“ระวัง!” หลีซินรีบปรี่เข้าไปหาโดยลังเล
ชางหลิงถูกผลักจากด้านหลัง จนเธอเซไป จากนั้นก็มีเสียงอันแสนเจ็บปวดของหลีซินดังขึ้นมา
เมื่อหันกลับมามอง เธอเห็นกรรไกรคมๆ ตกอยู่ที่พื้น ส่วนที่แขนของหลีซินนั้น ก็ถูกกรีดจนเป็นแผลเลือดไหลแล้ว
“หลีซินงั้นเหรอ?” ชางหลิงรีบเดินเข้าไป
เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนที่อยู่ชั้นบนจอแจมาก เหมือนว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ข้างล่าง
“ไม่เป็นไร” หลีซินส่ายหัว “แผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
เพียงแต่ว่า ถ้าเกิดเขาไม่เข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันเวลา กรรไกรคงจะร่วงลงมาใส่หัวของชางหลิง สิ่งที่จะตามมานั้นไม่อยากจะคิดเลยล่ะ
ชางหลิงเก็บกรรไกรอันนั้นขึ้นมา เธอคุ้นกับกรรไกรนี้มาก นักออกแบบทุกคนในเซิ่งซื่อนั้นจะมีของที่บริษัทแจกเช่นกล่องดินสอ กรรไกร สายวัด ปากกา เพื่อไม่ให้สับสนกัน ทุกคนจะมีสัญลักษณ์เลขของตัวเอง
ชางหลิงเก็บกรรไกรเอาไว้ในมือ ก่อนจะพลิกดู ก็เห็นว่ามันมีคำว่า “โจว” ที่ถูกสลักเอาไว้คมกริบ
“โจว……” ชางหลิงคิดถึงชื่อที่คนมาที่มิลาน คนที่แซ่นี้มีเพียงสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ช่วยของโม่โม่ ชื่อโจวหลิน ส่วนอีกคนคือคนที่หลิวจื่อเวยพามา ก็คือโจวลี่ลี่ โจวหลินเป็นเลขาของประธาน ส่วนโจวลี่ลี่นั้น เป็นนักออกแบบที่ใครๆ ก็รู้จัก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอถือกรรไกรพลางเดินขึ้นไปข้างบนด้วยความโกรธเคือง ผ่านบริเวณที่คนเต้นรำไป ก่อนจะยืนอยู่บนเวที
เป็นไปตามคาด โจวลี่ลี่กับหลิวจื่อเวยและนางแบบของเซิ่งซื่อกำลังดื่มและพูดคุยกันอยู่บนเวที ส่วนโจวลี่ลี่นั่งชิดกับทางเวทีนั้นพอดี
เมื่อเห็นชางหลิง เสียงของทุกคนที่กำลังสนุกสนานก็หยุดลง
“กรรไกรเล่มนี้เป็นของใคร?” ชางหลิงยกกรรไกรในมือขึ้นมา
ทุกคนต่างมองไปที่กรรไกรนั้น ก่อนจะสบตากัน
“อะไรเหรอ นี่มันอะไรกัน?” มีเสียงพูดคุยถกเถียงดังขึ้นมา
“กรรไกรเล่มนี้ทำให้เพื่อนของฉันเจ็บแล้ว ฉันเห็นกับตาเลยนะ ว่ามันหล่นมาจากด้วยบน” ชางหลิงพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ขอให้ออกมาด้วยตัวเอง”
“คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลิวจื่อเวยปรายตามองเธออย่างไม่แยแส “คุณกำลังจะบอกว่าพวกเราตั้งใจจะโยนกรรไกรลงไปเพื่อทำร้ายคุณงั้นเหรอ?”
“ตั้งใจหรือไม่ คนทำก็รู้อยู่แก่ใจ” ชางหลิงจ้องไปทางโจวลี่ลี่
เมื่อโจวลี่ลี่ถูกชางหลิงจ้องก็ทำอะไรไม่ถูก เธอหันหัวไป มองหลิวจื่อเวย
“นี่ไม่ใช่กรรไกรของเซิ่งซื่อของพวกเราเหรอ?” นักออกแบบหนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นมา “เป็นของของใคร ดูสัญลักษณ์ที่เขียนเอาไว้ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“บนกรรไกรนี้ มีเขียนอยู่คำหนึ่ง” ชางหลิงเอากรรไกรมาพลิกดูในมือของตัวเอง ก่อนจะพลิกหลังมือ
“เขียนว่าอะไร?” โจวลี่ลี่ถามด้วยความสงสัย
“คำว่า “เวย” ”ชางหลิงยิ้มมุมปากขึ้นมา
หลิวจื่อเวยสีหน้าเปลี่ยนไป “คุณมันใส่ร้ายคน!” เธอรีบวางแก้วเหล้าลง “นี่มันไม่ใช่กรรไกรของฉันด้วยซ้ำ!”
“เพื่อนฉันบาดเจ็บที่หัว ตอนนี้ส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันมาบอกพวกคุณเอาไว้ก่อนนะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณท่านรองโหมว และตามคุณท่านรองโหมวมาที่มิลานโดยเฉพาะเลย ถ้าเกิดว่าเขาเป็นอะไรไปล่ะก็ ฆาตกรนั้น ไม่ต้องคิดว่าจะรอดไปได้เลยนะ”
หลีซินไปจัดการกับแผลเลยไม่ได้ปรากฏออกมา ชางหลิงก็โกหกขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิดเอาไว้ก่อนเลย
“คุณก็ไม่ต้องพูดเวอร์มากมาย ฉันเห็นอยู่ว่าเขาเจ็บที่มือ” หลิวจื่อเวยรีบอธิบาย
“งั้นเหรอ?ในเมื่อกรรไกรไม่ใช่ของคุณ คุณดื่มและคุยอยู่กับทุกคน ทำไมจู่ๆ ถึงมองลงไปข้างล่างล่ะ?แถมยังเห็นว่ากรรไกรนั้นมันบาดมือของเพื่อนฉันอีก?หลิวจื่อเวย คุณยังกล้าบอกว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณอีกเหรอ?” ชางหลิงพูดแกมบังคับ
หลิวจื่อเวยเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกชางหลิงหลอกเข้าให้แล้ว การพูดของเธอเพียงเล็กน้อย ก็สามารถบังคับให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลําบากแล้ว
“ฉันบอกแล้วไง ว่ากรรไกรนั้นมันไม่ใช่ของฉัน ถ้าคุณแน่จริง ก็เอากรรไกรออกมาให้คนอื่นดูสิ!” หลิวจื่อเวยกัดฟันกรอด
ชางหลิงยังคงยิ้มอยู่ ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหาพวกเธอ
“ฉันสงสัยมา ทำไมบอกไปว่า ‘กรรไกรนั้นไม่ใช่ของคุณ’ แต่กลับไม่กล้าพูดว่าคุณไม่ได้โยนกรรไกรลงไป?เพราะในใจคุณรู้ดี ว่ากรรไกรอันนั้นไม่ใช่ของคุณ แล้วก็มั่นใจด้วยว่าฉันจะเอาสัญลักษณ์บนกรรไกรมาจับตัวฆาตกรใช่ไหมล่ะ?”
“คุณ!” หลิวจื่อเวยหน้าถอดสี “คุณนี่มันหาชอบยัดข้อหาจริงๆ เลย!ความที่จะใส่ ไฉนกลัวไร้ข้ออ้าง?”
“แล้วคุณล่ะ?” ชางหลิงหันไปหาโจวลี่ลี่ “คุณมีอะไรจะพูดไหม?”
“ฉัน……ฉันงั้นเหรอ?” โจวลี่ลี่ชี้ไปที่ตัวเอง แต่ติดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกชางหลิงจับจ้งขนาดนี้ “ฉันไม่รู้อะไรเลย”
“งั้นเหรอ?” ชางหลิงส่งกรรไกรไปอยู่ตรงหน้าเธอ “งั้นคุณลองดูดีๆ สิ ว่ากรรไกรอันนี้ มันเป็นของใคร?”
โจวลี่ลี่ทำอะไรไม่ถูก เธอวางแก้วเหล้าลง นิ้วมือสั่นเทา
“คือ……” สีหน้าของโจวลี่ลี่ซีดเผือด “นั่นมันกรรไกรของฉันจริงๆ ด้วย……”
คนที่อยู่ตรงนั้นต่างซุบซิบกันขึ้นมา กรรไกรนั้นเป็นของโจวลี่ลี่ หรือว่า โจวลี่ลี่เป็นคนตั้งใจโยนกรรไกรอันนั้นลงไป
“ฉันไม่ได้ทำนะ” โจวลี่ลี่รีบอธิบาย “ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกรรไกรของฉัน แต่ว่าฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมกรรไกรอันนี้ถึงจะมาอยู่ที่นี่ได้ ฉันถูกใส่ร้ายนะ”
ชางหลิงมองหลิวจื่อเวยด้วยแววตาท้าทาย โจวลี่ลี่เหมือนจะเข้าใจอะไรสักอย่าง พลางมองไปทางหลิวจื่อเวย
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่อยากจะเชื่อ
พวกเธอทั้งสองอยู่ห้องเดียวกัน คนที่จะเอากรรไกรของเธอไปได้ มีเพียงหลิวจื่อเวยคนเดียวเท่านั้น
“โจวลี่ลี่ ฉันไม่สนว่ากรรไกรของคุณจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ในเมื่ออุปกรณ์การทำร้ายมันเป็นของคุณ คุณก็ต้องรับผิดชอบ” ชางหลิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
หลีซินจัดการแผลของตัวเองเสร็จแล้ว ในตอนนั้น ข้างหลังของเขามีผู้รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งเดินตามมาด้วย และได้ล้อมเวทีเอาไว้หมดแล้ว
ระหว่างการแข่งขัน การรักษาความปลอดภัยของโรงแรมนั้นรัดกุมมาก ในเมื่อคนที่สามารถมาที่นี่ได้ ก็มีแต่คนร่ำคนรวย เกิดอะไรขึ้น อาจจะชดใช้เท่าไหร่ก็ไม่จบไม่สิ้นสักที
“ไม่ใช่ฉันนะ ไม่ใช่ฉันจริงๆ” โจวลี่ลี่ยืนตกใจแล้วหลบอยู่ด้านข้างๆ หลังจากนั้นก็ดึงหลิวจื่อเวยเอาไว้ “หลิวจื่อเวย คุณเป็นคนเอากรรไกรนี้ไปใช่ไหม?ทำไมคุณต้องมาใส่ร้ายฉันด้วย?ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณนะ!ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน คุณคิดว่าคุณจะหลบได้เหรอ?”
หลิวจื่อเวยถอนหายใจอย่างรำคาญใจ
เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องมันจะลามปามไปถึงขนาดนี้ คนไม่สำคัญอย่างชางหลิง ถึงจะมีโหมวเจิ้งถิงเป็นที่พึ่ง แต่มันก็ห่างกันลิบลับ นักออกแบบเพียงคนเดียว การเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคยนั้นมันไม่แปลกเท่าไหร่ แต่นี่ กลับไปทำร้ายโดนหลีซินเสียได้
“ลี่ลี่ คุณเองก็รู้ว่าคุณเป็นผู้ช่วยของฉัน คุณทำแบบนี้ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ฉันเห็นว่าคุณขยันมาตลอดเลยตกลงให้คุณมาที่มิลานด้วยได้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลย ว่าคุณจะทำอะไรที่น่าสลดแบบนี้ ตอนนี้ยังจะกล้ามาแว้งกัดอีกเหรอ?”
เรื่องในวันนี้ หลิวจื่อเวยสามารถทำได้ ก็ถือว่าทำให้มันชัดเจนแล้ว จะให้โจวลี่ลี่ดึงตัวเองไปด้วยไม่ได้เด็ดขาด
“หลิวจื่อเวย……” โจวลี่ลี่ทำอะไรไม่ถูก
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้?”
“เอาตัวไป!” หลีซินพูดกับผู้รับผิดชอบ จากนั้นเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างเข้าจับกุมโจวลี่ลี่ทั้งซ้ายและขวา
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงของฉู่ฉือนั้นดังมาแต่ไกล เรื่องวุ่นวายนั้นมันดึงดูดความสนใจจากคนไม่น้อยเลย เขารีบปรี่เข้ามาหากลุ่มคนเหล่านั้น ก่อนจะมายืนอยู่ข้างๆ โจวลี่ลี่