ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 207 เขาอยู่นอกประตู

บทที่ 207 เขาอยู่นอกประตู

ชางหลิงจับเข็มขัดนิรภัยอย่างแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะกลัวว่าโหมวยู่คิดจะทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง

แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้วชางหลิงก็ยังไม่เข้าใจนิสัยของโหมวยู่เลย

“คุณอยากรู้จริงๆ เหรอ?” เกินคาดจริงๆ โหมวยู่ไม่ได้โกรธเลย แค่มองไปข้างหน้า ด้วยสายตาที่มืดครึ้ม

ชางหลิงกลืนน้ำลาย พร้อมกับพยักหน้า “อืม”

“ฉันอยากรู้ว่า เพราะฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันเลยไม่ต้องการใช้ชีวิตที่จะต้องระมัดระวังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก เพราะฉันต้องใช้ชีวิตเหมือนการกวาดทุ่นระเบิดอยู่ทุกวัน ฉันอกสั่นขวัญหายเลยนะ และกลัวอยู่ตลอดว่าคุณจะอาละวาด”

ชางหลิงตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา

เพราะเธอเป็นคนที่ไม่สามารถซ่อนสิ่งที่อยู่ในใจของเธอได้ ดังนั้นมีเรื่องอะไรเธอก็จะพูดตรงๆ ออกมาเลย ดังนั้น เธอจึงทนไม่ได้ที่คนอื่นจะซ่อนมันไว้ด้วยเช่นกัน

รถยังคงสตาร์ท และขับไปบนทางหลวงอย่างช้าๆ

โหมวยู่ไม่ได้พูดอะไรเลย ชางหลิงกลับคิด นั่นมันคงเป็นอดีตที่เจ็บปวดอย่างมากแน่ ดังนั้นการที่ต้องให้เขาเล่าถึงมันอีกครั้งนั้น ถึงทำให้เขาต้องเตรียมอารมณ์ทางจิตวิทยาที่รุนแรงขนาดนี้หรือเปล่า

“คนที่เขาฆ่า ไม่ใช่แค่ป้าของผมเท่านั้น” ในที่สุด โหมวยู่ก็พูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดอย่างมาก

ชางหลิงประหลาดใจ แล้วจ้องมองโหมวยู่ด้วยข้างใบหน้าของเธอ และรอสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป

“เรื่องของป้าผมผมรู้ว่า ในจุดยืนของเขาเขาก็จนปัญญาเช่นกัน เพราะเรื่องความรักมันไม่เคยเป็นเรื่องของคนคนเดียว เขารักคุณป้าและคุณป้าก็รักเขา แต่เขาก็ผิด……”

“ผิดที่รู้ว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องคนรักได้แต่ก็ยังคงยืนหยัดที่จะอยู่กับคุณป้า”

โหมวยู่พูด พร้อมกับคอยระงับอารมณ์ตัวเองไปด้วย

“ถ้าเขาไม่ได้ยั่วยุเธอถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา บางทีคุณป้าอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้…”

ชางหลิงกัดฟันและไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ

เธอก็เคยได้ยินหลีซินพูดถึงเรื่องของคุณป้าคนนี้เหมือนกัน

เพราะเธออายุมากกว่าโหมวยู่ 6 ปีซึ่งความคิดของเด็กผู้หญิงมักจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กผู้ชาย และเธอก็เกิดและเติบโตมาจากโลกอย่างนั้นของตระกูลเซิ่ง ซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจ แล้วเธอจะไม่เข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการรักกับโหมวฉี่ได้ยังไงกันล่ะ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังกล้าหาญที่จะรัก และไม่กลัวข่าวซุบซิบที่น่ากลัวเหล่านั้นเลยสักนิดแม้ว่าเธอจะรู้ว่าจุดจบของตัวเอง เธอก็ยังเป็นเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ที่ต้องการไล่ตามอิสระที่ตัวเองต้องการ

“แล้วที่คุณพูดว่า ไม่ใช่แค่คุณป้าคนเดียวนั้น มันหมายถึงอะไรล่ะ?” ชางหลิงถามเขา

เธอจ้องข้างใบหน้าชางหลิง และลำคอของเขาก็ขยับอย่างยากลำบาก จากนั้นก็นิ่งเงียบอยู่นาน

ชางหลิงตาห้อยเธอถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปแตะมือที่วางไว้บนพวงมาลัยของเขา

“ฉันได้ยินมาว่าบัตรเติมเงิน nova มีแค่ 2 ใบในโลกซึ่งใบหนึ่งให้ฉันแล้วและอีกใบ ก็อยู่ในมือของโหมวฉี่ ฉันคิดว่า ความสัมพันธ์ของพวกคุณดีกันมาตลอดสะอีก”

“ดีจริงๆ ด้วย” โหมวฉี่ส่งเสียงเยาะเย้ย “กระทั่งผมยังให้เขาเป็นญาติคนที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ของผมนอกจากคุณป้าแล้ว แต่นี่ก็เป็นเพราะเขาปลอมตัวเก่ง”

ชางหลิงยังคงงุนงง ด้วยสายตาที่โง่เขลา

“ผมเคยบอกกับคุณไปว่าตอนเด็กมันมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับผม ดังนั้นมันจึงทำให้ผมมีเงามืดต่อผู้หญิง” โหมวยู่พูดต่อ “นั่นเป็นเพราะว่า ปีที่ผมอายุได้ 6 ขวบนั้น แม่ของผมคลอดยากต่อหน้าผม เพราะผมเป็นคนทำคลอดให้แม่ผมเอง”

ชางหลิงตกตะลึง

ก่อนที่จะได้ยินสิ่งนี้เธออยากรู้อยากเห็นอย่างมากว่า เพราะอะไรกันแน่ทำไมโหมวยู่ถึงเป็นโรคกลัวผู้หญิง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง…

“ในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาจุดเป็นจุดตายของการยึดอำนาจของตระกูลโหมวกับตระกูลโม่ ซึ่งแม่ของผมก็เป็นเจ้าของหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเซิ่งอีกด้วย และก็เป็นเพราะในขณะนั้นคุณแม่ไม่เต็มใจที่จะโอนหุ้นให้ โหมวเจิ้งถิง ดังนั้นในขณะที่เมื่อคลอดลูก คุณแม่จึงถูกขังไว้ที่บ้านเก่า และตกอยู่ภายใต้การดูแลที่เข้มงวด แต่ในคืนการคลอดลูก โม่หยวนผิงก็อ้างว่าเกิดเรื่องขึ้นกับบริษัท เลยเรียกตัวโหมวเจิ้งถิงไป แล้วล็อกเราไว้ในห้องนอน”

พอโหมวยู่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ ก็มีความเศร้าโศกที่ไม่อาจมองเห็นได้ที่ก้นตาของเขา แต่ใบหน้าของเขากลับถูกความเย็นชาบดบังไว้

“พอแม่กำลังจะคลอดลูกแล้ว ผมก็พยายามตบประตูอย่างแรง อยากให้พวกเขาช่วยแม่ แต่กลับไม่มีใครสักคนตอบรับผมเลย ผมเลยไม่เคยเชื่อเลยว่า คนบ้านเก่าจะมีคนใช้เยอะขนาดนั้นและไม่ว่าพายุจะแรงแค่ไหน ฉันก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงผมเลย…”

“แต่ก็ยังมีคนคนหนึ่งมาช่วยผมไว้ ทารกในครรภ์อยู่ในแนวขวาง และแม่ผมก็พยายามอย่างสุดแรง แต่สิ่งที่ออกมาก่อนกลับเป็นเท้าของเด็ก และเพราะแม่บังคับผม บังคับให้ผมดึงตัวเด็ก…ดึงออกจากตัวแม่… ”

“โหมวยู่… ” ชางหลิงฟังจนขนลุกขนพองไปทั้งตัว

อายุ 6 ขวบ…เด็กแค่ 6 ขวบคนหนึ่งเนี้ยนะ จะต้องมีความทรหดอดทนขนาดไหน ถึงจะสามารถหนีออกจากฝันร้ายนี้ได้

“ทั้งแม่ลูกล้วนตาย และในคืนนั้น ฉันก็นั่งอยู่ข้างศพพวกเขาทั้งคืน ต่อมา ผมมีไข้สูง พอตื่นมา ศพพวกเขาก็ถูกฝังแล้ว”

“แล้ว…” ชางหลิงสับสน “เรื่องนี้ มันเกี่ยวอะไรกับโหมวฉี่ล่ะ?”

“ผมก็เคยคิดว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา!” แค่ครู่เดียวน้ำเสียงของโหมวยู่ก็ดังขึ้น ทำให้ชางหลิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย

“เป็นเวลาหลายปีนับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ถือว่าเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของผม แม้ว่าเขาจะฆ่าคุณป้าของผม ผมก็ไม่หยุดแก้ตัวให้เขาเลย ทั้งยังเกลี้ยกล่อมตัวเองให้ยกโทษเขา! จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว…” โหมวยู่จับพวงมาลัยในมือไว้แน่นและยิ่งอยู่ก็ยิ่งลงแรงหนักขึ้น

“ผมเลยรู้โดยบังเอิญว่า ปีนั้น มันเป็นคืนที่แม่ของผมคลอดลูก และโหมวฉี่…” โหมวยู่กัดฟันด้วยความเคียดแค้น “เขาอยู่นอกประตู!”

ชางหลิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“อะไรนะ…”

อยู่นอกประตูเหรอ? ไม่ใช่ว่า ทุกคำขอความช่วยเหลือจากโหมวยู่นั้น เขาได้ยินทั้งหมด แต่กลับ…ปล่อยให้คนอื่นตายต่อหน้า?

“ดังนั้นคุณเข้าใจแล้วหรือยัง?” โหมวยู่หันหน้ามา พร้อมกับมองไปที่ชางหลิง “โหมวฉี่คงคิดว่า จะสามารถปิดบังเรื่องนี้กับผมได้ตลอดชีวิต บางเขาอาจไม่รู้ตัวว่าผมรู้ความจริงแล้วเลยยังคิดแค่ว่าที่ผมเจ็บแค้นเขาเพราะเรื่องของคุณป้าเท่านั้น”

“แค่ไอ้คนหน้าซื่อใจคดคนหนึ่ง แม้แต่คุยกับเขาไม่กี่คำผมยังรู้สึกสะอิดสะเอียนเลย”

ชางหลิงหลบสายตาไปทางอื่น แล้วรถก็จอดที่สี่แยกไฟแดง เธอมองไปยังการจราจรที่วุ่นวายตรงหน้าแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าโลกนั้นมันเป็นแค่สิ่งลวงตา

ทั้งๆ ที่เห็นว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและจิตใจดี ที่ไม่เคยพูดเสียงดัง บวกกับการกระทำที่อ่อนโยน ทำไมถึงไปทำเรื่องอย่างนั้นได้?

“ทำหรือไม่ทำ…คุณคงคิดมากไปเองหรือเปล่า? ในปีนั้นเขาเพิ่งจะอายุ 10 ขวบเอง บางทีเขาอาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหรือเปล่า หรือบางที สถานการณ์ในตอนนั้น เขาอาจยังควบคุมตัวเองไม่ได้ ในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาอยากช่วยพวกคุณ แต่ก็คงจะไร้กำลัง…”

ชางหลิงยังคงไม่อยากเชื่อ

“ดังนั้น คุณคงคิดว่าผมเข้าใจเขาผิดงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของโหมวยู่เต็มไปด้วยความโกรธ “คุณเพิ่งเข้าหาได้ไม่นาน ก็คิดว่าเขาเข้าใจในการทำตัวจริงๆ งั้นเหรอ?”

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ชางหลิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“คุณคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไงกัน ผมแค่อยากเตือนคุณว่า ให้อยู่ห่างจากโหมวฉี่หน่อย” หลังจากไฟจราจรสีแดงผ่านไป โหมวยู่ก็เหยียบคันเร่ง

ชางหลิงถูกพูดย้อนให้เสียหน้าชางหลิง จนพูดอะไรไม่ออก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท