คาเฟ่
โหมวยู่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ สูงตระหง่าน ต่อให้เป็นคนยุโรปแบบเจสันมายืนด้วยกันก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย เขายกขาขึ้นนั่งไขว้ห้างอย่างสบายๆ นั่งบนเก้าอี้ มองดูเจสันนั่งลงตรงหน้าเขา
“คุณชายรองโหมว คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ” เจสันไม่แน่ใจ
โหมวยู่ยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มกลับเต็มไปด้วยความหนาวยะเยือก เขาเล่นกับไฟแช็กในมือ มีท่าทางที่หยิ่งผยองอย่างมาก
“โม่โม่ไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าชางหลิงเป็นผู้หญิงของผม” โหมวยู่ถอนสายตากลับมาจ้องไฟแช็กในมือ
เจสันเลิกคิ้ว
เขายังคิดว่าโหมวยู่มาเพื่อโม่โม่ คิดไม่ถึงว่าเพื่อชางหลิง
“เธอบอกแล้ว” เจสันตอบ “แต่เท่าที่ผมรู้ โม่โม่ต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ”
“แต่เท่าที่ผมรู้ คุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่หมั้นของผมมากไม่ใช่เหรอ” โหมวยู่ถามเขากลับ
เจสันไม่ตอบ
“ผมไม่อยากอ้อมค้อมกับคุณ” โหมวยู่ยิ้มเย็นชา “คุณกับโม่โม่เป็นยังไงผมไม่สนใจ แต่ถ้าคุณคิดยุ่งกับชางหลิง ผมไม่อนุญาต”
เจสันมองกลับไปที่เขา “ผู้หญิงประเภทนี้ แค่สนุกด้วยก็พอ ไม่ต้องจริงจังหรอก คุณชายรองฐานะสูงส่ง ต้องการผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ผมคิดไม่ได้จริงๆ ว่าผู้หญิงอย่างชางหลิงมีอะไรน่าดึงดูด”
โหมวยู่เอาเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเอกสารข้างตัว และโยนไปตรงหน้าเจสันอย่างไม่เกรงใจ
เจสันแปลกใจมาก เขาเปิดแฟ้มเอกสาร เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
เจสันในฐานะหัวหน้านักออกแบบของL&W ค่อนข้างเป็นคนสำคัญในบริษัท หลายปีมานี้ เขาทำสิ่งผิดกฎหมายมากมายเพื่อขึ้นสู่ที่สูง เพื่อผลประโยชน์ มีการรับเงินสินบนนับไม่ถ้วน เขาคิดว่าตัวเองจัดการเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ แต่ว่า…
เอกสารฉบับที่อยู่ตรงหน้า บันทึกทุกการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของเขาอย่างแจ่มแจ้ง ถ้าสิ่งเหล่านี้แพร่กระจายออกไป มันเพียงพอที่จะทำให้เขาเสียชื่อเสียงและถึงขั้นถูก L&Wส่งเข้าคุก
“คุณ…คุณได้มันมาได้ยังไง” เจสันตื่นตระหนก
“คุณเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ที่L&Wมานาน มีศัตรูมากมาย ถ้าผมบอกว่าต้องการหลักฐานในการดึงคุณลงจากตำแหน่ง มันเป็นปกติอยู่แล้วที่จะมีคนดำเนินการส่งสิ่งเหล่านี้มาให้ถึงหน้าประตู”
“คุณชายรอง” เจสันหัวเราะ “เพื่อดีไซน์เนอร์เล็กๆ ลงทุนไปหรือเปล่า”
“ผมบอกแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของผม” โหมวยู่บอกเขาอย่างตรงไปตรงมา
“คุณจะคิดยังไงกับโม่โม่นั่นเรื่องของคุณ แต่ถ้าคุณคิดใช้การทำร้ายชางหลิงมาเป็นหนทางในการเอาใจโม่โม่ ผมอาจจะใช้วิธีของผมเอง ให้สมองของคุณเข้าใจแจ่มชัดขึ้นอีกหน่อย”
“คุณชายรอง” เจสันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ทุกคนมีจุดยืนแตกต่างกัน คุณปกป้องผู้หญิงที่คุณชอบ โดยธรรมชาติแล้วผมก็ต้องทำอะไรเพื่อโม่โม่”
“หืม” ไฟแช็กของโหมวยู่เกิดเสียงปะทุลุกเป็นไฟ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้คืนนี้ ผมให้คนส่งโม่โม่ไปที่ห้องนอนของคุณเลยดีกว่าไหม”
เจสันตกใจขึ้นมาฉับพลัน
“คุณชายรอง…แต่เธอเป็นคู่หมั้นของคุณนะ” เจสันไม่อยากเชื่อ
โหมวยู่จ้องเขา ไอเย็นบนร่างยิ่งหนาแน่นขึ้น “ถ้าผมต้องการ เธอถึงจะเป็นคู่หมั้นของผม ถ้าผมไม่ต้องการ เธอจะสำคัญอะไร”
“ที่ผมเก็บเธอไว้ ก็เพราะแค่ไม่อยากลงมือกับเธอตอนนี้ แต่ถ้าเธอไม่รู้ดีชั่ว ท้าทายความอดทนของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมจะส่งเธอลงนรก”
เจสันรู้สึกกลัวมากจนตัวสั่น
“ในเมื่อคุณชอบเธอ ก็ไปเตือนเธอ ไม่ใช่ช่วยทำชั่ว ช่วงนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดี ถ้าเธอไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ผมไม่รับประกันว่าจุดจบของเธอจะเป็นยังไง”
โหมวยู่พูดอย่างนั้นแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจรดริมฝีปากก่อนจะจิบมันเบาๆ
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ” เจสันขมวดคิ้ว “ผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ยอมหันไปมองเธอ”
ความขมของกาแฟซึมเข้าไปในปาก ทำให้ความอดทนของโหมวยู่แย่ลง
“ตราบใดที่คุณเป็นคนแบบนี้ ก็จะรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี” โหมวยู่พูดโดยไม่เว้นว่าง “ส่วนผม การกระทำทุกอย่างที่เธอทำเพื่อเข้าใกล้ผม มันล้วนแล้วแต่ทำให้ผมคลื่นไส้”
โหมวยู่ลุกขึ้นรวดเร็วคมเฉียบ จัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง เก็บไฟแช็กเข้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที
เจสันนั่งอยู่คนเดียว จ้องกองเอกสารตรงหน้า นานมากก็ไม่ได้สติกลับมา
เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่โม่โม่จะอยู่กับเขา จึงไม่ได้คิดปรารถนามากเกินควร เขาชอบโม่โม่ ดังนั้นจึงพยายามช่วยเธอกำจัดคนที่เธอรังเกียจ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าโหมวยู่จะจัดการเขาเพื่อชางหลิง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ของL&W แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับภายใต้สถานการณ์ที่ว่าเขาสามารถดำรงอยู่ในL&Wได้ เขาไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่โดดเด่น หากเรื่องแดงขึ้นมา เขาจะไม่เหลืออะไรเลย
เจสันยกแขนเท้าโต๊ะมือลูบใบหน้า พลางถอนหายใจยาว
——
ซูเสี่ยวเฉิงนั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล ในวอร์ดข้างหลังเธอ หมอกำลังรักษาบาดแผลให้เมิ่งเคอ ชางหลิงอยู่ข้างเตียงเธอ
ซูเสี่ยวเฉิงก้มหน้าตาบวมแดง ไม่มีการส่งเสียงมานานมากแล้ว จิตใจหดหู่ซึมเศร้า
เก้าอี้ด้านข้างขยับเล็กน้อย ซูเสี่ยวเฉิงรู้สึกว่ามีคนนั่งลงข้างเธอ ผ่านไปไม่นาน มีชานมร้อนควันระเหยถ้วยหนึ่งปรากฏมาตรงหน้าเธอ
ซูเสี่ยวเฉิงชะงักไปฉับพลัน เมื่อหันไปมองก็เห็นหลีซินชำเลืองมองอยู่พอดี และกำลังดื่มชานมของตัวเอง
“อะไร” ร้องไห้มานาน น้ำเสียงของซูเสี่ยวเฉิงจึงค่อนข้างแหบแห้ง
“คุณอย่าเข้าใจผิด” หลีซินพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ผมไม่ได้ตั้งใจจะใส่ใจคุณนะ เมื่อครู่ออกไปซื้อชานม แล้วมันซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง”
ซูเสี่ยวเฉิงกลอกตา รับชานมจากเขามาดูด
ของเหลวอุ่นไหลจากปากเข้าสู่หลอดอาหาร ส่งผลให้หัวใจของเธออุ่นขึ้น
“ตั้งแต่มาถึงมิลาน เธอเกิดปัญหาไม่หยุดหย่อน ทุกการแข่งขันล้วนมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เธออารมณ์ไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติ” หลีซินไม่ได้มองเธอ มุ่งความสนใจไปที่ชาของตัวเอง “คำพูดแรงหน่อย คุณก็อย่าถือสามากเลย”
“ชิ” ซูเสี่ยวเฉิงสูดจมูก “ฉันเป็นเพื่อนกับเธอมายี่สิบปี เธอเป็นยังไงฉันยังต้องให้คุณมาเตือนฉันเหรอ”
แต่ว่าเมื่อคิดทบทวนดู พวกเธอเป็นเพื่อนกันมายี่สิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดการขัดแย้งกันใหญ่โต
เมื่อก่อนตอนแย่งของเล่นกันทั้งสองฝ่ายไม่เคยจริงจังจนโกรธเกรี้ยวร้องไห้ตาแดง ทั้งสองอยู่ด้วยกันไม่ห่างเสมอ แต่ตอนนี้ชางหลิงกลับบอกว่าไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว
“ฉันมันไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม” ทันทีที่ซูเสี่ยวเฉิงนึกถึงคำที่ชางหลิงพูดก่อนหน้านี้แล้วไม่สามารถห้ามความเสียใจได้
“เมิ่งเคอเพิ่งรู้จักกับหลิงหลิงเพียงไม่กี่เดือน แต่เพื่อไม่ให้การแข่งขันของเธอพังถึงกับยอมให้ตัวเองเจ็บตัวดีกว่า แต่ฉัน…ฉันมักจะสะเพร่าเสมอ มักจะเป็นตัวถ่วงเธอ” ซูเสี่ยวเฉิงพูดอย่างนั้นแล้วก็พลันสะอึกสะอื้น
“ฉันก็อยากทุ่มเทพยายามให้ดีๆ แต่ว่า…ตั้งแต่เด็กฉันก็ฉลาดไม่สู้เธอ เจอเรื่องอะไรนิดหน่อยก็จะตกใจมาก มามิลานด้วยความปีติยินดี ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนาน ไหนเลยจะคิดถึงอันตรายแบบนี้”
ซูเสี่ยวเฉิงไหนเลยจะเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของชางหลิง ได้รับการปกป้องจากพ่อแม่เป็นอย่างดี คลื่นลมใดๆ ไม่เคยต้องพานพบ แต่ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากต้องการทำลายชางหลิง เธอที่อยู่เคียงข้างเธอ เหมือนเรือใบไม้ท่ามกลางคลื่นลมพายุฝนในมหาสมุทร สามารถคว่ำได้ตลอดเวลา
“ที่จริงแล้ว…” หลีซินเอียงศีรษะ เห็นเธอมีท่าทางเศร้าโศกขนาดนี้ จึงเอ่ยปากว่า “ไม่ฉลาดเป็นเรื่องจริง แต่มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณพูด”
“นี่ คุณจะปลอบหรือไม่ปลอบเนี่ย” ซูเสี่ยวเฉิงจ้องเขาทั้งน้ำตา
หลีซินยักไหล่อย่างหมดหนทาง “ผมอายุมากแล้ว ไม่ค่อยปลอบใคร”
“ฉันรู้ นอกจากชางหลิงแล้ว คุณจะไม่ปลอบใครหรอก” ซูเสี่ยวเฉิงถูจมูก
หลีซินรู้สึกว่าซูเสี่ยวเฉิงกำลังสับสน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ช่วงเวลาที่คนสองคนกำลังเงียบใส่กัน ร่างของโหมวยู่ก็มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว