ชางหลิงหันกลับไปมองโหมวยู่ น้ำเสียงที่หนักแน่นของเขาทำให้หัวใจเธออบอุ่น
“แต่….” ซูเสี่ยวเฉิงยังไม่ค่อยวางใจ
สุนัขจนตรอก ตอนนี้โม่โม่เป็นสุนัขไร้บ้านแล้ว เมื่อถึงทางตัน กลัวว่าจะทำได้ทุกอย่าง
“ไม่มีแต่” ชางหลิงขัดจังหวะคำพูดของเธอ “เธอยังไม่เชื่อฉันเหรอ ชีวิตของฉันยากเย็นแสนเข็ญนะ ไม่เคยกลัวใครหรอก แต่พวกคุณตรงกันข้าม ถ้าพวกคุณอยู่ที่นี่ มันจะทำให้ฉันเสียสมาธิ ถึงตอนนั้นฉันต้องจัดการกับเธอและยังต้องดูแลความปลอดภัยของพวกคุณไปด้วย แบบนี้สิถึงจะนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด”
ซูเสี่ยวเฉิงไม่พูดอีก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข” แววตาชางหลิงค่อยๆ แกร่งกร้าวขึ้น “ฉันกับเธอมีเรื่องกันมานานแล้ว ไม่สู้ใช้ประโยชน์จากการอยู่มิลานครั้งนี้ ยุติมันให้จบสิ้นไปเลย”
ถึงตอนนี้แล้ว ความคิดก่อนหน้านี้อาจไม่ได้ผล เดิมทีเธอยังคิดจะให้โม่โม่กลับไป ให้บรรดาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อตัดสินชะตากรรมของเธอเอง แต่ตอนนี้ ในเมื่อเธอมาถึงจุดนี้แล้วยังไม่ยอมสำนึก ก็อย่าโทษหากเธอลงมืออย่างไร้ความปราณีเลย
“แบบนี้ก็ดี” ความคิดของเมิ่งเคอเป็นผู้ใหญ่มากกว่าซูเสี่ยวเฉิง “พวกเราอยู่ที่นี่ ความจริงแล้วก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย”
เมิ่งเคอพูดกับชางหลิง “ตั้งแต่ต้นเป็นพวกเราที่ประเมินความรุนแรงของเรื่องราวต่ำไป เพราะคิดว่ายังไงมันก็ไม่ไปถึงจุดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่เพียงแต่เราไม่ได้ช่วยคุณ กลับกันแทบจะเป็นตัวถ่วงคุณด้วย”
“คุณอย่าคิดอย่างนั้น” ชางหลิงรีบอธิบาย “เป็นฉันที่ทำให้พวกคุณติดร่างแหถึงจะถูก คนที่โม่โม่อยากจัดการคือฉัน เป็นเพราะฉันพวกคุณถึงได้ต้องมาประสบเคราะห์กรรมจากเรื่องเลวร้ายพวกนี้”
“โดยเฉพาะคุณ” ชางหลิงมองเมิ่งเคอ แม้หล่อนจะบอกกับเธอว่าต่อจากนี้มีแผนอื่น แต่ชางหลิงก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี “ฉันเป็นคนที่ทำให้ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของคุณล้มเหลว”
เมิ่งเคอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “อย่ารีบร้อนมาสำนึกผิดกันตอนนี้เลย พวกเราไปแล้วนะ ถึงคุณจะมีคุณชายรองคอยหนุนหลัง แต่คุณต้องดูแลตัวเองด้วยโอเคนะ”
ซูเสี่ยวเฉิงตาแดงเรื่อ พยักหน้าซ้ำๆ “เสี่ยวหลิงหลิง ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอต้องกลับไปอย่างปลอดภัย ปีใหม่เธอต้องมาฉลองปีใหม่ที่บ้านของฉัน ครั้งแรกที่เพื่อนเขยใหม่มาบ้าน ฉันยังต้องให้พวกเธอเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่นะ”
“พวกเธอรอฉันที่บ้านให้สบายใจเถอะ ดูฉันชนะแกรนด์สแลม นำถ้วยรางวัลและกลับไปดื่มกัน”
——
ในที่สุดก็กำหนดเที่ยวบินบินกลับประเทศเป็นคืนนี้ ชางหลิงกลัวว่าเวลายิ่งยาวนานอุปสรรคยิ่งมาก ดังนั้นพวกเธอกลับไปเร็วเท่าไรยิ่งดี พวกเธอทุกคนล้วนเป็นคนเจ็บ โดยเฉพาะซูเสี่ยวเฉิง ฉู่ฉือจัดหมอที่เชื่อถือได้ไว้แล้วให้เดินทางไปด้วยตลอดการเดินทาง เพื่อความแน่ใจว่าพวกเธอจะลงจอดอย่างปลอดภัย
ชางหลิงยืนอยู่หน้าประตูห้องพัก กดกริ่งประตูสักพัก หลังจากผ่านไปนาน ประตูก็เพิ่งเปิดออก ป๋ายจื๋อยืนตรงประตูด้วยหน้าตางัวเงีย มองที่เธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ป๋ายจื๋อ” ชางหลิงเงยหน้ามอง “คืนนี้ซูเสี่ยวเฉิงกับเมิ่งเคอจะกลับประเทศแล้ว ฉันจองที่นั่งไว้ให้คุณด้วย คุณก็ตามพวกเธอกลับไปด้วยเถอะ”
คิดดูแล้ว ในเรื่องนี้ป๋ายจื๋อเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด เขาเป็นนายแบบที่เธอหามาจากบริษัทของฉินซาง รู้จักกันในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แต่ก็ยังมาบาดเจ็บเพราะเธอ
ชางหลิงรู้สึกผิดต่อเขามาก แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้คือการส่งเขากลับไปก่อน หลังจากนั้นค่อยคุยเรื่องการตอบแทนที่ช่วยชีวิต
“แล้วคุณล่ะ” ป๋ายจื๋อถามเธอ
“คะ?” ชางหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง “โอ้ ฉัน ฉันโดยธรรมชาติแล้วต้องอยู่ การแข่งขันยังไม่จบน่ะ”
ป๋ายจื๋อยังคงสีหน้านิ่งเฉย มองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่
“งั้นผมก็ไม่ไป” พูดอย่างนั้นแล้วป๋ายจื๋อก็จะปิดประตูเพื่อไปนอนต่อ
“รอเดี๋ยว!” ชางหลิงรีบยื่นมือเข้าไปในห้อง เพื่อหยุดการปิดประตูของป๋ายจื๋อ
เมื่อเห็นกรอบประตูจะทับมือชางหลิง ป๋ายจื๋อจึงรีบดึงประตูเปิด และขมวดคิ้วอย่างที่ไม่ค่อยเคยเป็น
“คุณต้องไป” ชางหลิงพูดอย่างร้อนใจ “ตอนนี้คุณได้รับบาดเจ็บ ต่อให้อยู่ต่อก็ไม่ได้ขึ้นเวที ยิ่งไปกว่านั้น….”
“คุณคิดว่าผมไม่มีประโยชน์แล้ว ใช่ไหม” ป๋ายจื๋อไม่รอเธอพูดจบ ก็ถามออกมาอย่างใจเย็น
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ชางหลิงอธิบาย “ฉันแค่คิดว่า คุณกลับประเทศไปปลอดภัยกว่า อีกอย่าง แต่เดิมฉันจ้างคุณมาเป็นโมเดล อีกทั้งฉินซางก็เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันต้องให้คุณไปให้ห่างจากที่นี่ก่อน”
“ผมอยู่ คุณจะปลอดภัยกว่า” ป๋ายจื๋อตาไม่กะพริบ มองเธอมั่นคง
“ฉันฉัน….” เผชิญกับการแสดงออกที่จริงใจเช่นนี้ จู่ๆ ชางหลิงก็ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร
“ป๋ายจื๋อ คุณทำอะไร” ชางหลิงยิ่งสับสนมากขึ้นกับท่าทีของเขา “ความสัมพันธ์ของเราก่อนหน้านี้ มันไม่ได้ดีถึงขนาดที่คุณจะอยู่เพื่อปกป้องฉัน ฉันเป็นผู้ว่าจ้าง คุณเป็นโมเดล มันก็เท่านั้น ตราบใดที่ฉันโทรออก ฉันสามารถยกเลิกความร่วมมือของเราได้ตลอดเวลา”
ป๋ายจื๋อลดสายตาลงมองที่ชางหลิง เหมือนไม่เข้าใจคำพูดของเธอ
“ผมไม่ได้เป็นเพียงแค่โมเดล” ป๋ายจื๋อเอียงศีรษะพูดอย่างจริงจัง
ชางหลิงประหลาดใจ เธอเผชิญหน้ามองเขา มองหน้าตาจริงใจของเขา ทันใดนั้นใจก็เต้นแรง
จบแล้วจบแน่ๆ
เขาคงจะไม่สารภาพรักหรอกนะ!
บุคลิกของเธอมีเสน่ห์มากจนไปดึงดูดหนุ่มน้อยไร้เดียงสาอีกแล้วเหรอ
“คุณๆๆ…คุณจะทำอะไร” ชางหลิงยื่นมือชี้นิ้วเขา ตึงเครียดจนติดอ่าง
ถ้าคนหล่อมากคนนี้สารภาพรักกับเธอ หากปฏิเสธก็เท่ากับเสียของ แต่ถ้ารับรัก เธอกลัวว่าป๋ายจื๋อจะทนรับการระเบิดจากโหมวยู่ไม่ได้
“ผมสามารถเป็นผู้ติดตามของคุณได้” ป๋ายจื๋อตอบเธออย่างจริงจัง “ก็เหมือนฉู่ฉือกับโหมวยู่ เซียวฉู่กับโหมวฉี่”
“ฮะ?” หัวชางหลิงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ติดตามอะไรอะไรคือติดตาม
“พวกเขาเรียกกันว่า…ผู้ช่วย” ชางหลิงให้ความรู้เขา
“อ้อ” ป๋ายจื๋อพยักหน้า “งั้นผมก็จะเป็นผู้ช่วยของคุณ”
ชางหลิงยิ่งมึนหนัก “ไม่สิป๋ายจื๋อ โหมวยู่กับโหมวฉี่พวกเขาเป็นคนใหญ่คนโต คนหนึ่งเป็นประธาน คนหนึ่งเป็นรองประธาน พวกเขามีผู้ช่วยก็เป็นเรื่องสมควร ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย อย่ามองว่าตอนนี้ฉันโดดเด่น แต่ไม่รู้ว่าวันไหนจะไม่ได้เป็นดีไซเนอร์แล้ว คุณมาติดตามฉัน ถ่อม….ถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
ป๋ายจื๋อสีหน้าเรียบเฉย คำพูดของชางหลิงไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวสักนิด
“ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ประเด็น” ชางหลิงร้อนใจ “ทำไมคุณต้องติดตามฉันล่ะ คุณเก่งขนาดนี้ สามารถเป็นได้ทั้งโมเดลทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต จะมาติดตามข้างกายฉันทำไม”
ป๋ายจื๋อนิ่งเงียบ
คนสองคนนิ่งงันกันอยู่ตรงหน้าประตูชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งสีหน้าของป๋ายจื๋อคลายลงในที่สุด “ผม….”
“ผมไม่มีที่ไป” เขาพูดเสียงแผ่ว “ผมไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก ราวกับถูกคนเลือกเหมือนสินค้า”
“เพราะฉะนั้น คุณให้เงินผม ให้ผมกินอิ่มใส่เสื้อผ้าอุ่น มีที่พัก ผมจะติดตามคุณไป ช่วยคุณได้ทุกเรื่อง”