้วย ก่อนจะหันมากล้ายิ้มพลางพูดขึ้น “ทำไมคุณอยากเป็นนายแบบล่ะ”

“หาเงิน” ป๋ายจื๋อตอบ

“คุณไม่มีเงินขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชางหลิงถามอีก

“เปล่าซะหน่อย”

ชางหลิงเดินช้าลง เธอจ้องใบหน้าด้านข้างของเขา โดยไม่สนใจ “คุณเป็นคนของโม่โม่หรือเปล่า?”

ป๋ายจื๋อหยุดเดิน

ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนจะสบตาชางหลิงอย่างช้าๆ

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท