ผู้ชายตรงหน้านั้น กว่าที่เธอจะได้ยืนอยู่เคียงข้างเขาอย่างใกล้ชิดสนิทแน่นแฟ้นขนาดนี้ได้นั้นเธอต้องประสบกับอุปสรรคมาตั้งมากมายและจากนี้ไป เธอก็จะมีความสนิทสนมกับเขาอย่างมาก
ไม่ว่าจะทั้งความซาบซึ้งใจความอยากรู้อยากเห็น ความเคารพเลื่อมใส และความชื่นชอบ…
แต่สิ่งเหล่านั้นมันไม่นับว่าเป็นความรักหรอก
ดังนั้น ทุกครั้งที่ต้องประสบกับความล้มเหลวและความยากลำบากเธอมักจะละทิ้งเขาก่อนเสมอ โดยไม่ทันได้คิดอะไรเลย เพราะบางทีการที่เธอจะผ่านมันไปด้วยตัวเองคงจะดีกว่า และถ้าจะต้องแยกจากกันก็ไม่เป็นไรหรอก
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เธอปฏิเสธเขาต่อหน้าผู้คนมากมายนั้น เธอก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า หัวใจของเธอมันเจ็บปวดมากแค่ไหน
ดังนั้น ต่อให้เธอจะไม่ยอมรับยังไงก็ตาม เธอก็ต้องยอมรับกับความจริงนี้ให้ได้
เพราะเธอตกหลุมรักเขาสะแล้ว
“ อืม…” น้ำเสียงชางหลิงเบาอย่างมาก
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” โหมวยู่โอบเธอไว้แน่นขึ้น และหยอกล้อเธออย่างตั้งใจ “ผมไม่ได้ยินอะไรเลย”
ชางหลิงส่งเสียงหัวเราะอย่างเซ่อ เธอยืนเขย่งเท้า และจูบไปที่คางของโหมวยู่ทีหนึ่ง
“ก็ถือว่ายอมรับก็ได้” ท่าทีของเธอโอ้อวดเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกอยากอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนนี้ไปจนแก่เฒ่าเพราะความรู้สึกที่รอดพ้นจากภัยพิบัติและหนทางข้างหน้าที่ราบเรียบกว้างใหญ่ ทำให้หัวใจของเธอได้รับการผ่อนคลายอย่างที่สุด
สายตาของโหมวยู่ค่อยๆ รุ่มร้อนขึ้น เขากดหัวของชางหลิงลง แล้วกำลังจะจูบ แต่ชางหลิงกลับยื่นมือออกมากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว
“แล้วแหวนวงนั้นคุณเก็บแล้วหรือยัง?” เพราะนั่นเป็นเพชรเม็ดใหญ่อย่างดีเลยนะ และโหมวยู่ก็คงไม่เหลือขอแบบนั้นหรอก
“ไม่นิ” โหมวยู่อุ้มเธอขึ้นมา จากนั้นเขาก็หันตัวกลับมา แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงบนเตียง “คุณน่ะไม่เชื่อฟังเอาสะเลย งั้นคุณก็หาเงินซื้อแหวนแต่งงานเองก็แล้วกันนะ”
ชางหลิงมองบน คนอะไรกันเนี้ย! มันมีเหตุผลที่ว่าให้ผู้หญิงหาเงินซื้อแหวนแต่งงานที่ไหนกันล่ะ?
กำลังจะโต้กลับแต่มือของโหมวยู่กลับสอดเข้าไปใต้ผ้าเช็ดตัวแล้ว
“นี่คุณ คุณกำลังทำอะไรน่ะ?” แม้ว่าจะเคยทำหลายครั้งแล้วแต่ชางหลิงยังคงรู้สึกเขินอาย เธอจึงหยุดการกระทำของโหมวยู่อย่างรวดเร็ว แต่ความแข็งแกร่งของผู้ชายนั้นมันกลับเกินความสามารถที่จะไปห้ามของเธอ
อุณหภูมิความร้อนในร่างกายของโหมวยู่เพิ่มขึ้นมา และชางหลิงที่ถูกกั้นไว้ด้วยเสื้อผ้าก็สามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนบนตัวของเขาซึ่งก็คาดว่ามันก็เป็นเวลานานแล้วที่ทั้งสองไม่ได้รักใคร่แนบชิดกัน แบบนี้เพราะนับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงมิลานพวกเขาก็เอาแต่ถูกกลั่นแกล้งไปกลั่นแกล้งมาเพราะเรื่องต่างๆ
“คุณภรรยาครับ” แค่ครู่เดียวน้ำเสียงของโหมวยู่ก็อ่อนโยนขึ้นมาทันที “ให้ผมทีนะครับ”
ใบหน้าของชางหลิงแดงจนเหมือนกับผลแอปเปิลที่สุกงอมแล้ว
เธอจ้องไปที่โหมวยู่ที่กำลังจ้องมองตัวเธออย่างไม่กะพริบตาบนตัวเธอแล้ว ทำไมแค่ครู่เดียวไอ้ผู้ชายที่ออดอ้อนคนนี้กลับยั่วเย้าคนได้ขนาดนี้ และด้วยท่าทีที่อ่อนโยนขนาดนั้น ก็ทำให้เธอไม่สามารถพูดปฏิเสธได้เลยจริงๆ
“งั้นคุณต้องสัญญากับฉันเรื่องหนึ่งก่อน” ชางหลิงยังคงจับผ้าเช็ดตัวไว้อย่างแน่นหนาเพราะไม่อยากให้เขาทำสำเร็จได้ง่ายขนาดนั้น
“งั้นก็พูดมาสิ” โหมวยู่ตอบกลับ
“ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้ปิดบังฉัน” ชางหลิงพูดกับเขาอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรแค่มันเกี่ยวข้องกับฉัน จะต้องปรึกษากับฉันก่อน”
เพราะเธอเกลียดการที่ตัวเองต้องถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ถูกควบคุมอย่างตามใจชอบ ซึ่งแม้แต่ตัวโหมวยู่ก็ไม่เว้น
“ได้” โหมวยู่ก็ตอบเธอไปอย่างจริงจังเช่นกัน
เขาจิกหน้าชางหลิงเบาๆ ทีหนึ่งและจ้องเธออย่างจริงจัง “ตราบใดที่คุณอยู่เคียงข้างผมไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็สามารถรับปากกับคุณได้ทั้งนั้น”
เมื่อชางหลิงได้ยินคำพูดของโหมวยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเหมือนมันมีเมล็ดพันธุ์ค่อยๆ งอกขึ้นมาอย่างช้าๆ
นี่คือโหมวยู่นะโหมวยู่ที่ยอดเยี่ยมและโอหังอวดดี แต่กลับพูดกับเธอว่าตราบใดที่เธออยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถสัญญากับเธอได้ทั้งนั้น
เธอไม่ได้เป็นคนดีและไม่ได้เป็นคนมีความสามารถอะไรด้วย แต่เธอกลับได้รับความรักทั้งหมดของเขา และทำให้เขาต่ำต้อยถึงจุดนี้
ชางหลิงประคองหัวของเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วจูบไปอย่างดุเดือด โดยฉวยโอกาสในขณะที่โหมวยู่ กำลังผ่อนคลายอยู่นั้น พลิกตัว แล้วกดเขาลงบนเตียง พร้อมกับเข้ายึดความได้เปรียบ
ชางหลิงไม่ค่อยเป็นฝ่ายรุกเท่าไหร่แต่เธอแค่เรียนรู้จากการกระทำก่อนหน้าของโหมวยู่ แล้วพวกเขาก็แนบตัวติดกันอย่างใกล้ชิด และเธอก็กดมือของเขาไว้ทั้งสองด้านพร้อมกับเลียริมฝีปากของเขาอย่างกับลูกแมวโดยเลียผ่านติ่งหูและคางและสุดท้าย ก็หยุดอยู่ที่คอของเขา
บนตัวเขามีกลิ่นที่หอมมาก ซึ่งกลิ่นแบบนี้ ไม่ใช่น้ำหอม และก็ไม่เหมือนครีมอาบน้ำหรือน้ำยาซักผ้าเลย แต่คล้ายกับว่าจะหอมมาจากผิวของเขาเมื่อเธอดมแล้วก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
ชางหลิงดมกลิ่นของเขาอย่างละโมบโลภเธอดูดผิวของเขาเหมือนกับเด็กทารกอย่างไงอย่างงั้นเลย ซึ่งเธอก็ตั้งใจทิ้งรอยแดงไว้ทีละจุด
ในเมื่อทุกคนต่างก็รู้เรื่องของเธอและโหมวยู่แล้วและตอนนี้โม่โม่ก็ถูกปราบให้แพ้แล้ว ส่วนโหมวเจิ้งถิงก็อยู่ห่างไกลออกไปที่จีน แล้วเธอจะไปกลัวอะไรล่ะ?
ผู้ชายของตัวเองตอนนี้เขาเองยังไม่เหลาะแหละอย่างกล้าหาญเลยแล้วยังต้องรอเมื่อไหร่กันเนี้ย?
แค่………
การหายใจของชางหลิงค่อยๆ คงที่ เพราะกลิ่นบนตัวโหมวยู่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเกินไปและระยะนี้ เธอก็ไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่มาพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเมื่อคืนเธอก็ยังไม่ได้หลับทั้งคืนด้วย ดังนั้นเธอจึงง่วงอย่างมาก
โหมวยู่ที่กำลังรอคอยการกระทำต่อไปของเธออย่างรอคอยด้วยความพึงพอใจ สิ่งเล็กๆ นี้ มันช่างยั่วเย้าคนเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากดูการแสดงความสามารถของเธอ เขาก็คงจะลงมือทำเองตั้งนานแล้ว
แต่ทำไมมันถึงดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่เป็นไปตามทิศทางที่เขาจินตนาการไว้เลย?
“เฮ้ย”เขารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนตัวเขาเหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวไปสะแล้ว ตัวโหมวยู่ก็ขยับ
ไม่ตอบสนองกลับใดๆ
โหมวยู่ดึงมือของเขาออกจากชางหลิงเขาสะกิดหลังของเธอ แต่สิ่งที่เขาได้รับ กลับเป็นเสียงลมหายใจที่คงที่
เรื่องอะไรกันเนี้ย?
หน้าโหมวยู่มืดครึ้มลงทันทีเธอยั่วเขาจนไม่สามารถหยุดได้ และผลคือทำให้ตัวเธอเองหลับไปเหรอ?
หลับ! ไป! แล้วเหรอ!
โหมวยู่อุ้มชางหลิงขึ้นมาอย่างจนปัญญาแล้วให้เธอนอนบนเตียงและผู้หญิงที่กำลังหลับใหลก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะถูกรบกวนและปากของเธอก็กระดกขึ้นแล้วแสดงอาการไม่พอใจ
โหมวยู่ยกหัวเธอขึ้นด้วยมือข้างเดียวและชื่นชมใบหน้าที่หลับใหลของเธออย่างใกล้ชิด
“เมื่อคุณหลับสนิทขนาดนี้แล้ว งั้นผมก็จะปล่อยคุณไปก่อนละกัน” ในปากเขาพูดอย่างจนปัญญาแต่เขาก็ยังรู้สึกสุขใจอยู่
ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งรูปร่างไม่ใหญ่มากอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีทั้งเอาแต่ใจตัวเองทั้งกำเริบเสิบสาน แต่เขาดันหลงกลเธอ รักเธอมาก แต่เขากลับซ่อนมันไว้
มือของเขาล้วงไว้ในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่งและหยิบแหวนขึ้นมาไว้ในมือวงหนึ่ง
แหวนมันถูกโยนทิ้งไป
เพราะเธอพูดคำที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายและกระทั่งเขาก็ได้ตัดสินใจจะขังเธอไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไปตลอดชีวิตโดยไม่ปล่อยเธอออกไปอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝูงชนแยกย้ายกันไป เขาก็นั่งอยู่ในรถ แต่เขากลับรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกมีดกรีด
เขาเลี้ยวกลับไปอีกครั้งก็เห็นว่าท่วมกลางดอกไม้ที่ถูกคนเหยียบนั้น คนที่เหลืออยู่ของฉู่ฉือก็ยังคงเก็บกวาดความพังย่อยยับ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจนตรอกขนาดนี้ เขาก้มลงพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อค้นหาท่วมกลางดอกไม้ที่ถูกเหยียบเหล่านั้น
ที่จริงแล้วเขาเตรียมไว้นานแล้ว แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าจะส่งให้เธอในโอกาสไหน และเขาก็ยังไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่เขาเตรียมมาอย่างตั้งอกตั้งใจจนถึงที่สุดนี้ จะถูกเธอทอดทิ้งอย่างกับรองเท้าที่สึกหมดแล้ว
และแหวนเพชรเรียบง่ายที่นับกับอะไรไม่ได้สำหรับเขาอย่างไรก็ตาม บนแหวนวงนี้ ก็ได้สลักชื่อย่อของชางหลิงไว้ด้วย
ทุกอย่างเกี่ยวกับชางหลิงแม้ว่าจะเก็บไว้ทิ่มแทงตัวเองจนรอยแผลเต็มตัวถี่ยิบราวกับเกล็ดปลา แต่เขาก็ไม่อยากทอดทิ้งมันไป
โหมวยู่จับมือชางหลิงไว้ซึ่งนิ้วมือของเธอนั้นไม่ยาวแต่ก็เล็กบอบบางมากเป็นพิเศษ และมันก็เหมือนกับเด็กน้อยในฝ่ามือของโหมวยู่โหมวยู่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วสวมแหวนเล็กๆ ลงบนนิ้วนางของเธอ
ยัยโง่เอ๊ยถ้าครั้งหน้ายังทิ้งไปอีกเขาจะต้องให้เธอได้เห็นดีแน่!