ชางหลิงอึ้งพูดไม่ออก
ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับความต่ำช้าของเจสัน ยังต้องตะลึงกับความน้ำนิ่งไหลลึกของป๋ายจื๋อ
“นาย……นายแอบแฮกคอมของทางผู้จัดเหรอ?” ชางหลิงอึ้งอยู่นานกว่าจะรู้ตัว
“ระบบการป้องกันของพวกเขาทำได้ไม่ค่อยดี เลยเข้าไปได้ง่ายน่ะ” ป๋ายจื๋อไม่ถ่อมตัวเลย
“ไม่ ไม่ใช่……” ชางหลิงมึน “นายมีความสามารถนี้ ยังมาเป็นนายแบบอีกทำไม ไปเป็นแฮกเกอร์ไม่ดีกว่าเหรอ?”
ป๋ายจื๋อเอียงหัว ทำสีหน้าทะเล้น “ฉันหล่อเลยเป็นนายแบบได้”
โอเค!
ชางหลิงก็ไม่เข้าใจตรรกะของเขาเหมือนกัน
“งั้นตอนนี้พวกเราทำยังไงกันดี? เดี๋ยวก็จะเริ่มแล้ว” ชางหลิงถาม
“ฉันแก้ไขระบบให้เป็นปกติแล้ว” ป๋ายจื๋อตอบ
ชางหลิงก็ต้องตกใจอีกครั้ง แต่ต่อมา ก็ทำหน้าบึ้งตึง “ไม่บอกก่อน ถ้ารู้ว่านายมีความสามารถระดับเทพแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องเสียเวลา”
ป๋ายจื๋อมึนงง “อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” ชางหลิงแลบลิ้น “แต่ว่า ทำไมนายถึงอยากแฮกเข้าคอมพวกเขาล่ะ?”
“การแข่งขันวันก่อน มีคนเจตนาร้าย ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง” ป๋ายจื๋อเคาะแป้นพิมพ์อีกครั้ง ก็มีวิดีโอเด้งขึ้นมาบนจอ “ประวัติกล้องวงจรปิดในสนามแข่งเคยถูกคนลบออก แต่ฉันกู้พวกมันกลับมาได้แล้ว พวกนี้ เป็นวิดีโอกล้องวงจรปิดของการแข่งขันรอบก่อนๆ”
ชางหลิงฟังหูไว้หู เธอกดเปิดออกมาหนึ่งวิดีโอ บนจอมีคนเดินไปมา พอจ้องมองดีๆแล้ว กลับเป็นพนักงานคนหนึ่งในนั้น ในมือเธอถือไขควง ทำอะไรกับเสื้อผ้าและรองเท้าของเมิ่งเคอที่ในตอนแรกต้องใส่
หล่อนหักรองเท้าส้นสูงออก ใช้กาวน้ำติดเข้าไป ดูแล้วไม่ต่างจากเดิมเลย ถ้าใส่มันแล้วเดินละก็ คงได้หกล้มในไม่กี่ก้าว
“จริงเลย……” ชางหลิงตรวจดูกล้องวงจรปิด แต่กล้องวงจรตรงจุดสำคัญก็มักจะถูกหลงลืม ทางผู้จัดก็บอกว่าระบบกล้องวงจรมีปัญหา ที่แท้ก็มีคนตั้งใจลบนี่เอง
เสียงประกาศดังขึ้นมา ถึงเวลาที่นายแบบต้องเข้างานแล้ว ป๋ายจื๋อลุกขึ้น เขาจัดเสื้อผ้าตัวเองและเดินออกไปด้านนอก
“ป๋ายจื๋อ” ชางหลิงเรียกเขาเอาไว้
เรื่องทุกอย่างซับซ้อนขึ้นมาเรื่อยๆ ป๋ายจื๋อเป็นถึงแฮกเกอร์ แต่คนเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงมาเป็นนายแบบให้กับเธอล่ะ?
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันทำได้แน่” ป๋ายจื๋อหันหน้าไปจ้องหน้าเธอและพูด
แฮกเกอร์ที่มีฝีมือดีเลิศขนาดนี้ ภายในโลกที่มีแต่อินเทอร์เน็ต ถ้ามีความคิดนั้นจริง สามารถทำให้คนคนหนึ่งตายได้อย่างง่ายดาย แล้วยังถอนตัวออกมาได้แบบไม่ถูกจับได้
แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากช่วยเธอ?
ป๋ายจื๋อก้าวเดินต่อไป ไม่นานก็หายไปจากตรงหน้าของเธอ ต่อมานักเดินแบบคนอื่นๆก็เดินไปรอในเขตที่พัก
ชางหลิงพ่นลมหายไปออกไปยาวๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็ต้องปล่อยเอาไว้ก่อน เพราะยังไง เธอกำลังจะได้เห็นอีกฉากใหญ่
เธอสงบสติอารมณ์และไปในเขตที่นั่งของดีไซเนอร์ เจสันมาถึงแล้ว พอเห็นว่าชางหลิงมา เขาก็เอียงหน้าและยิ้มอ่อนๆให้กับเธอ
ไม่รู้ว่าทำไม ชางหลิงเห็นมีอะไรมากมายแอบแฝงในรอยยิ้มนี้ เขาไม่เหมือนแต่ก่อนที่เอาแต่ดูถูก แต่กลับมีความเด็ดเดี่ยว
ชางหลิงยิ้มตอบเขาไปทีหนึ่ง ยกนิ้วโป้งขึ้นมา กดไลก์ให้กับเขา
ลงมือกับเครื่องทำน้ำแข็งแห้ง เป็นคนฉลาดจริงๆ
เจสันรู้สึกไม่ปลอดภัยกับท่าทางของเธอ เลยหุบยิ้มแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็นั่งตัวตรงและมองไปตรงหน้า
การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ชางหลิงมองขึ้นไปบนเวที ในที่สุด ในตอนที่เสียงดนตรีเปลี่ยนไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เสียงบรรเลงดนตรีจีนอันไพเราะก็ได้ดังขึ้นมา
ป๋ายจื๋อยืนอยู่บนเวที ผลงานในครั้งนี้ เป็นชุดคลุมสีขาวผู้ชายในราชวงศ์ฮั่น ภายใต้หมอกควันทั้งหลาย รูปร่างอันสูงโปร่งของเขา พอเดินออกมาก็ดึงดูดสายตาของสาวสวยมากมาย
เจสันนั่งตัวตรง จ้องมองเครื่องทำน้ำแข็งแห้งบนเวทีอย่างไม่ละสายตา
ในที่สุด ควันสีขาวก็ปกปิดป๋ายจื๋อได้สนิท เขากำหมัดไว้และหลับตาลง
แต่เสียงกรีดร้องที่คิดไว้ไม่ดังขึ้นมา ป๋ายจื๋อเดินออกมาจากควันโขมงนั้นได้อย่างง่ายดาย เหมือนเทพบุตรที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ เดินไปตรงกลางเวทีทีละก้าวๆ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้……เจสันเริ่มเสียอาการ
เห็นได้ชัดว่าเขานั่งไม่อยู่แล้ว มองดูป๋ายจื๋อเดินมาสุดเวทีและแสดงชุดบนร่างกายได้อย่างเต็มที่แล้ว ก็เดินกลับเข้าไปอย่างพลิ้วสง่า
เครื่องทำน้ำแข็งแห้งไม่มีปัญหา……เจสันอึ้งไปชั่วขณะ เขาหันกลับไปช้าๆ เห็นสายตาของชางหลิงพอดี
ชางหลิงกระตุกยิ้มมุมปาก เธอเลิกคิ้วขึ้น ยกมือขึ้นส่งมินิฮาร์ทให้กับเจสันด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าเจสันเปลี่ยนไปทันที สายตาเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เขาคิดว่าเรื่องในครั้งนี้สมบูรณ์แล้วนะ ถึงจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น สุดท้ายก็ต้องโทษที่เครื่องทำงานผิดพลาด ชางหลิงจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำอะไรกับเครื่องนั้น?
เทียบกันแล้ว ชางหลิงดูใจเย็นมาก เพราะยังไง ละครที่เธอกำกับนั้น ยังไม่ฉายในตอนนี้
หลังจากป๋ายจื๋อสามคนก็คือนายแบบของเจสัน ครั้งนี้ชุดของเขามีสีขาวเป็นตัวนำ นายแบบเดินขึ้นบนเวที ผ่านเครื่องทำน้ำแข็งแห้งไปได้อย่างง่ายดาย ต่อมาก็เดินไปตรงหน้าช้าๆ
เพราะเป็นฤดูหนาว ในห้องก็จึงเปิดระบบทำความร้อน โดยเฉพาะตรงหน้าเวที ด้านบนตรงกลางนั้นเป็นช่องระบายอากาศของเครื่องปรับอากาศตรงกลางพอดี แม้ในงานจะมีน้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งด้านหลังก็ไม่กระทบถึงอุณหภูมิบนเวทีเลย และขอแค่นายแบบหยุดยืนอยู่ตรงช่องระบายนั้นสักสิบวินาทีขึ้นไป……
ชางหลิงกลั้นหายใจไว้
สิบ เก้า แปด เจ็ด……
ผู้คนร้องออกมาอย่างตกใจ ชางหลิงหัวใจเต้นตึกตักอย่างรวดเร็ว สายตาเธอมองไปที่บนเวที นายแบบยืนอยู่ตรงช่องระบายอากาศแล้ว และในตอนนี้เอง เสื้อผ้าสีขาวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีอื่น เสื้อสีขาวบริสุทธิ์มีสีอื่นๆเข้าไปทับไว้ บนไหล่ ด้านหลัง ต่างก็เสียหายไปทั้งหมด
เจสันนั่งตัวตรง เขามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีอย่างไม่อยากจะเชื่อ การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ทำเอาเขาไม่ทันตั้งตัว
นายแบบเห็นปฏิกิริยาด้านล่างเวที ก็อึ้งไปสักพัก เขามองไปตามสายตาของทุกคน ก็ถึงเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวของเขาเละเทะไปหมดแล้ว ก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา ยืนอยู่บนเวทีนิ่งจนลืมไปว่าควรจะเดินกลับยังไง
เจสันใจร้อนมาก ไม่สนใจว่ายังมีการแข่งขันอยู่ เขารีบตะโกนขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว นายแบบเหมือนตื่นจากฝัน และรีบออกจากเหตุการณ์นั้นทันที
และรอเขาเดินไปที่เครื่องทำน้ำแข็งแห้งใหม่ สีบนตัวก็ถอยออกไปช้าๆ สุดท้าย ก็กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์อีกครั้ง ทุกคนมองอย่างตกตะลึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังขึ้นมา
ชางหลิงใจเย็นลงเรื่อยๆ เธอนั่งตัวตรงมองไปทางเจสัน
ในตอนนี้เอง เขาก็กำลังจ้องเธออย่างดุร้าย ท่าทางเหมือนอยากจะจับเธอกินเดี๋ยวนี้เลย