ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 170 ฉันเชื่อฟังมาก

บทที่ 170 ฉันเชื่อฟังมาก

“ทำไม ไม่กล้าเหรอ” ชางหลิงจงใจยั่วยุเขา “ชีวิตของคุณคือชีวิต แล้วชีวิตของคนอื่นไม่ใช่ชีวิตหรือไง”

“เธอคิดอย่างนี้จริงเหรอ” โหมวยู่คลายมือและถามเธอ “เธอต้องการให้ฉันชดใช้ชีวิตให้โหมวยู่เหรอ”

“ใช่” ชางหลิงไม่ยอมแพ้ “ในใจฉัน คุณไม่ต่างจากฆาตกร คุณควรต้องชดใช้สิ่งที่ทำผิด”

โหมวยู่เงียบ

เขาจ้องมองชางหลิงเป็นเวลานาน เหมือนต้องการแกะสลักใบหน้าของเธอฝังลึกลงไปในจิตใจ

“คุณมองฉันทำไม” ชางหลิงไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามต่อ โหมวยู่ก็ดึงเธอเข้าไปแล้ว และจูบหนักลงบนริมฝีปากของเธอ

ในตอนนั้นเอง เมื่อริมฝีปากและฟันของคนสองคนพัวพันกัน ทันใดนั้นเธอก็ได้ลิ้มรสน้ำตา แต่เธอไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเธอไม่ได้ร้องไห้

“ปล่อย…” ชางหลิงดิ้นพร้อมกับผลักโหมวยู่

โหมวยู่คลายมือ เช็ดน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ

ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง ยังเอาเสื้อคลุมในมือบังคับใส่บนตัวชางหลิง และวินาทีถัดมา เขาเดินตรงไปที่ถนนโดยไม่หันหลังกลับ

กระแสคงที่ของไฟจราจรสว่างไสวในค่ำคืนที่มืดมิด เพราะการกระทำกะทันหันของโหมวยู่เสียงกรีดร้องจึงทยอยเกิดขึ้น

ชางหลิงเบิกตากว้าง มองดูโหมวยู่เดินไปหน้ารถโดยไม่ลังเล

ไม่อยากเชื่อว่าเขา ไม่อยากเชื่อจริงๆ…

เสียงแตรรถลากยาว แสงไฟสว่างส่องสูงขึ้นทันทีบนร่างโหมวยู่ ทำให้ร่างของเขาโดดเด่นอย่างยิ่งที่กลางถนน

ชางหลงวิ่งโซซัดโซเซไปยังทิศทางของโหมวยู่

“โหมวยู่!” ชางหลิงตื่นตระหนก มองรถที่มุ่งตรงเข้าใส่โหมวยู่ สมองของเธอไร้ซึ่งการคิดวิเคราะห์โดยสิ้นเชิง

โหมวยู่หันมา ยิ้มให้ครู่หนึ่ง แล้วล้วงมือในกระเป๋ากางเกง รอการมาเยือนของความตาย

“คุณกลับมานะ!” เสียงของชางหลิงแหบแห้งแล้ว ทว่าแสงเจิดจ้าเข้ามาพร้อมกับเสียงแตรรถกลบเสียงของเธอ เมื่อรถเบรกฉุกเฉิน ยางล้อรถที่เสียดสีกับพื้นพลันเกิดเสียงดัง

ชางหลิงถูกแสงบดบังสายตา เพียงชั่วพริบตา สองขาพลันอ่อนแรง ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

เป็นไปได้ยังไง…

เธอแค่พูดไปอย่างนั้นเอง เขาไปตายจริงๆ ทำไม…

ถ้าเขาตาย เธอควรทำยังไง เธอจะแบกรับการตายของเขาได้ยังไง ทำได้แค่ตามไปพร้อมกับเขาเท่านั้น

แต่ภาพโศกนาฏกรรมน่ากลัวที่จินตนาการในจิตใจยังไม่ทันปรากฏ ชางหลิงก็เงยหน้าขึ้น ท่ามกลางแสงเจิดจ้าของรถ ตัวโหมวยู่ยืนอยู่ข้างรถฝั่งหนึ่ง ห่างจากกระจกมองหลังของรถเพียงสิบเซนติเมตร

คนขับรถสีหน้าอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ใช้คำด่าทอในภาษาที่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่ชางหลิงเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น มีเพียงเสียงฝีเท้าของโหมวยู่เดินเข้ามาหาเธอเท่านั้นที่ดังชัดเจน

เขาไม่ตาย…

เขายังมีชีวิตอยู่

โหมวยู่เดินเข้ามาหาเธอ ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ บนใบหน้าประดับรอยยิ้ม “ฉันกลับมาแล้ว”

ชางหลิงอกสั่นขวัญหาย สองแขนของเธอตกลงพื้น ทั้งตกใจทั้งโกรธ คว้าหยิบเศษหิมะขึ้นมาขว้างใส่หน้าโหมวยู่

“คุณป่วยเหรอ” ชางหลิงส่งเสียงร้องไห้ลั่น “ฉันบอกให้คุณไปตายก็ไปตาย ถ้าคุณตายแล้วฉันจะทำยังไง”

โหมวยู่ไม่ได้หลบ ปล่อยให้เศษหิมะเย็นยะเยือกกระทบใบหน้าของเขา มันเย็นเล็กน้อย ทั้งยังเจ็บนิดหน่อย แต่ในใจเขากลับอบอุ่น

เขาดึงสองมือของชางหลิงมากุมไว้ในฝ่ามือตัวเอง

“ฉันเชื่อฟังมาก เธอบอกอะไร ฉันจะทำอย่างนั้น” น้ำเสียงของโหมวยู่ไม่ค่อยมั่นคง

ชางหลิงมองชายหนุ่มตรงหน้า แล้วยิ่งร้องไห้ดังขึ้นอีก

เธอดึงมือออกจากโหมวยู่ แล้วทุบที่ตัวเขาอย่างแรง “คนเลว ใครอยากให้คุณเชื่อฟัง!”

โหมวยู่ไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้กำปั้นของเธอทุบหน้าอกของเขา แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่น

“ฉันเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงให้เธอมีความสุข ฉันแค่อยากให้เธอเข้าใจ ว่าฉันอยากขอโทษจริง” โหมวยู่พูดด้วยความจริงใจ “เรื่องในตอนเริ่มต้น ที่จริงแล้วฉันอยู่ภายใต้ความกดดันถึงได้ตัดสินใจไปแบบนั้น เรื่องจดทะเบียนสมรสกับเธอและอุบัติเหตุของหยูเฉิน ทั้งหมดมันเกินกว่าที่ฉันความคาดหมายไว้”

มันอยู่เหนือการควบคุมของเขาจริงๆ ถ้าชางหลิงไม่บังเอิญไปอยู่ที่บาร์นั่น เขาจะไม่แต่งงานกับเธอเร็วขนาดนั้น เขาต้องการรอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อมเพื่อให้เธอมีอนาคตที่สดใสก่อนที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างเป็นทางการ

แต่เขากลัวมาก กลัวว่าผู้หญิงที่อยู่ในความคิดคำนึงมาหลายปีจะถูกคนอื่นแย่งไปก่อน ให้ตัวเองต้องมาเสียใจในตอนที่สายไปแล้ว

ชางหลิงดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา เขามองชายหนุ่มตรงหน้า รู้สึกเพียงว่าทุกสิ่งเป็นภาพลวงตา

เรื่องเกิดขึ้นแล้ว เธอไม่รู้ว่าควรจะโทษใคร ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนมีความผิด ทั้งดูเหมือนว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์

“หลิงเอ๋อ ยกโทษให้ฉันได้ไหม” เป็นครั้งแรกที่โหมวยู่พูดด้วยน้ำเสียงต่ำกับใครสักคน

หนึ่งวันสองคืนที่นั่งกระสับกระส่าย ทั้งหมดที่อยู่ในห้วงความคิดคือดวงตาที่แน่วแน่ของชางหลิงในตอนที่เธอจากไป

ทันทีที่คิดว่าชางหลิงอาจจะเลิกกับขา หัวใจของเขาก็เจ็บปวดเกินกว่าจะหายใจได้

ชางหลิงก้มหน้า ไม่พูดอะไรเลย

ถ้าโหมวยู่ทำเรื่องที่ต้องขอโทษเพียงแค่ตัวเธอเอง บางทีเธออาจจะไม่ลังเลที่จะให้อภัย แต่ระหว่างพวกเขาคือการตายของหยูเฉิน เรื่องนี้ เหมือนอ่าวที่เธอไม่สามารถข้ามผ่านได้ และมันเหือดแห้งเกินกว่าที่เธอจะทนรับไหว

“หยูเฉินตายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเราจะทรมานตัวเองยังไง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาฟื้นขึ้นมา ฉันให้สัญญากับเธอ ฉันจะนำฆาตกรมาลงโทษให้ได้ และจะอยู่กับเธอ พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยให้ครอบครัวของเขา” โหมวยู่น้ำเสียงเจือการอ้อนวอน

ชางหลิงผละออกจากอ้อมแขนของเขา หลังจากเงียบอยู่เป็นเวลานาน

“ฉันต้องการเวลา” เธอเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน

เธอไม่สามารถตอบได้ทันทีในเวลาอันสั้น ต่อให้ตอนนี้บังคับตัวเองให้อภัย เรื่องนี้มันก็จะกลายเป็นหนามในจิตใจของเธอในอนาคตต่อจากนี้ แค่ลมบางเบาพัดต้นหญ้าขยับเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เธอเกิดความเจ็บปวดได้

“ได้” โหมวยู่ไม่ได้บังคับ เขาลุกขึ้นยืนตาม “ฉันจะรอเธอ”

“คืนวันมะรืน หลังจากการแข่งขันเธอจบลง พวกเราออกไปเที่ยวด้วยกันนะ” โหมวยู่มีร่องรอยแห่งท่าทีของการประจบเอาใจ

ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมอง อย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันแบบนี้ คุณชายรองโหมวที่เป็นคนเด็ดขาดและแน่วแน่ จะมาอ่อนน้อมถ่อมตนตรงหน้าเธอ

ดวงตาของเขายังคงลึกล้ำ แต่ประกายตาท่ามกลางความมืดมิด ทั้งดวงตาเป็นใบหน้าของเธอ

——

ชางหลิงฝันแปลกประหลาดทั้งคืน

อันดับแรกเป็นการตายของหยูเฉินที่ฉายวนในความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นหลีซินและเมิ่งเคอที่เลือดเต็มตัวก็นอนอยู่ข้างเธอ ต่อมาก็ถึงคราวซูเสี่ยวเฉิง

กระทั่งสุดท้าย สิ่งที่ดึงดูดสู่สายตาเธอ เป็นเลือดบนหลังของโหมวยู่ที่ถูกตีด้วยแส้ เขาหันหลังให้เธอ อดทนต่อความเจ็บปวดโดยไม่ยอมส่งเสียง

ทุกคนรอบตัวเธอ ล้วนประสบกับความเจ็บปวด และเธอทำอะไรไม่ได้เลย

ชางหลิงตกใจตื่น

เหงื่อเย็นโทรมกาย มองดูแสงที่ส่องผ่านผ้าม่าน จากความฝันก้าวสู่ความเป็นจริงช้าๆ

ดูแบบนี้แล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่าง

ชางหลิงพลิกตัวลุกขึ้น ลงจากเตียงแล้วตรงออกประตูไป

โจวลี่ลี่ได้รับข้อความของเธอ รออยู่ที่สวนก่อนแล้ว ชางหลิงนำสิ่งที่เตรียมมาส่งให้กับมือเธอ

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท