สีหน้าโม่โม่ซีดไปทันที เธอยืนดูฉากนี้อยู่ในลิฟต์ สองมือที่แนบข้างตัวก็กำหมัดเอาไว้แน่น
“ดีไซเนอร์ชางเป็นอะไรไป? ทำไมถึงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้” โม่โม่ข่มอารมณ์ไว้ และพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันทำไมเหรอ?” ชางหลิงยกมือตัวเองขึ้นมา บอกได้เลยว่า ที่ตบไปเมื่อกี้ใช้แรงไปเยอะหน่อย เธอรู้สึกมือตัวเองชาไปหมดแล้ว “ผู้อำนวยการโม่ บังเอิญจังเลย คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ”
“ชางหลิง!” หลิวจื่อเวยพุ่งเข้าไปอยากจะตบคืน แต่หลีซินก้าวเข้ามาขวางตรงหน้าชางหลิงเอาไว้ได้ก่อน
“ชางหลิง เธอกล้าก็อย่าหลบสิ!” หลิวจื่อเวยไม่กล้าทำอะไรหลีซิน ทำได้แค่มองค้อนชางหลิงอย่างแรง
“ฉันไม่กล้าหรอก” ชางหลิงยอมรับอย่างเปิดเผย “ความกล้านี้ เธออยากได้ก็เอาไปเถอะ”
“ชางหลิง!” หลิวจื่อเวยกัดฟันกรอด
“พอแล้ว!” โม่โม่มองขวางหลิวจื่อเวย “อยู่ในล็อบบี้โรงแรม จะเสียหน้าถึงต่างประเทศเลยหรือไง อยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือไงกัน?”
หลิวจื่อเวยเชื่อฟังคำพูดของโม่โม่ และหันหน้าไปอย่างไม่พอใจ ข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจ
“ดีไซเนอร์ชาง ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาบ้างแล้ว เริ่มต้นก็ไม่ดีแล้ว ก็จะกระทบถึงอารมณ์ได้ แต่เธอก็อย่าท้อใจไป ด้านหลังยังมีการแข่งขันอีกมาก เธอจะต้องกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาให้ได้นะ และระวังให้มากด้วย” โม่โม่แกล้งทำเป็นปลอบใจเธอ
“แน่นอนอยู่แล้ว” ชางหลิงพูดตอบ “แต่ว่า ฉันเชื่อว่าน่าจะไม่มีใครกล้าทำอะไรอีกแล้ว ทุกคนก็เห็นแล้ว คนแบบฉัน ถ้าถูกทำร้ายจากด้านนอก ก็คงเอาความโกรธมาลงที่คนข้างตัว ถึงตอนนั้นใครมาโดนเข้า ฉันไม่กล้ารับประกันว่า เธอคนนั้นยังจะมีชีวิตที่ราบรื่นในปีนี้”
โม่โม่กระตุกยิ้มมุมปาก “เธอตลกจริงๆเลยนะ”
“คุณยืนตรงนี้อยู่นานแล้ว ที่ตรงนี้ ควรถอยได้แล้วไหม?” ชางหลิงจ้องเธอ
โม่โม่ก็ถึงรู้ตัวว่าตัวเองขวางทางประตูไว้อยู่ แต่ชางหลิงกลับพูดสองแง่สองง่ามทำเอาเธอรู้สึกไม่พอใจมาก เธอยิ้มและเดินออกมา
ชางหลิงนำขบวนคนของตัวเองเดินเข้าไปในลิฟต์
เธอยืนอยู่ตรงกลางลิฟต์ จากตำแหน่งของเธอ สามารถเห็นด้านหลังคนกลุ่มเมื่อกี้ และโหมวยู่ที่ยืนพิงกำแพงอยู่
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ความมืดที่เก็บซ่อนไว้ภายใต้คาง จ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เธอมองไม่ออก
หลีซินกดปิดประตูลิฟต์ ประตูทั้งสองข้างก็ปิดลงช้าๆ ทั้งสองก็ถูกปิดกั้นเอาไว้ จากนั้นภายในลิฟต์ก็เหลือแต่ความเงียบงัน
ชางหลิงเมื่อกี้ที่หลิวจื่อเวย เป็นเรื่องที่ทุกคนคิดไม่ถึงจริงๆ
แม้เธอจะบอกว่าตบเพื่อซูเสี่ยวเฉิง แต่ว่า การกระทำแบบนั้น พลุ่งพล่านเกินไปหรือเปล่า
กลับมาถึงห้องตัวเอง ชางหลิงก็นั่งลงบนเก้าอี้ระเบียงห้อง มองดูหิมะที่ตกลงมาอย่างเหม่อลอย
ที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป บางครั้งพอมีเรื่องที่โยงไปถึงโม่โม่ เธอก็จะขาดสติไป
ในตอนที่นอนหลับนั้น เธอก็ฝันถึงสภาพก่อนตายของหยูเฉิน ใบหน้าเละของเขาพยายามพูดกับเธออย่างทรมาน แต่ละคำพูดฝังลึกอยู่ภายในจิตใจของเธอ
ชางฉิงถูกลงโทษแล้ว แต่โม่โม่ยังไม่ หล่อนยังยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างดี ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกผิด แต่ยังสั่งคนอื่นๆให้มาขัดขวางเธอหลายครั้ง
“เสี่ยวหลิงหลิง” ซูเสี่ยวเฉิงรู้สึกว่าชางหลิงผิดปกติไป กำลังจะเข้าไปปลอบใจ ก็กลับได้ยินเสียงเคาะประตูก่อน
เธอเปิดประตูออกไป ก็เห็นโหมวยู่ยืนอยู่หน้าประตู
“คุณชายรอง?” ซูเสี่ยวเฉิงตกใจ โหมวยู่ใจกล้าเกินไปแล้ว เขาเข้ามาในห้องพวกเธอทันที ถ้าถูกคนอื่นเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะเอาพวกเธอสองคนไปนินทาให้เสียหายกันยังไง
“พูดนิดเดียวเดี๋ยวก็กลับ” โหมวยู่ดันประตูเข้าไปทันที ซูเสี่ยวเฉิงปฏิเสธไม่ได้ เธอมองโหมวยู่เดินเข้าไปหาชางหลิง จึงต้องถอยออกไปก่อน
เสียงเท้าเดินขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นัยน์ตาชางหลิงขยับ คิดว่าซูเสี่ยวเฉิงเดินเข้ามา “เธอไปกินข้าวก่อนเถอะ ฉันอยู่ตรงนี้คนเดียวก่อนสักพัก”
ด้านหลังไม่มีเสียงตอบรับ ชางหลิงก็รู้สึกแปลก เธอหันหน้าไป ก็เห็นโหมวยู่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ
เธอรู้สึกลนลานและรีบหันหน้ากลับไป
แม้เธอจะเก็บได้เร็ว แต่โหมวยู่ก็เห็นดวงตาแดงก่ำคู่นั้นของเธอ
“นายมาทำไม?” ชางหลิงปากแข็ง แต่ที่จริงในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“เช้าวันนี้ ฉันกำลัง……” โหมวยู่ลูบจมูกตัวเอง พูดอย่างเขินๆว่า “วิ่งอยู่น่ะ”
ชางหลิงมองเขาอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“เธอไปดูห้องฉันได้เลยนะ เครื่องลู่วิ่งยังมีประวัติบันทึกเอาไว้” โหมวยู่นั่งลงข้างๆเธอ
“ฉันไม่ดูหรอกนะ นายอยากโกหก ยังจะให้ฉันหาหลักฐานได้เหรอ?” ชางหลิงมองบน
“ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ชอบแตะต้องผู้หญิงอื่น” โหมวยู่พูดตรงๆกับเธอ “ในเมื่อฉันเลือกเธอแล้ว ก็จะซื่อสัตย์กับเธอ วันนี้ตอนเช้า ฉันแค่งอนเธอน่ะ”
“งอนฉัน?” ชางหลิงโกรธจนควันแทบออกหู “ทำไม เพราะฉันอยากได้โบนัสแค่นั้นเหรอ?”
เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าไปทำให้เขาโกรธอะไรอีก
โหมวยู่ไม่ได้ตอบ
“เจสันนั่นฉันได้ยินมาแล้ว” ผ่านไปสักพัก เขาก็เปลี่ยนประเด็น “อายุสามสิบ ได้นั่งอยู่บนตำแหน่งดีไซเนอร์ลำดับต้นๆของL&W จะต้องมีฝีมือแน่ ทางนั้นฉันจะช่วยเธอจัดการเอง ฉันรับรองว่าเขาจะไม่กล้ามาหาเรื่องเธออีก”
“นายคิดว่ามีแค่เจสันที่มาหาเรื่องฉันเหรอ?” ชางหลิงถามเขา “โหมวยู่ ทั้งที่นายก็รู้ดี ถึงแม้จัดการเจสันไปได้ ก็ยังมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาหาฉันอีกนับไม่ถ้วน โจวลี่ลี่ หลิวจื่อเวย……ทุกคน อาจจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายของฉันก็ได้”
โหมวยู่เงียบไป
ชางหลิงขยับตัว มองดูโหมวยู่ตรงๆ “ฉันรู้ว่าครั้งก่อนนายทิ้งโอกาสที่จะได้โจมตีตระกูลโม่เพราะฉัน ดังนั้น ครั้งนี้ ฉันจะปกป้องตัวเองให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้นายต้องลำบากอีก”
สายตาเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ดังนั้น ฉันหวังว่า ในตอนที่ฉันสามารถปกป้องตัวเองได้ นายอย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด”
“โม่โม่ เธอจะต้องชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า” ชางหลิงจับมือโหมวยู่ไว้แน่น