ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 169 เชื่อใจแค่คุณคนเดียว

บทที่ 169 เชื่อใจแค่คุณคนเดียว

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ชางหลิงขอบคุณหมอ พวกหมอเดินออกจากวอร์ดไป

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว” ชางหลิงปลอบเธอ “รอคุณแข่งขันจบ ฉันก็กระโดดโลดเต้นได้แล้ว”

ชางหลิงขมวดคิ้ว นั่งลงข้างเมิ่งเคอ “คุณคิดดีแล้วเหรอว่าจะไม่อยู่เซิงซื่ออีกแล้ว”

เมิ่งเคอยิ้มบาง “ก่อนหน้านี้ที่อยากอยู่เซิ่งซื่อ เป็นเพราะอยากทุ่มเทสุดชีวิต ไม่อยากให้ผลของการทำงานหนักของตัวเองมาหลายปี ถูกไทเลอร์แย่งชิงไปทั้งหมด แต่ว่าก่อนมามิลาน มีคนคนหนึ่ง จู่ๆ ก็ชี้ให้ฉันเห็นหนทางอื่น”

ชางหลิงสงสัย

ก่อนมามิลาน…

“ที่คุณพูดถึง คงจะไม่ใช่…ฉินซางหรอกนะ” ชางหลิงถามเธออย่างหยั่งเชิง

เมิ่งเคอนิ่งเงียบและพยักหน้า

“เขาเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ คุณเชื่อเขาเหรอ” ชางหลิงประหลาดใจ ฉินซางพูดอะไรกับเมิ่งเคอ ถึงทำให้เธอที่ทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีเลิกล้มได้

“เขาเป็นคนแบบนั้น ภายนอกดูไม่น่าเชื่อถือ ในความเป็นจริงแล้วเขามีวิธีการมากมาย เซิ่งซื่อถึงแม้จะดี แต่ไม่ใช่บริษัทโมเดลลิ่งมืออาชีพ แต่ฉินซางไม่เหมือนกัน ฉันไปที่นั่น แม้ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ก็ยังดีกว่าทนทุกข์อยู่ในเซิ่งซื่อต่อไป” เมิ่งเคอถอนหายใจ “เรื่องของฉันกับไทเลอร์เป็นปัญหาวุ่นวายในบริษัท แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ถูกไล่ออกจากเซิ่งซื่อ ต้องมีคนคอยหนุนหลังเขาอยู่แน่นอน และคนคนนี้ คุณกับฉันต่างรู้ดี ฉันไม่ได้มีความสามารถอย่างคุณ และรู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ จึงไม่อยากเผชิญหน้าสู้รบกับเธอ”

ชางหลิงลดสายตาลง “ตัวฉันไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอ…” ก็แค่ไม่ต่อสู้ไม่ได้เท่านั้น

“ในเมื่อคุณตัดสินใจไปก่อนแล้ว แล้วทำไมยังมามิลานอีกล่ะ คุณก็รู้ว่าการเดินทางรอบนี้มันอันตรายมาก” ชางหลิงมองเธอ

“ฉันไม่อยากให้คุณโดดเดี่ยว” เมิ่งเคอเอื้อมมือไปจับมือของเธอ “และอีกอย่าง ต่อให้ไม่อยู่เซิ่งซื่อ ฉันก็จะยืนเคียงข้างคุณโดยไม่มีเงื่อนไข ต่อให้เป็นนางแบบภายนอก ฉันก็จะมามิลานด้วยกันกับคุณ”

“เพราะที่ฉันช่วยคุณก่อนหน้านี้เหรอ” ชางหลิงไม่เข้าใจ

เมิ่งเคอยิ้มพลางมองเธอ เป็นยิ้มที่จริงใจมากกว่าทุกครั้ง

“ตัวคุณมีพลังที่สามารถทำให้คนเห็นความหวัง” ดวงตาของเมิ่งเคอมีน้ำตาคลอ จับมือของเธอแน่น “คนที่อยู่ในความมืดมนมานาน เมื่อเห็นแสงสว่าง ก็จะวิ่งไม่คิดชีวิตอย่างสิ้นหวัง”

ชางหลิงใจสั่นไหว และไม่รู้ว่าควรตอบกลับเธอว่าอะไร

“แค่ครั้งเดียว…ในชีวิตนี้ จะเชื่อใจแค่คุณอีกเพียงคนเดียว ต่อไป ฉันจะลองพยายามเป็นแสงสว่างนั้นเองบ้าง”

ทันใดนั้นชางหลิงก็อยากร้องไห้

โหมวยู่ที่เธอเชื่อใจมาก ไม่เคยเชื่อใจเธอเลย ทว่าในที่ที่เธอมองไม่เห็น กลับมีคนเต็มใจที่จะเชื่อใจเธอโดยไม่ลังเล…

“ขอบคุณนะ” ชางหลิงคลายมือแล้วกอดเมิ่งเคอเข้ามาในอ้อมแขน

“ฉันไม่ละทิ้งความฝันของฉันหรอก” เมิ่งเคอพูดเสียงเบา “ฉันเคยบอกแล้วว่าสิ่งที่ทำให้ฉันยอมแพ้ มีเพียงตัวฉันเอง ต่อให้ไม่ได้อยู่เซิ่งซื่อ ฉันก็ยังจะเดินตามเส้นทางของตัวเอง ไปสู้กับทุกสิ่งที่ฉันต้องการ เพราะฉะนั้น คุณอย่าได้รู้สึกผิดต่อฉันเลย”

“คุณเองก็อย่ายอมแพ้นะ” เมิ่งเคอลูบผมเธอแผ่วเบา “ต้องแข็งแกร่งขึ้น แบบนี้ก็จะไม่มีใครกล้ารังแกคุณ และก็จะไม่มีใครกล้ารังแกคนรอบข้างคุณด้วย”

เมิ่งเคอปลอบเธอเหมือนเป็นพี่สาว ความอัดอั้นตันใจหลายวันมานี้ระเบิดออกมาทันที ชางหลิงน้ำตาไหลเงียบๆ เช็ดน้ำตาและน้ำมูกบนตัวเธอ

“เสี่ยวหลิง” หลีซินเคาะประตู “มืดแล้วนะ”

ชางหลิงรู้ว่าหลีซินกำลังกระตุ้นให้พวกเธอกลับโรงแรม ตั้งแต่มามิลาน ข้างกายเธอไม่เคยห่างจากใคร ถูกปกป้องจนสายลมแทบจะเข้าไม่ถึง ต่อให้โม่โม่อยากลงมือก็ไม่มีโอกาส ดังนั้นจึงได้แต่ลงมือในสนามแข่ง

แต่เพราะอยู่ในโรงพยาบาล มีผู้คนมากหน้าหลายตา หลีซินนำคนมาไม่มาก เพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่าต้องกลับไปก่อน

“ช่วงนี้ คุณก็อยู่พักฟื้นที่โรงแรมนะ ต้องอยู่ในขอบเขตสายตาของลูกน้องหลีซิน ที่ไหนก็ไม่สามารถไปได้” ชางหลิงเตือนเธอ

“คุณวางใจเถอะ ฉันเข้าใจดี” เมิ่งเคอเองก็ตระหนักได้ถึงภาวะวิกฤต จึงตอบรับ

ซูเสี่ยวเฉิงเข็นรถเข็นเมิ่งเคอออกไปข้างนอก ชางหลิงตามหลังไป แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เธอก็หยุดเดินและหันมองย้อนกลับไป แล้วปะทะเข้ากับสายตาของโหมวยู่

เธอรู้ว่าเขามา

ตั้งแต่วินาทีที่เธอเดินออกจากประตูวอร์ด เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของเขาแล้ว แต่เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ แค่เดินตามหลังเธอ

ระหว่างที่สองคนเผชิญหน้ากัน ชางหลิงมีอาการก้าวร้าวอย่างตรงไปตรงมา ส่วนโหมวยู่กลับท่าทีเรียบเฉย แต่ขยับถอยหลังไปครึ่งก้าว ทรยศต่อความประหม่าของเขา

“คุณต้องการอะไร” ชางหลิงถามเขา

“คิดถึงเธอ ดังนั้นจึงมาดู” โหมวยู่ตอบอย่างซื่อสัตย์

ชางหลิงยิ้มเยาะ “ถ้าคุณบอกว่าเพราะรู้ว่าเมิ่งเคอบาดเจ็บจึงมาเยี่ยมเธอ บางทีฉันอาจจะคิดว่าคุณมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง”

“คนอื่นเป็นยังไงฉันไม่สนใจ ฉันแค่อยากเจอเธอ” โหมวยู่พูดอย่างจริงจัง

ชางหลิงเหล่มองเขา ก่อนจะหันหลังเดินหน้าต่อไป

หลีซินกับซูเสี่ยวเฉิงไปจากพวกเขาแล้ว เพราะตั้งใจให้เธอกับโหมวยู่อยู่กันตามลำพัง

อากาศหนาวภายนอกโจมตีเข้ามา แม้จะใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ ชางหลิงก็ยังคงหนาวสั่น

เธอหยุดข้างถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ แต่ทางเข้าโรงพยาบาลมีฝูงชนกลุ่มใหญ่ จึงมีแท็กซี่น้อยมาก

โหมวยู่มายืนข้างเธอ มองดูร่างเล็กๆ ที่ห่อตัวอยู่ข้างตน จึงถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกและบังคับคลุมไหล่ให้เธอ

มันนำพามาซึ่งอุณหภูมิร่างกายของเขาที่ส่งมาห่อหุ้มตัวเธอทันที ร่างกายของชางหลิงนิ่งค้าง แต่ทันทีที่ก้มหน้าลง เธอเห็นชายเสื้อคลุมตัวใหญ่ลากพื้น เวลานี้กำลังสัมผัสกับพื้นหิมะ

โหมวยู่ตัวสูงมาก และเสื้อคลุมตัวยาวที่ส่งมา แต่เดิมมันก็ยาวถึงข้อพับของเขาอยู่แล้ว เมื่อมันมาอยู่บนตัวชางหลิง จึงกลายเป็นตัวใหญ่ยักษ์

ทั้งสองคนมองไปที่เท้าของชางหลิงเหมือนกัน โหมวยู่ทนไม่ไหว หัวเราะออกมาเบาๆ

“หัวเราะอะไร!” ชางหลิงโกรธ ถอดเอาเสื้อคลุมออกจากตัว แล้วปาใส่โหมวยู่ “ใครต้องการ!”

โหมวยู่ได้รับความแค้นเคืองอย่างไร้เหตุผล ถือเสื้อในมือไว้อย่างมึนงง

“ฉันไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะที่เธอเตี้ยนะ…” โหมวยู่เดินเข้าหาเธอ

ชางหลิงยิ่งโกรธหนัก

เขาพูดออกมาจากปากเอง ยังไม่ใช่ว่าตั้งใจหัวเราะเยาะเธออีกเหรอ

เธอก้าวกว้างเดินหนี ไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“นี่” โหมวยู่ตามเธอไปอีกครั้ง “เธอจะไปไหน”

“ฉันไปไหนเกี่ยวอะไรกับคุณ” ชางหลิงเหมือนเม่นพองขน แผ่หนามทั้งหมดใส่โหมวยู่

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ” โหมวยู่ลดทัศนคติลง

ชางหลิงหยุดเดิน จ้องเขาอย่างโหดเหี้ยม “อยู่ดีๆ มาทำตัวน่ารักอะไร ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนตอนไหน คุณชายรองโหมวผู้สูงส่ง แค่ขยับชี้นิ้วก็มีคนมาคอยเฝ้าฉันแล้ว ฉันทำอะไรสามารถรอดพ้นสายตาของคุณได้เหรอ”

โหมวยู่อับจนหนทาง “ฉันรู้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นฉันที่ทำไม่ถูก ฉันต้องขอโทษเธอด้วย”

“ขอโทษมีประโยชน์อะไร คุณขอโทษแล้วฉันต้องยอมรับเหรอ ขอโทษแล้วสามารถทำให้ทุกเรื่องไม่เกิดขึ้นได้งั้นเหรอ” ชางหลิงตะโกนใส่เขา ก่อนจะเดินต่อไป

โหมวยู่ถอนหายใจ เขาเร่งความเร็วขึ้น เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินถึงตัวเธอ แล้วคว้าจับเธอเอาไว้

“เธออยากให้ฉันทำอะไรเธอบอกมาได้เลย” โหมวยู่น้ำเสียงอ่อนโยน “อะไรก็ตามที่เธอบอก ฉันจะทำ เธออย่าเมินฉันเลยนะ”

“ได้สิ” ชางหลิงยิ้มเยาะ “คุณไปตายซะ ไปขอโทษหยูเฉิน”

โหมวยู่แววตาเจ็บปวด มือที่จับชางหลิงสูญเสียแรงกำลังในทันใด

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท