ซูเสี่ยวเฉิงไม่เจอชางหลิงตั้งแต่ตอนเช้า จึงต้องไปกินอาหารเช้าคนเดียว แต่พึ่งนั่งลง ก็เห็นชางหลิงเดินเข้ามาในร้านอาหาร
เธอดีใจกำลังจะเรียกหล่อน แต่กลับเห็นโจวลี่ลี่เดินตามหลังชางหลิงมา
พวกหล่อนพูดคุยกันอย่างมีความสุข หยิบจานอาหารด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มจนจบ ชางหลิงไม่ได้มองไปทางหล่อนเลย
ซูเสี่ยวเฉิงความรู้สึกดีใจเมื่อกี้ก็ได้หายไปจนหมด
อาหารตรงหน้าเธอไร้รสชาติขึ้นมาทันที เธอกินสองสามคำจากนั้นก็วางช้อนส้อมลง
เธอเก็บซ่อนความรู้สึกทุกอย่างไว้อย่างดี แต่กลับไม่เห็นว่าตั้งแต่เธอเข้ามาก็มีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ตัวเธอแล้ว
ซูเสี่ยวเฉิงลุกขึ้นเดินออกไป กำลังเดินออกจากร้านอาหาร ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้น
“เหอะ” หลิวจื่อเวยกอดอก เดินมาข้างๆซูเสี่ยวเฉิง “เป็นอะไรไป? วันก่อนชางหลิงยังออกหน้าแทนเพื่อนอยู่เลยนี่? แต่ทำไมฉันถึงได้ข่าวว่า หล่อนไม่ให้เธอเป็นผู้ช่วยแล้ว”
ซูเสี่ยวเฉิงไม่อยากไปสนใจหล่อน เธอรีบเดินออกไป แต่หลิวจื่อเวยกลับไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะซ้ำเติมนี้ไป
“วิ่งทำไม?” หลิวจื่อเวยรีบเดินตามไป “ซูเสี่ยวเฉิง เธอชอบอวดดีอยู่ข้างชางหลิงไม่ใช่เหรอ? ทำไมวันนี้ถึงไม่อวดดีแล้วล่ะ?”
“เกี่ยวอะไรกับเธอ?” ซูเสี่ยวเฉิงตอบกลับ
“ตำแหน่งของเธอถูกแย่งไปไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว แต่ว่า โจวลี่ลี่เป็นผู้ช่วยของฉัน ชางหลิงสั่งให้หล่อนมาทำลายการแข่งขันฉัน ก็ต้องเกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว” หลิวจื่อเวยไม่พอใจ “ซูเสี่ยวเฉิง ความสามารถเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าชางหลิง ผู้อำนวยการถงก็ชื่นชมเธออยู่แล้ว แต่เธออยู่ข้างชางหลิง กลับเป็นได้แค่ตัวประกอบ เป็นผู้ช่วยที่คอยทำงานทุกอย่างให้หล่อน เธอพอใจแล้วงั้นเหรอ?”
“เธออยากพูดอะไรกันแน่?” ซูเสี่ยวเฉิงหยุดเดิน และถามหล่อน
หลิวจื่อเวยแสยะยิ้มเย็นชา เธอมองดูชางหลิงและโจวลี่ลี่ที่นั่งในร้านอาหารพูดคุยกันอย่างสนิทสนม หันหน้าไปสบตากับซูเสี่ยวเฉิง
“เธอทำงานผิดพลาดในงาน กลับไปประเทศ จะต้องไม่ผ่านการฝึกงานแน่ ไม่สู้ร่วมงานกับฉัน ไม่เพียงแต่ช่วยเธออยู่ในเซิ่งซื่อได้ เธอจะได้เห็นชางหลิงถูกเหยียบย่ำ และยังได้เลื่อนขั้นเป็นดีไซเนอร์อันดับหนึ่ง”
ซูเสี่ยวเฉิงมองหลิวจื่อเวยตั้งแต่หัวจรดเท้า “แค่เธอน่ะเหรอ?”
หลิวจื่อเวยเบนสายตาออกอย่างไม่เป็นตัวเอง “แค่ฉันคนเดียวยากก็จริง แต่ว่า……ไม่ได้แปลว่าคนเบื้องหลังฉันจะไม่ได้”
ซูเสี่ยวเฉิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิด
คนเบื้องหลังของหล่อน ถ้าเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็น……โม่โม่?
“เป็นยังไง?” หลิวจื่อเวยเร่งเธอ “เธอเป็นคนฉลาด น่าจะไม่หัวรั้นขนาดนี้หรอกนะ”
“ได้” ซูเสี่ยวเฉิงลดความประมาทลง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็พาฉันไปเจอคนเบื้องหลังเธอหน่อยสิ”
หลิวจื่อเวยมองซูเสี่ยวเฉิงอย่างละเอียด ซูเสี่ยวเฉิงสายตาชัดเจน สีหน้าบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความผิดปกติใดๆ
“ไปเถอะ” หลิวจื่อเวยแปลกใจ ปกติซูเสี่ยวเฉิงดีกับชางหลิงอย่างกับอะไรดี ครั้งนี้แค่สะกิดนิดเดียวก็ยอมแล้วเหรอ?
แต่ว่ายังไงเธอก็แค่คนมาบอกต่อ เรื่องด้านหลัง ก็ต้องส่งให้คนระดับสูงทำต่อ
เธอดันประตูเข้าไป โม่โม่กำลังนั่งอยู่บนเครื่องนวดและมาสก์หน้าอยู่ เธอสวมชุดนอนสบาย ช่างทำเล็บนั่งอยู่ข้างไ กำลังทำเล็บให้เธออย่างตั้งใจ
“ผู้อำนวยการโม่” หลิวจื่อเวยยิ้มหวาน เดินไปตรงหน้าโม่โม่ “ซูเสี่ยวเฉิงมาแล้ว”
โม่โม่ลืมตาขึ้น สายตาตอนแรกที่ดูถูก กลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในพริบตา เธอลุกขึ้นช้าๆ ยิ้มให้กับซูเสี่ยวเฉิง
“เสี่ยวเฉิงเข้ามาสิ” โม่โม่ใช้มือที่ว่างอยู่กวักเรียกซูเสี่ยวเฉิง “มา เข้ามานั่งสิ”
โม่โม่พูดแล้ว ซูเสี่ยวเฉินก็เดินไปนั่งช้าๆ มองดูโจวหลินที่เทชาให้เธอด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง
“ไม่ต้องเกรงไป” โม่โม่เอาที่มาสก์หน้าออก “เป็นเพื่อนร่วมงานกัน จะเป็นเพื่อนกันก็ไม่แปลก”
ซูเสี่ยวเฉิงรู้ว่าโม่โม่ไม่เป็นเพื่อนกับเธอจริงจังหรอก เธอหาที่นั่งนั่งลง พูดเปิดประเด็นเลยว่า “ผู้อำนวยการโม่หาฉันมา มีธุระอะไรเหรอคะ?”
โม่โม่ยกแก้วชาขึ้นมาและยิ้มแย้ม
“ฉันว่า หลิวจื่อเวยน่าจะบอกเธอมาบ้างแล้วนะ เธอมาหาฉันก็ควรจะเลือกได้แล้วนี่ ใช่ไหม”
ซูเสี่ยวเฉิงลังเลจากนั้นก็พยักหน้า
“เรื่องของเธอกับชางหลิง ฉันก็รู้มาบ้างแล้ว และรู้สึกเสียดายแทนพวกเธอ อุตสาห์เป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกันขนาดนั้น” โม่โม่เม้มปาก พูดอย่างเชื่องช้าเรียบเฉย
“แต่ว่า นิสัยของชางหลิง เธอน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะ ถึงแม้หล่อนจะดูเหมือนเข้าหาง่าย แต่ว่า ในสายตาของหล่อนน่ะ มีแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น”
ซูเสี่ยวเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เธอไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”
“ถ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ทำไมหล่อนถึงไล่เธอออกมาล่ะ?” โม่โม่ถามเธอ “หรือว่าไม่ใช่เพราะเธอกระทบถึงผลการแข่งขันของหล่อนเหรอ ไปขัดต่อการเลื่อนตำแหน่งของหล่อน ดังนั้นถึงได้ทิ้งเธอไปแบบนี้ไง?”
ซูเสี่ยวเฉิงพูดไม่ออก
เธอกระทบการแข่งขันของชางหลิงจริง ทำผิดพลาดมาหลายต่อหลายครั้ง
“ที่จริงสิ่งที่เธอทำผิดก็แค่เรื่องเล็กๆ ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเธอแล้ว หล่อนไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ แต่ว่า ตอนนี้ข้างๆหล่อนมีโจวลี่ลี่ที่ทำได้ดีกว่าเธอ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
โม่โม่พูดอย่างเชื่องช้า คอยสังเกตสีหน้าของซูเสี่ยวเฉิง “ชางหลิงอยากชนะ ถ้าให้โจวลี่ลี่เป็นผู้ช่วยก็จะมีโอกาสชนะเยอะหน่อย เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป ไม่ใช่เหรอ?”
ซูเสี่ยวเฉิงนึกย้อนไปถึงวันนั้นที่โจวลี่ลี่พูดกับชางหลิง ก็อดไม่ได้กำหมัดแน่น
ตั้งแต่เล็กจนโต เธออยู่กับชางหลิงมาตลอด ทุกคนต่างก็พากันติดป้ายสัญลักษณ์บนตัวเธอว่า “เพื่อนสนิทของชางหลิง”
เธอไม่ฉลาดเหมือนชางหลิง เรื่องทุกอย่างก็มารู้ทีหลังทั้งหมด ผลการเรียนก็เทียบกับเธอไม่ติด โตขึ้นมาทำงานที่เซิ่งซื่อ แม้เธอจะพยายามคว้าโอกาสมามิลาน แต่สุดท้าย เธอก็ถูกตัดสิทธิ์ แต่ชางหลิง อยู่บ้านกลับได้สิทธิ์ไปมิลานอย่างง่ายดาย
“ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ตอนตัดสินแข่งขันการออกแบบของเซิ่งซื่อ ผลงานของชางหลิง ก็เป็นเธอที่ช่วยไปส่งใช่ไหม?” โม่โม่ถามเธอต่อ
ซูเสี่ยวเฉิงพยักหน้า
“ฉันเห็นผลงานเธอแล้ว ที่จริงความสามารถเธอก็ไม่เลวนะ แต่ว่าเวลากระชั้นชิดไปจึงทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าตั้งใจแก้ไขรายละเอียดการออกแบบดีๆ เลือกเนื้อผ้าดีๆ น่าจะเป็นผลงานดีเด่นได้ ก่อนหน้านี้ฉันยังแปลกใจ ต่อมาได้ยินเรื่องของชางหลิงก็เข้าใจแล้วล่ะ”
“เธอใช้เวลาของเธอ ไปทำเสื้อผ้าให้หล่อน ประสิทธิภาพผลงานตัวเองก็เลยเทียบไม่ติด” น้ำเสียงของโม่โม่เต็มไปด้วยความเสียดาย
“นั่นสิ” หลิวจื่อเวยพูดเสริมข้างๆ “ฉันว่านะ ถ้าเสี่ยวเฉิงใช้ความสามารถตัวเองทั้งหมด เธอก็มีสิทธิ์มาเข้าร่วมงานแฟชั่นวีคที่มิลานในฐานะดีไซเนอร์แน่นอน”
“จริงเหรอ?” ได้ยินคำพูดของพวกเธอ ซูเสี่ยวเฉิงก็เริ่มหวั่นไหว
“แน่นอนอยู่แล้ว” โม่โม่เน้นน้ำเสียงหนักขึ้น “ขอแค่เธอมีใจ สิ่งที่เธออยากได้ ฉันก็ให้เธอได้ทั้งนั้น”
ซูเสี่ยวเฉิงจ้องมองโม่โม่ ลังเลอยู่นานมาก สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจยาว
“ฉันต้องทำยังไง?”