ซูเสี่ยวเฉิงนอนอยู่บนเตียงมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกและไม่สามารถขยับได้ แต่เธอก็เคลื่อนไหวอยู่เสมอ ซึ่งหลังจากที่หลับไปนานขนาดนี้ กระดูกทั้งร่างกายของเธอก็เริ่มปวดเมื่อยขึ้นมา
ฟ้ามืดแล้ว และเธอก็นั่งดูทีวีอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่ายเธอกดเปลี่ยนช่องไปช่องแล้วช่องเล่า และภาษาที่ไม่ฟังเข้าใจนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
และหลีซินที่อยู่บนเตียงข้างๆ ก็ยังไม่ฟื้นซูเสี่ยวเฉิงก็มองดูนาฬิกาและมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
บอกว่าได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสมากไม่ใช่เหรอ?แต่นี่มันก็แค่ความอ่อนล้าทางกายเท่านั้น แต่ฉันก็หลับไปนานมากนะ ทำไมยังไม่ฟื้นคืนสภาพสักทีล่ะ?
คงไม่…
ทันทีที่ซูเสี่ยวเฉิงนึกได้ความกระวนกระวายก็พุ่งเข้ามาทันที เธอกุมหน้าอกตัวเองไว้ แล้วลุกจากเตียง จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับไปที่เตียงของหลีซิน
แม้ว่าจะทานยาแก้ปวดแล้ว แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายกลับไม่ได้รู้สึกว่ามันดีอะไรบ้างเลย ซูเสี่ยวเฉิงออกแรงเล็กน้อยและเกือบจะถูกความเจ็บปวดนี้บังคับให้จากโลกที่สวยงามนี้ไปในสถานที่เกิดเหตุแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังเดินไปถึงข้างๆ หลีซิน
ชายบนเตียงหลับตาอย่างสนิท และหันหน้าไปทางหน้าต่างซูเสี่ยวเฉิงขมวดคิ้วและจ้องเขา พร้อมกับยื่นมือออกไปจากนั้นก็วางมันไว้ใต้จมูกของเขาอย่างสั่นเทา
พระเจ้าข้า ขออย่าให้เป็นไปอย่างที่ลูกคิดไว้เลย
ซูเสี่ยวเฉิงกลั้นหายใจจนนิ้วมือของเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่อบอุ่น
ยังดีที่ยังมีลมหายใจอยู่ ซูเสี่ยวเฉิงจึงวางใจลง
แต่ทำไมเขาไม่ฟื้นล่ะ?
ซูเสี่ยวเฉิงประคับประคองไม่อยู่จึงทำได้แค่นั่งลงข้างเตียงของหลีซินอย่างตรงไปตรงมา
สีหน้าของผู้ชายที่อยู่ความหลับใหลนั้นอ่อนโยนแต่ก็ไม่เหมือนกับท่าทีน่ารังเกียจที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอเสมอเมื่อเขาครั้งที่เขาได้สติในเวลาปกติ
ซูเสี่ยวเฉิงมองมาที่เขาอย่างระมัดระวัง คาดว่าการพบหน้ากันครั้งแรกระหว่างตัวเองกับหลีซินก็เป็นเพียงเรื่องตลกที่ไร้สาระเรื่องหนึ่งเท่านั้น ซึ่งในตอนนั้น เพื่อให้ชางหลิงสามารถออกจาก Nova ได้อย่างราบรื่น และที่เธอบอกว่าตัวเธอเองเป็นแฟนของเขาที่นั่นก็เพื่อการหลอกใช้ประโยชน์จากเขา และดึงดูดการมุงดูของฝูงชนเท่านั้น
ผู้ชายที่ร่างใหญ่ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแต่เขากลับไม่ได้ทำร้ายเธอเลย
ต่อมา เขาก็ขังเธอไว้ที่ Nova ทั้งวัน และเธอก็ส่งเสียงดังลั่นในห้อง แต่เขากลับย้ายม้านั่งมานั่งเฝ้าที่ประตูและปล่อยให้เธอคอยทุบตีอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ยอมปล่อยเธอออกไปซึ่งเธอกลัวถึงขั้นที่เธอคิดว่าชางหลิงไปติดหนี้เงินดอกเบี้ยเกินอัตราที่ไหนมาจนเธอต้องมาชดใช้หนี้แบบนี้
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้น ซูเสี่ยวเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง
เธอจ้องหน้าหลีซิน และมองไปยังใบหน้าที่บอบบางของเขา ซึ่งเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปอย่างตั้งใจ
ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนี้มันดูเหมือนผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อายุ 28 ปีตรงไหนกันและถ้าจะบอกว่าเขาอายุแค่ 18 เธอยังเชื่อเลย
คิ้วหนาและเรียบร้อยพร้อมด้วยนัยน์ตาดอกท้อคู่หนึ่งที่เมื่อยิ้มแล้วสามารถสะกดให้ผู้คนได้ จมูกที่โด่ง และ…ริมฝีปากที่ดูนุ่มนวลนั้น…
เขาเติบโตมาแบบนี้มันก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะคิดอย่างไม่ถูกต้องว่าเขากับโหมวยู่ถึงจะเป็นบุพเพสันนิวาสต่อกัน
แต่…สายตาซูเสี่ยวเฉิงก็เหลือบมองไปแวบหนึ่ง และสมองของเธอก็กลับนึกถึงฉากที่หลีซินต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เขาเหมือนกับฮีโร่อย่างไงอย่างงั้นเลย เพราะทุกครั้งเขามักจะยืนข้างหน้าชางหลิงและบุกตะลุยโจมตีศัตรูเพื่อเธอซึ่งเมื่อคืนนี้เองเขายังดึงเธอออกจากประตูนรกเพื่อช่วยให้เธอรอดพ้นจากการย่ำยีของไอ้พวกสัตว์ร้ายเหล่านั้น
“ถ้าเป็นในสมัยโบราณ…” ซูเสี่ยวเฉิงคงจะอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “คุณช่วยฉันขนาดนี้จนฉันอยากมอบหัวใจให้คุณเลย”
แต่แค่ คนตรงหน้านี้เขาชอบชางหลิง
แม้ว่าชางหลิงจะกลายเป็นภรรยาของโหมวยู่ไปแล้ว แต่ผู้ชายที่ชอบเพื่อนสนิทของตัวเอง เธอจะไปคิดเลยเถิดอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ?
ซูเสี่ยวเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในใจซึ่งเธอก็ลังเลอยู่นาน แต่เธอก็ยังยื่นมือออกไป แล้วใช้ปลายนิ้วลูบแก้มของเขาเบาๆด้วยความระมัดระวัง ที่ปะปนไปด้วยความดีอกดีใจและความหยั่งเชิง
ถ้าเป็นสามารถทำได้ เธอก็อยากจะมีความรักที่มั่นคงแข็งแรงเหมือนกับชางหลิงและใช้ชีวิตที่ทะเลาะกันบ้างรักสุดซึ้งซึ่งกันและกันบ้าง ไปกับคนที่สดใสและจิตใจดีอย่างหลีซิน
และในที่สุดปลายนิ้วมือก็หยุดอยู่ที่ริมฝีปากของหลีซินจากนั้นเธอก็แตะริมฝีปากของเขาเบาๆ และทันทีที่กำลังจะขดมือกลับ ก็เห็นว่าคนที่เดิมทีควรจะหลับอยู่นั้นกลับกำลังมีการเคลื่อนไหว
ลูกกระเดือกของเขาขยับ เหมือนกับว่ากำลังกลืนน้ำลายอย่างงั้นเลย ซูเสี่ยวเฉิงตกใจ และรีบขดมือกลับมา
เธอจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ แต่หลีซินยังไม่ลืมตา แต่หูทั้งใบก็แดงขึ้นอย่างมาก
เขาคงจะยังไม่ฟื้นหรอกนะ!
ซูเสี่ยวเฉิงตระหนักถึงบางสิ่ง เธอกินปูนร้อนท้อง และอยากจะออกไปในทันที แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเลยว่าร่างกายเธอยังได้รับบาดเจ็บอยู่เธอลุกขึ้นอย่างหักโหมเกินไปจนความเจ็บปวดที่รุนแรงก็พุ่งเข้ามา เธอจึงไม่สามารถยืนนิ่งอยู่ได้ จากนั้นก็ล้มลงไปด้านข้าง
“ระวัง!” หลีซินที่นอนอยู่บนเตียงก็กระโดดขึ้นมาทันทีเขายื่นมือออกไปคว้าแขนของซูเสี่ยวเฉิงไว้
ซูเสี่ยวเฉิงตกใจจนไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เธอกุมหน้าอกตัวเองไว้ แล้วมองไปอย่างหลีซินที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความประหลาดใจ
“นี่คุณ…คุณฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เมื่อกี้ที่เธอพูดไปว่าจะมอบหัวใจให้นั้น เขาคงไม่ได้ยินนะ
หลีซินก็รู้สึกอับอายมากเช่นกัน เมื่อรอให้ซูเสี่ยวเฉิงยืนนิ่ง เขาก็ยื่นมือออกไป แล้วเกาหลังศีรษะอย่างเก้อเขิน
“เมื่อกี้นี้” เขากำลังอธิบาย “ทันทีที่ผมฟื้นก็เห็นว่าคุณกำลังจะล้ม และปฏิกิริยาสะท้อนกลับเลย…มาคว้าคุณไว้”
เหลวไหล!
เขาฟื้นนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้
และก็ไม่รู้ด้วยว่าซูเสี่ยวเฉิงจำได้หรือเปล่า แต่เขากลับจำได้อย่างลึกซึ้งเลย เพราะเขาดูร่างกายของเธอตอนที่เขาช่วยพันแผลให้ และเขาก็ยังคงคิดอยู่ว่าหลังจากฟื้นแล้วเขาจะเผชิญหน้ากับเธอยังไง
แต่ยังไม่ทันให้เขาได้คิดหาวิธีโต้ตอบเลย ซูเสี่ยวเฉิงก็เดินมาถึงข้างเตียงเขาแล้วไม่เพียงแต่เล่นลูกไม้กับเขาเท่านั้น ยังพูดคำแปลกๆ เหล่านั้นอีกด้วย
“เอ่อ” ซูเสี่ยวเฉิงกลับไปถึงที่เตียงของตัวเองแล้วนั่งลงไป
ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างนั่งบนเตียงของตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครมองใครเลย ดังนั้นบรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยจึงเริ่มแปลกขึ้นมา เหลือไว้เพียงเสียงดังในทีวีเท่านั้น
“นั่น…”
“นั่น…”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็ออกเสียงพร้อมกัน พวกเขาสบตากัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซูเสี่ยวเฉิงก็รีบหลบสายตาไปอย่างรวดเร็วทันที
“คุณพูดก่อนเลย” หลีซินมองเธอ แล้วยิ้มไปอย่างเซ่อๆ
ซูเสี่ยวเฉิงหัวใจเต้นรัวและมือของเธอก็จับผ้าปูที่นอนไว้ ซึ่งในที่สุดเธอก็มีความกล้าหาญที่เพียงพอ
“ขอบคุณนะคะ” เธอสบตาเข้ากับสายตาเขา “เมื่อคืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บางทีฉันคงนั่งอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ” หลีซินตอบเธอ “คุณคือ…”
หลีซินกำลังจะพูดออกไป แต่ก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เขาจึงเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “คุณคงเป็นเพื่อนของชางหลิงสินะ ซึ่งการที่จะปกป้องพวกคุณ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
เหมือนว่าหัวใจของซูเสี่ยวเฉิงจะถูกทิ่มแทงไปด้วยบางอย่าง เธอมองหลีซินแต่เธอกลับไม่สามารถซ่อนความเดียวดายในสายตาของเธอได้
เพื่อนของชางหลิง…หน้าที่…
ใช่แล้วครับ ทุกสิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อชางหลิงเท่านั้น
แล้วเธอจะไปขอร้องจนเกินควรไปทำไมกันล่ะ?