การกระทำของชางหลิงทำเอาทุกคนตะลึง เพราะยังไง ถ้ามีผู้ชายทั้งหล่อทั้งรวย และยังยอมทำขนาดนี้เพื่อผู้หญิงที่ตนรัก ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถปฏิเสธเขาได้จริงๆ
ขนาดโหมวยู่ยังคิดไม่ถึงว่าชางหลิงจะทำแบบนี้
“เธอว่าอะไรนะ?” โหมวยู่ถามเธอ
“ฉันว่า นายอย่าฝันไปเลย” ชางหลิงมองเขานิ่งๆ “นายคงไม่ได้คิดว่านายซื้อดอกไม้พวกนี้มา เล่นละครตบตาฉัน ฉันก็จะยกโทษกับสิ่งที่นายทำกับฉันงั้นเหรอ”
โหมวยู่มองดูแหวนที่ตกอยู่บนพื้นวงนั้น อึ้งจนพูดอะไรไม่ได้ออก
“ชีวิตหยูเฉินคั่นกลางระหว่างพวกเรา นายจะให้ฉันยกโทษให้นายยังไง? ขอแต่งงาน? ยังจะรับหน้าที่แทนหยูเฉินอีก? คำพูดแบบนี้นายยังกล้าพูดออกมาได้อีกนะ?” ชางหลิงหัวเราะ มองดูสีหน้าที่เจ็บปวดใจของโหมวยู่ ในใจกลับเจ็บปวดเหมือนถูกกรรไกรตัดจนฉีกขาด
“เธอยังไม่ลืมสินะ……” โหมวยู่ลุกขึ้นช้าๆ
“ใช่” ชางหลิงมองดูท่าทีของเขาและยกสายตาขึ้นตาม “ฉันไม่มีวันลืมได้!”
“นายควบคุมชีวิตฉันได้ทุกครั้ง ขนาดฉันเลิกเมื่อไหร่จะแต่งงานเมื่อไหร่ก็คิดมากอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะให้ฉันเผชิญหน้ากับนายต่อไปได้ยังไง” ชางหลิงเงยหน้าขึ้น
“โหมวยู่ นายรู้ไหมฉันเกลียดอะไรมากที่สุด? การทรยศ การหลอกลวงและการทอดทิ้ง ถึงแม้นายจะทำทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับฉัน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะอภัยให้นายได้”
“ดังนั้น……” โหมวยู่ก้มหน้าลงอย่างเสียใจ
“ดังนั้น ฉันไม่ยอมรับการขอแต่งงานของนาย” ชางหลิงหัวเราะ เธอขยับเข้าไปใกล้เขา พูดเสียงเบา “พอกลับประเทศ พวกเราก็ไปทำเรื่องหย่ากัน”
โหมวยู่มีสีหน้าตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาขมวดคิ้วเป็นปม เหมือนฟังไม่ชัดว่าชางหลิงพูดอะไร
ผู้คคนต่างพากันซุบซิบ ทุกคนกำลังเดาการกระทำของชางหลิงและโหมวยู่ โหมวฉี่นั่งอยู่บนรถเข็น รอยยิ้มก็ดูชัดเจนมากขึ้น สองมือเขาประสานกัน นิ้วโป้งสองข้างก็เกี่ยวกันอยู่อย่างนั้น
ชางหลิงมองรอบๆหมู่ผู้คนอีกรอบ สุดท้ายก็ย้อนกลับมาที่ตัวโหมวยู่อีกครั้ง
“พวกเราไม่เหมาะสมกัน” ชางหลิงก้มหน้าลง “ตอนแรกฉันคิดว่าฉันหาคู่ชีวิตได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ แต่ตอนนี้ นายก็เห็นแล้ว ชีวิตแบบนี้ ไม่ใช่ชีวิตที่ฉันต้องการเลย”
“เธอชอบเงินไม่ใช่เหรอ? อยากเป็นดีไซเนอร์มือทองของเซิ่งซื่อไม่ใช่เหรอ? ยังมีของที่เธอเขียนไว้ในใบหนี้อีก ฉันให้เธอได้หมดเลยนะ พวกนี้ยังไม่พอเหรอ?” โหมวยู่ไม่วางมาดอะไรอีกต่อไป
“ชางหลิง เธอก็รู้ ฉันง้อผู้หญิงไม่เป็นจริงๆ ฉัน……”
“ฉันสนิทกับนายมากเหรอ?” ชางหลิงถามเขา “พูดมาแล้ว ก็แค่ไม่กี่เดือนเอง”
ชางหลิงยิ้มอย่างเจ็บปวด “แต่ในไม่กี่เดือนนี้ ฉันกลับเผชิญประสบการณ์ที่ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่มีทางลืมมันไปได้ ความรัก ครอบครัว ทุกอย่างพังทลายลงก็เพราะนาย ตอนนี้เลือกนายแล้ว ทุกวันฉันต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาแค่ไหนนายเคยรู้บ้างไหม? โหมวยู่ นายบอกว่าจะปกป้องฉัน แต่นายทำได้แล้วเหรอ? ถ้าง่ายเหมือนที่นายพูดจริง ฉันแค่เดินไปด้านหน้าก็พอแล้ว นายช่วยฉันแก้ไขเรื่องทำหมดแล้ว ทำไมตอนนี้ฉันยังรู้สึกหัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้ล่ะ?”
“การที่ได้ครอบครองนาย แต่กลับเป็นศัตรูทั้งโลกแบบนี้ นายอยากได้ชีวิตแบบนี้จริงเหรอ?”
โหมวยู่พูดขึ้นอย่างยากลำบาก “ฉันว่า ขอแค่ได้มีเธอก็พอแล้ว ฉันยอมเป็นศัตรูกับทั้งโลก”
“ฉันไม่อยาก” ชางหลิงปฏิเสธเขาตรงๆ “ฉันแค่อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ครอบครัวกลมเกลียว การงานราบรื่น ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่น่าเสียดาย นายทำไม่ได้”
นอกจากโม่โม่แล้ว ยังมีโม่เจิ้งถิง และยังมีอันตรายมากมายที่ซ่อนตัวเอาไว้ พวกเขาต่างกั้นอยู่ระหว่างเขาสองคน ขัดขวางทางเดินของพวกเขานับไม่ถ้วน
เสียงเศร้าของทุกคนต่างชัดขึ้นมาเรื่อยๆ โหมวยู่สองมือลดลง กลีบดอกไม้ในช่อก็ตกลงไปตามท่าทีของเขา เขาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่มืดมน
“ฉันทำแบบนี้ครั้งแรก เพราะฉินซางบอกว่าผู้หญิงชอบดอกไม้ ชอบความโรแมนติก แต่ว่า……” โหมวยู่เงยหน้ามองเธอ “เธอไม่ควรปฏิเสธฉัน”
ชางหลิงเลิกคิ้วขึ้น
“ฉันอยากได้การยกโทษจากเธอ อยากให้ชีวิตภายหลังของพวกเราราบรื่นหน่อย แต่เธอก็รู้ ถึงแม้เธอจะไม่ยกโทษให้ฉัน เธอก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก” น้ำเสียงของโหมวยู่ดุร้ายขึ้นมา
ชางหลิงตะลึง
คำพูดที่เธอพูดไปเมื่อกี้ แม้โม่โม่จะจับตัวซูเสี่ยวเฉิงไว้เพื่อบังคับให้เธอพูด แต่ส่วนมากก็เป็นคำพูดในใจของเธอ อย่างน้อย ตอนที่เธอโกรธโหมวยู่ในใจก็คิดแบบนี้จริงๆ
แต่ตอนนี้……โหมวยู่อ่อนข้อไม่ได้ก็มาแข็งข้องั้นเหรอ?
“นายหมายความว่ายังไง?” ชางหลิงถามเขา
ใบหน้าของโหมวยู่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แทบจะครอบตัวชางหลิงแล้ว “ไม่เข้าใจเหรอ?”
“เธอจดทะเบียนสมรสกับฉันแล้ว” โหมวยู่มองด้วยสายตาเย็นชา “ฉันน่ะเป็นคนหัวรั้น มีแต่อีกฝ่ายต้องตายไปก่อน ไม่มีการหย่า”
ชางหลิงตกใจกับสายตาของโหมวยู่ และรีบถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว
โหมวยู่โกรธกับคำพูดของเธอแล้วจริงๆเหรอ? แต่สายตาของเขา และอารมณ์บนตัวเขา มันน่ากลัวมากจริงๆ
“ถ้าฉันอยากหย่า นายยังจะลักพาตัวฉันได้เหรอ?” ชางหลิงพูดเสียงสั่น
“ถ้าทำแบบนี้สามารถให้เธออยู่กับฉันได้ อย่าถ้าแต่ลักพาตัวเลย ถึงต้องขังเธอไว้ในห้องลับตลอดชีวิต ฉันก็ทำได้” น้ำเสียงของโหมวยู่เหมือนจะไม่ได้ล้อเล่น
ชางหลิงอึ้ง เธอมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด มองดูความโหดร้ายระหว่างคิ้วของเขา ก็ถึงรู้สึกตัวได้
เขาเป็นถึงโหมวยู่เลยนะ คุณชายตระกูลโหมวแห่งเมืองหนาน เธอเอาแต่ใจต่อหน้าเขาแบบนี้ได้ ก็เพียงเพราะเขาชอบเธอและเขาแตะต้องผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ แต่ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังคงเป็น “ยมทูตเย็นชา” ที่น่ากลัวคนนั้น
“อะยู่” เสียงอ่อนโยนของผู้ชายดังขึ้นมา ตัดบรรยากาศตึงเครียดของทั้งสองไปก่อน
เซียวฉู่เข็นโหมวฉี่ออกมาจากหมู่ผู้คน รถเข็นเหยียบดอกไม้พวกนั้นเข้าไป เหลือร่องรอยเล็กๆน้อยๆเอาไว้
“แตงที่ฝืนเด็ดจากต้น ย่อมไม่หวาน นายทำแบบนี้ ก็ทำชื่อเสียงเซิ่งซื่อพังน่ะสิ?” โหมวฉี่พูดเสียงเบา แต่กลับหัวเราะได้อย่างน่าหมั่นไส้
สายตาของโหมวยู่มองไป ชายทั้งสองสบตากัน เหมือนกับไฟฟ้าช็อต