แม้ว่าชางหลิงจะอยู่ในอาการสับสน แต่เธอก็ได้ยินเสียงของฉู่ฉือทางมือถืออย่างชัดเจน และทันใดนั้นเธอก็ได้สติขึ้นมาทันที โหมวยู่เหลือบไปมองที่ชางหลิง พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ที่โรงพยาบาลก็มีคนเฝ้าตัวอยู่ อีกทั้งเธอก็ได้รับบาดเจ็บด้วย แล้วเธอจะหนีออกไปได้ยังไง?” โหมวยู่ถาม
“นี่…” ฉู่ฉือรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “เพราะผมทำงานไม่ดีเองครับ คุณโม่โม่ล้มป่วย หมอเลยมาช่วยเธอ แต่เกิดมีคนทะเลาะกันอยู่ข้างนอก ผมเลยเผลอไปครู่หนึ่ง พอรู้สึกตัวอีกที เธอก็……”
โหมวยู่วางสายอย่างไม่มีความอดทน และลุกขึ้นจากเตียง
“คุณไปอย่าโทษเขาเลยค่ะ” ชางหลิงก็ได้ฟังไปคร่าวๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียงกับเขา เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่สบายใจเลย เธอจึงเอาแขนโอบรอบคอของเขาอย่างเสน่หา และใช้ศีรษะของเธอค่อยๆ ขยับเข้าไปที่ตัวโหมวยู่ “โม่โม่ไม่ยอมที่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของเราหรอก และเธอจะต้องคิดหาทางหนีอย่างแน่นอน ฉู่ฉือไม่ใช่นักปราชญ์ ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้บ้างแหละค่ะ”
“ฉันแค่กลัวว่า……” โหมวยู่กอดเธอไว้แน่น
“ผมรู้ว่า โม่โม่เกลียดผมเข้ากระดูกดำ แล้วคุณกลัวว่าเธอจะมาแก้แค้นผมไหมล่ะ” ชางหลิงยิ้ม “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังมีเงินมีอำนาจก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับผมได้เลยและตอนนี้ตระกูลโมก็ยังป้องกันตัวเองไม่ได้เลยซึ่งที่มิลานเธอไร้ญาติขาดมิตรด้วย แล้วเธอจะทำอะไรกับผมได้ล่ะ”
แม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่โหมวยู่ก็ยังคงกังวลใจเล็กน้อย “ความวุ่นวายที่เกิดนอกห้องผู้ป่วยนั้น เกรงว่ามันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุน่ะสิ”
มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ ที่โม่โม่บังเอิญล้มป่วยและต้องทำการรักษาอย่างฉุกเฉิน และข้างนอกกลับมีความขัดแย้งกันที่เพียงพอที่จะเบี่ยงเบนความสนใจได้อีก? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าโม่โม่ป่วยจริง เธอจะหนีออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเองได้ยังไงล่ะ และเธอก็ถึงกับหายตัวไปจากสายตาของฉู่ฉือได้เลยนะ
“คุณหมายถึง มีคนช่วยเธอหลบหนีออกไปเหรอ?” ชางหลิงเดาในสิ่งที่โหมวยู่กำลังคิดถูก
โหมวยู่ไม่ได้ตอบ แต่เมื่อมองไปที่ท่าทางของเขาแล้ว ชางหลิงก็ได้รับคำตอบที่แน่นอนแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่เขาต้องขังโม่โม่ไว้ในโรงพยาบาล เพราะต้องการให้โม่โม่กลับไปรับการพิจารณาตัดสินคดี และเธอก็มั่นใจได้ว่ามีโหมวยู่อยู่ทั้งคน คงไม่มีใครกล้าที่จะเป็นพวกเดียวกันกับโม่โม่อีก แต่ว่า… ดูเหมือนว่า พวกเขาจะมองข้ามบางสิ่งไป
“เจสัน…” ชางหลิงก็นึกได้ทันที “โหมวยู่ ต้องเจสันนั่นแหละ?”
คุณลืมไปได้ยังไงว่า เจสันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโม่โม่ กระทั่งยังสามารถเป็นศัตรูกับเธอบนเวทีแข่งขันเพื่อโม่โม่ได้ดังนั้นเขาจะดึงเธอลงมาจากเวทีให้ได้โดยไม่เสียดายแม้จะแลกกับอนาคตของตัวเองหรอกงั้นก็แสดงว่าเขามีความรักอันลึกซึ้งต่อโม่โม่ ดังนั้น ถ้าโม่โม่มีเรื่องทุกข์ร้อน เขาจะต่อสู้เพื่อเธออย่างแน่นอน
โหมวยู่ก็นึกถึงคนคนนี้เช่นกัน
นับตั้งแต่โม่โม่ถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลเขาก็ให้ฉู่ฉือตรวจสอบสถานที่เดินทางของเจสัน
เจสันแพ้การแข่งขัน แต่กลับไม่ได้ออกจากมิลานไปในช่วงเวลาแรกกลับเช็กเอาท์ออกจากห้องพักในโรงแรมแล้วหายตัวไป ซึ่งตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ เพียงแต่ที่นี่เป็นต่างประเทศและมีกำลังคนจำกัด จึงไม่ได้มีการไล่ตามเขาต่อ แต่คิดไม่ถึงว่า เขาจะรอโหมวยู่อยู่ที่นี่
“ไม่เป็นไร ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ชางหลิงแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “ก็ได้บทเรียนไปแล้วและฉันที่ฉลาดขนาดนี้ โม่โม่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้ยังไงกันล่ะ”
ที่เธอต้องกังวลน่ะไม่ใช่ตัวเอง เพราะตอนนี้โม่โม่เป็นเหมือนคนบ้าไปแล้ว จะไม่พุ่งเป้าไปที่เธอ และยิ่งไปกว่านั้นการสนุกกับการทำร้ายคนรอบข้างก็ด้วย ดังนั้น โม่โม่จะต้องรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาก่อน
ถึงการแข่งขันจะมีความสำคัญก็ตาม แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ชีวิตของเพื่อนๆ อยู่เบื้องหลังเกียรติยศของเธอ
ชางหลิงไปที่โรงพยาบาล และเมื่อวานหลังจากการแข่งขันก็ถูกโหมวยู่ลากตัวไป ซึ่งเธอก็ยังไม่ทันได้ไปเยี่ยมพวกซูเสี่ยวเฉิงที่โรงพยาบาลเลย
ทันทีที่ไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเมิ่งเคอและซูเสี่ยวเฉิง
ชางหลิงและโหมวยู่ที่ยืนอยู่นอกประตู ก็มองหน้ากัน ชางหลิงรู้สึกอยากจะดึงมือตัวเองออกจากมือของโหมวยู่แต่โหมวยู่กลับไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอต้องการเขากลับจับมือเธอไว้แน่นขึ้นไปอีก
“โอ๊ย “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลยนะ” ซูเสี่ยวเฉิงชำเลืองมองพวกเขาอย่างเฉียบขาด พร้อมกับขึ้นเสียง
เมิ่งเคอที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็หันกลับมา โดยที่ชางหลิงยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นพวกเธอจึงได้สบตากัน
เรื่องของเธอกับโหมวยู่นั้น เธอปิดบังเมิ่งเคอมาโดยตลอด และก่อนหน้านี้เพราะว่าเธอนั้นไม่ได้สนิทกับเมิ่งเคอสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องบอก และต่อมาเมื่อถึงเวลาที่ต้องบอก เธอก็ไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากพูดยังไงดี
และก็ไม่รู้ว่าเมิ่งเคอจะตำหนิที่ไม่สารภาพกับเธอหรือเปล่า
“ไปยืนโง่ๆ อยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ?” เมิ่งเคอมองเธอด้วยความโกรธ “ทำไม ครั้งนี้พาแฟนของตัวเองมา ก็เลยอายที่จะมาอยู่ด้วยกันกับพี่น้องแล้วเหรอ?”
ชางหลิงรู้สึกอายกับคำพูดนี้ของเธอ “เธอนี่ก็เรียนมาจากซูเสี่ยวเฉิงด้วยเหรอยังจะมาหยอกล้อฉันอีก”
เธอมองขึ้นไปที่โหมวยู่ที่อยู่ข้างๆ ชางหลิง ซึ่งเขาก็เป็นประธานของบริษัทเซิ่งซื่อ และปกติแล้วเขามักจะอยู่ข้างบนที่สูงๆ มีนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจตนเองอย่างมาก กลัวว่าเขาจะไม่ชอบการโอกาสแบบนี้
“คุณชายรองคะ” เมิ่งเคอยิ้มให้โหมวยู่ และหมุนรถเข็นหันกลับมา “เป็นเพราะชางหลิง พวกเราถึงได้โชคดีที่ได้รับการมาเยี่ยมของคุณเลยนะคะ”
โหมวยู่ยังคงอยู่ในความสงบ เขาจับมือของชางหลิงไว้ แล้วเดินไปข้างหน้า พร้อมกับนำตะกร้าผลไม้ที่ถือไว้ในมือข้างหนึ่งวางไว้บนตู้ “ผมมาแบบรีบๆ เลยไม่ได้เตรียมอะไรมาให้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ท่าทางของเขาดูธรรมดา จนคนมองไม่ออกถึงความสุขและความโกรธของเขา
“นี่เป็นถึงผลไม้ที่คุณชายรองโหมวซื้อมาเองเลยนะ ถ้าฉันโพสต์ลงบนโมเมนต์ คาดว่าคงจะโดนอิจฉาแย่เลยและ” ซู่เสี่ยวเฉิงตาเป็นประกาย
“เธอมันประสาทแดก” ชางหลิงรีบเดินเข้าไปและขัดขวางไม่ให้ซูเสี่ยวเฉิงเอามือถือมาถ่ายรูปตามความต้องการได้
“เมิ่งเคอ” ชางหลิงหันกลับมา และได้อธิบายให้เมิ่งเคอเคอฟังว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ตั้งใจปิดบังเธอ แค่……”
“เพียงแต่ว่าฐานะของครอบครัวเธอนั้นค่อนข้างมีความพิเศษ และมันก็คงเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก”เมิ่งเคอยิ้มพร้อมกับเหลือบมองที่โหมวยู่ “เอาล่ะ อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ แต่ฉันก็รู้สึกประหลาดใจนะ เพราะฉันรู้ก่อนอยู่แล้วว่าเธอน่ะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนี้จะเป็น……”
โหมวยู่ยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง แล้วนั่งลงใกล้ๆ กับพวกเธอ โดยไม่มีความสนใจที่จะเข้าร่วมในหัวข้อการสนทนาเลย จากนั้นชางหลิงก็เหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง ไปนั่งบนเตียงคนไข้สิ
“เอาล่ะ” เรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอก สีหน้าของชางหลิงดูจริงจังขึ้นมา “โม่โม่หายตัวไป ฉันเลยกังวลว่าเธอจะโจมตีพวกเธอดังนั้นฉันจึงตั้งใจมาที่นี่เพื่อปรึกษากับพวกเธอ”
“อะไรนะ?” ซูเสี่ยวเฉิงประหลาดใจอย่างมาก จนเธอตึงเครียดขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันก็ได้ทิ้งเงามืดไว้ให้ซูเสี่ยวเฉิงอย่างรุนแรงเกินไปและโม่โม่ที่ถือมีดแล้วแทงเข้าที่หน้าอกของเธอนั้นก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน และเธอก็ลืมมันไม่ลงเลยจริงๆ
“ไม่ใช่ว่า เธอถูกควบคุมไว้แล้วเหรอ?”ซูเสี่ยวเฉิงหน้าซีด
ชางหลิงถอนหายใจ “ตอนนี้ฉู่ฉือกำลังตามหาเธออยู่ และได้แจ้งตำรวจแล้วด้วย ฉันแค่กลัวนิดหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถมองดูพวกเธอได้รับบาดเจ็บได้อีกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็หมายความว่า……” เมิ่งเคอเก็บอาการบนใบหน้าของเธอลง
“ฉันอยากให้พวกเธอน่ะกลับประเทศก่อน” ชางหลิงพูดอย่างจริงจัง “ที่นี่ถึงแม้จะได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีเรื่องกำลังคน และภาษาที่จำกัดอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยสะดวกเลยจริงๆ เมื่อกลับไปที่เมืองหนานแล้ว ก็ยังมีฉินซางและพี่รองต้วนอยู่ พวกเขาจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอได้นะ”
“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?” ซู่เสี่ยวเฉิงถามเธออย่างกังวล “เสี่ยวหลิงหลิง คนที่โม่โม่ต้องการแก้แค้นก็คือเธอ และเธอก็คือคนที่ควรจะหลบซ่อนตัวมากที่สุดนะ เธอกลับประเทศกับพวกเราเถอะ การแข่งขันเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการรักษาชีวิตอันน้อยนิดของตัวเองไว้นะ”
ชางหลิงนิ่งเงียบ
เธอผ่านการแข่งขันเข้ารอบที่ 5 มาอย่างยากลำบากไม่ว่าเป็นหรือตาย เธอก็ควรพยายามให้ดีที่สุด หากเธอต้องมาเลิกล้มกลางทาง ความพยายามทั้งหมดที่เธอเคยทำมาก่อน และการเสียสละทั้งหมดที่พวกเมิ่งเคอได้ทำมา ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
“วางใจเถอะ”โหมวยู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า “ยังมีผมอยู่ทั้งคน”