โหมวยู่มองไปที่มือของเธอ ลังเลสักพัก
เขารู้จักนิสัยชางหลิงดี กล้ารักกล้าเกลียด และเพราะเหตุนี้เอง แม้เขาจะรู้ว่าการตายของหยูเฉินมาจากฝีมือของโม่โม่ แต่กลับไม่ได้บอกความจริงกับชางหลิง
เขากลัวว่าเธอจะตกอยู่ในความเกลียดชัง สุดท้ายเดินไปยังทางที่ไม่อาจจะหวนคืนกลับมาได้
แต่ว่า ในตอนนี้เอง เขากลับรู้ บางเรื่องไม่ใช่ว่าเขาไม่พูด ชางหลิงก็จะไม่รู้เลย
“เรื่องของหล่อน ฉันจัดการเอง” โหมวยู่พูดเสียงเบา “เธออย่าเข้าร่วมเลย”
ชางหลิงนิ้วมือกระตุก
“ฉันไม่ต้องเข้าร่วม?” ชางหลิงไม่เข้าใจโหมวยู่หมายความว่ายังไง คนของโม่โม่จะจัดการเธอ เขากลับบอกเธอว่าไม่ต้องเข้าร่วมงั้นเหรอ?
“นายจะให้ฉันยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียวเหรอ?” ชางหลิงปล่อยมือโหมวยู่ออก “ฉันไม่เคยไปทำร้ายใครก่อน ทุกอย่างที่ไปทำไปก็เพื่อป้องกันตัว”
“ฉันไม่ต้องการให้เธอป้องกันตัวเอง” โหมวยู่มองเธออย่างตั้งใจ “เธอแค่เป็นตัวของตัวเอง เรื่องพวกนี้ ไม่ควรถึงมือเธอ”
เขาอยากให้ชางหลิงเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาเหมือนเดิม พอถูกรังแกก็กลับบ้านมาร้องไห้ระบายกับเขา แต่ไม่เหมือนตอนนี้ มีความอาฆาต และพร้อมจะฆ่าทุกคนได้แบบนี้ ถึงสุดท้าย สองมือเปื้อนเลือด ไม่ใช่คนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป
“ฉันจะพยายามปกป้องเธอให้มากที่สุด จะให้ทุกอย่างกับเธอ ฉันบอกแล้วไง ขอแค่ยังมีฉันอยู่ ก็จะไม่ให้ใครมารังแกเธอได้ ดังนั้น เธอแค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ เป็นสาวน้อยที่ชอบยิ้มต่อไป” สายตาโหมวยู่ลึกซึ้ง ความหวานแทบจะท่วมล้นในห้องนี้
ชางหลิงระหว่างคิ้วกระตุก
ในตอนนี้เอง หัวใจเธอก็เหมือนมีน้ำเย็นราดลงมา เย็นฉ่ำไปหมด
“นายเคยเข้าใจฉันไหม?” ชางหลิงถามเข้ากะทันหัน
โหมวยู่เงียบ ไม่ได้ตอบคำถามเธอ
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็หวังให้นายเป็นคนที่ปกป้องฉันได้ แต่ว่า โหมวยู่ นายเห็นหรือยัง? ตั้งแต่วันแรกที่พวกเรารู้จักกัน สิ่งที่ฉันต้องเจอทั้งหมด ก็เป็นนายที่เอามาให้ฉัน!”
ชางหลิงลุกขึ้น เธอมองดูโหมวยู่ที่นั่งบนเก้าอี้ ด้วยแววตาเย็นชา “นายคิดว่า ตอนนี้ฉันทะเลาะกับคนอื่น ไม่ใช่ชางหลิงคนเดิมเหมือนแต่ก่อนที่นายรู้จักแล้ว? ชางหลิงคนนั้น ที่ไปร้องไห้ระบายกับนาย ถูกคนทำร้ายขังในคุก แรงจะตอบโต้ยังไม่มี ขนาดงานยังต้องให้นายหามาให้ โหมวยู่ นายชอบฉันแบบนี้เหรอ?”
“ฉันห็หวังว่าเธอจะแข็งแกร่งได้ แต่ว่า……”
แต่ว่า เขาอยากให้เธอมีความสุขมากกว่า
“นายไม่เคยเข้าใจฉันเลย” ชางหลิงน้ำตาเอ้อล้นเต็มขอบตา
หิมะด้านหลังเธอกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ในความหนาวเย็น เธอยืนอยู่บนระเบียง ดวงตาคู่นั้นกลับไม่ชัดเจนเหมือนแต่ก่อน
“นายนั่งอยู่บนตำแหน่งของนาย เป็นเจ้าของเซิ่งซื่อ เป็นทายาทของตระกูลโหมว นายต้องการตอบโต้ก็มีแค่การควบคุมของพ่อกับการแต่งงานกับตระกูลโม่ แต่ฉันล่ะ? ทุกวันฉันต้องระวังว่าจะถูกฆ่าเมื่อไหร่”
ชางหลิงเลิกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมา บาดแผลที่แห้งสนิทแล้วปรากฏขึ้นต่อหน้าโหมวยู่ “บาดแผลนี้ เกือบส่งฉันเข้าคุก ยังมีอควารีเจียที่หยูเฉินโดน รวมไปถึงเมื่อคืนที่หลีซินถูกกรรไกรแทงแทนฉัน”
น้ำตาชางหลิงไหลอาบแก้มลงมา เธอจ้องมองโหมวยู่นิ่ง เธอไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน “ฉันไม่ร้องว่าเจ็บ ไม่ร้องว่ากลัว ก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บเหรอ? ไม่กลัวเหรอ? ขนาดในฝันฉันยังต้องวิ่งหนีการถูกไล่ฆ่า พอหลับตาลง สภาพก่อนตายของหยูเฉินก็ฝังลึกอยู่ในหัวสมองของฉัน โหมวยู่ ตอนนี้นายบอกฉันทีสิ นายจะให้ฉันกลับไปเป็นสาวน้อยที่ชอบยิ้มคนนั้นได้ยังไง?”
โหมวยู่ขมวดคิ้วเป็นปม
นานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ชางหลิงพูดความในใจของตัวเองกับเขา
เธอไม่พูด เขาก็รู้อยู่แล้ว เขากำลังพยายามทำให้เธอสบายใจ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม ผลลัพธ์ยังไม่ออกมา เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรอีก
“เธอรอฉันก่อนสิ……” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“รอ? รอนายมาเก็บศพให้ฉันหรือไง?” ชางหลิงหัวเราะเย็นชา เธอเช็ดน้ำตา ถอนหายใจยาว
“โหมวยู่ ฉันเดาใจนายไม่ออกเลย นายกลัวว่าพ่อนายจะลงมือกับฉัน ดังนั้นเลยไม่กล้าทำลายตระกูลโม่ใช่ไหม? ด้วยการป้องกันของนาย เขาจะจับฉันไปต่อหน้านายได้เหรอ? ที่นายไม่ลงมือสักที น่าจะไม่ใช่ฉันทั้งหมดหรอกนะ”
ลมเย็นพัดมารอบด้าน แขนขาชางหลิงเย็นจนชาไปหมดแล้ว ขณะที่พูดยังมีไอเย็นลอยออกมาจากปาก และหายไปในอากาศ
โหมวยู่ยังคงเงียบไม่พูดไม่จา
ชางหลิงมองดูท่าทีของเขา ก็ยิ่งโกรธ
เธอรู้ว่าในสายตาคนอื่น เธอโกรธเพราะโทรศัพท์ในวันนี้ เพราะยังไง ผู้หญิงก็ชอบอิจฉา และชอบหึงและไร้สาระ จนกลายเป็นเรื่องปกติมาก
แต่เธอก็รู้ว่า ระหว่างเธอกับโหมวยู่ ภายนอกดูรักกันปานจะกลืนดิน แต่ว่า ภายในก็แอบมีเส้นกั้นระหว่างกัน
โทรศัพท์เช้าวันนี้ เป็นแค่ตัวจุดชนวนเท่านั้น และเมื่อคืนการทำลายของหลิวจื่อเวยและวันนี้การทำลายผลงานของเจสัน เรื่องทุกอย่างสะสมเรื่อยๆ จุดระเบิดในใจของชางหลิงให้ปะทุขึ้นมาทันที
โหมวยู่เป็นแบบนี้ตลอดเลย น้อยครั้งที่จะพูดความในใจกับเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาของเขา ก็ยังไม่เพียงพอต่อการเชื่อใจของเขา
และถ้าเขาไม่พูด เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำหรือไม่ทำ?
“ได้ นายนั่งตรงนี้แล้วกัน ฉันไปก่อน” เห็นโหมวยู่ไม่ยอมพูดสักที ชางหลิงก็จึงยักไหล่ เดินออกไปด้านนอก
“เมื่อคืน……” โหมวยู่พูดขึ้นกะทันหัน “โหมวฉี่พูดอะไรกับเธอเหรอ?”
ชางหลิงหยุดชะงัก หันหน้ากลับไปหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เขาไม่ใช่คนดีอะไร ทางที่ดีอย่าไปใกล้เขามากจะดีกว่า” โหมวยู่เตือนเธอ
เขาไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ชางหลิงถึงพูดเรื่องพวกนี้กับเขา สิ่งเดียวที่คิดได้นั่นก็คือ โหมวฉี่
ชางหลิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันพูดอะไรกับเขา สำคัญด้วยเหรอ?” ชางหลิงถามเขากลับ
“ฉันแค่หวังว่า เธอจะไม่ใช่หมากที่เขาเอามาต่อกรกับฉัน” โหมวยู่พูดอย่างใจเย็น