ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 212 ปฏิบัติต่อคุณเหมือนน้องสาวแท้ๆ

บทที่ 212 ปฏิบัติต่อคุณเหมือนน้องสาวแท้ๆ

ชางหลิงซื่อบื้อไป

ฟังคำพูดนี้แล้ว ทำไมมันเหมือนในละคร ที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ข้างถนนขายตัวเองกับเศรษฐีเลยล่ะ

“ป๋ายจื๋อ” ชางหลิงยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเขา “คุณคงจะไม่มีไข้หรอกนะ”

ป๋ายจื๋อไม่ได้ขยับตัว ไม่มีการตอบสนองต่อการสัมผัสร่างกายของเธอ

“เอาเถอะ” ชางหลิงชักมือกลับ “ถือว่าฉันสัญญากับคุณให้คุณเป็นผู้ติดตามข้างกายฉัน งั้นตอนนี้ฉันขอสั่งคุณ ให้คุณกลับประเทศไป รักษาบาดแผลให้ดี แบบนี้ทำได้ไหม”

ป๋ายจื๋อกำลูกบิดประตูพร้อมกับเผยรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้า

“ในเมื่อเป็นผู้ช่วยแล้ว การปกป้องคุณก็เป็นความรับผิดชอบของผม คุณกลับเมื่อไร ผมก็กลับเมื่อนั้น”

“นี่…” ชางหลิงยังต้องการพูดอะไรต่ออีก แต่ป๋ายจื๋อกลับปิดประตู ระหว่างคนสองคนมีแผงประตูกั้นระยะห่างไว้

“ไม่ฟังก็ช่าง!” เธอเตะประตูเบาๆ “คุณทำให้ฉันโมโหแล้ว ครั้งต่อไปถ้าบาดเจ็บอีก ฉัน…ฉันจะไม่ชดใช้ให้คุณ!”

ชางหลิงชี้ประตูที่คนอยู่ข้างในอย่างอารมณ์เสีย ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

เป็นคนแปลกจริงๆ

ชางหลิงเดินไปก่นด่าไป ตั้งแต่ได้รู้จักเขาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยทำตัวปกติเลย เธอสงสัยจริงๆ ว่าเขาเป็นAIสายพันธุ์ใหม่หรือเปล่า ที่ได้รับมอบหมายจากBOSSใหญ่ให้สร้างแผนการที่น่ากลัว

“นี่? เสี่ยวหลิง?” หลีซินเห็นร่างเธอจากที่ไกลๆ จึงเดินเข้ามาหาเธอ

ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมอง เธอถูกดึงดูดโดยผ้าก๊อซที่พันอยู่บนศีรษะของหลีซินทันที

“หลีซิน? คุณออกจากโรงพยาบาลมาได้ยังไง ยังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ” ชางหลิงประหลาดใจ

เมื่อครู่ตอนที่ไปโรงพยาบาลเธอไม่ได้สังเกต ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าอีกเตียงหนึ่งในห้องพักผู้ป่วยของซูเสี่ยวเฉิงถูกนำออกไปแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก” หลีซินแตะๆ ศีรษะตัวเอง “บาดเจ็บนิดหน่อยจะสำคัญอะไร หมอต่างหากที่วุ่นวายทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่พันให้ผมกลายเป็นแบบนี้ ผมไม่เจ็บนานแล้ว”

ถึงหลีซินจะพูดอย่างนั้น แต่ชางหลิงรู้ว่าเขาแค่ไม่อยากให้เธอกังวลเท่านั้น

“ระหว่างทางกลับ ซูเสี่ยวเฉิงกับเมิ่งเคอต้องฝากคุณแล้ว” ชางหลิงตบแขนของเขา “ถึงแม้คุณก็สุขภาพไม่สมบูรณ์เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่มีคนอื่นที่ให้เชื่อใจได้เลย”

“คุณวางใจเถอะ” หลีซินยิ้ม “ผมรับประกันว่าพวกเธอทั้งคู่จะปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าคุณ….”

หลีซินมีสีหน้าค่อนข้างกังวล “คุณอย่าทะเลาะกับพี่ใหญ่เด็ดขาดนะ ผมไม่อยู่ คุณต้องเชื่อฟังพี่ใหญ่ อย่าวิ่งไปทั่ว อย่าให้เกิดอุบัติเหตุอีก”

ชางหลิงหลุดหัวเราะพรืด “นี่ ฉันดูเหมือนเป็นคนไม่รู้หนักเบาหรือไง”

“เหมือนสิ” หลีซินพยักหน้าอย่างหนัก “คุณทำเรื่องไม่น่าเชื่อถือน้อยนักหรือไง”

รอยยิ้มของชางหลิงเปลี่ยนไป หยิกแขนของหลีซินอย่างแรง “ฉันเป็นพี่สะใภ้ของคุณ พูดดีๆ ให้เกียรติกันด้วย”

หลีซินแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยความเจ็บ รีบหนีจากกรงเล็บของชางหลิง

“ผมพูดจริงนะ” เขาเริ่มจริงจังขึ้นมา “เสี่ยวหลิง ความโหดร้ายของโม่โม่ พวกเราล้วนเคยเห็นมาแล้ว คุณอย่าประมาทเด็ดขาดเลยนะ”

“หลายปีมานี้ พี่ใหญ่เก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อคุณมาโดยตลอด หนึ่งคือหากนายท่านรู้เข้าแล้วจะส่งผลเสียต่อคุณ สองก็คือกลัวตระกูลโม่ กลัวว่าจะเป็นการทำให้โม่โม่เคียดแค้น”

“ฉันรู้น่า” ชางหลิงพ่นลมหายใจยาว เดินผ่านลิฟต์ออกไปยังที่พักผ่อน นั่งลงบนโซฟา “แข็งแกร่งอย่างโหมวยู่ ยังต้องจำทนกับเธอมาหลายปี เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างมีความสามารถพอตัว”

“พี่ใหญ่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เห็น ความขมขื่นและปัญหาของเขา เป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะเข้าใจ ถ้าตระกูลโม่ไม่ถูกถอนรากถอนโคน แค่กำจัดโม่โม่ไปคนเดียว ตระกูลโม่กับนายท่านก็ยังคงร่วมมือกันทำให้เกิดโม่โม่คนที่สองแก่เขาอีก

แต่ถ้าลงมือกับตระกูลโม่ ก็จะเป็นการท้าทายอำนาจของนายท่านอย่างไม่ต้องสงสัย”

“พี่ใหญ่ใช้เวลามานานมาก จนในที่สุดก็มาถึงจุดนี้ เราที่เป็นพี่น้องกัน ประจักษ์ความยากลำบากทั้งหมดของเขาแก่สายตา” หลีซินยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และพูดอย่างจริงจัง “การกำจัดตระกูลโม่ ยึดคืนทรัพย์สินตระกูลโม่ แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่เพราะความโลภ แต่เพื่อปกป้องตัวเอง”

ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมอง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ หลีซินก็พูดเรื่องพวกนี้กับเธอ

“วงการธุรกิจเปรียบเหมือนสนามรบ ไม่ว่าการต่อสู้แบบไหน จะมีบ้างที่เหนื่อยกายและใจ แต่พี่ใหญ่กลับไม่เคยหยุด เหตุผลที่คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ นั่นก็เพราะเขาอยู่ด้านหน้าคุณ พยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อแลกมาซึ่งการนำโลกที่กว้างใหญ่มาให้คุณ”

ชางหลิงอึ้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนั้นที่เธอได้รู้ว่าเหตุผลที่โหมวยู่ลงมือกับโม่โม่ล่าช้าเป็นเพราะต้องการทรัพย์สินของตระกูลโม่ เธอเคยผิดหวังจริงๆ

เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงที่ว่าเป็นเพราะโหมวยู่โลภ

แต่ตอนนี้ คำพูดของหลีซินทำให้เธอเข้าใจขึ้นมาก

ถ้าโหมวยู่ไม่ถอนรากถอนโคนตระกูลโม่ให้สิ้นซาก เขาก็ไม่สามารถเติบโตได้ และไม่สามารถท้าชนกับนายท่านได้

บนร่างกายของเขา ยังแบกความเกลียดชังของแม่ที่ตายไปแล้ว และยังแบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่อย่างการเรียกคืนธุรกิจของตระกูลเซิ่งอีกด้วย แต่ตอนนั้นเธอกลับถูกการตายของหยูเฉินล้างสมอง ไม่ได้คำนึงถึงความทุกข์ของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณที่คุณบอกเรื่องเหล่านี้กับฉัน” ชางหลิงยิ้มสดใส

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก” หลีซินสงบนิ่ง “เขาเป็นพี่ใหญ่ของผม เป็นคนที่ผมเคารพมากที่สุด และคุณ….”

เขาสูดลมหายใจ “ผมคิดว่าคุณเป็นน้องสาวแท้ๆ ของผม คนเป็นพี่ชาย ไหนเลยจะไม่หวังดีกับน้องสาวล่ะจริงไหม”

ชางหลิงแววตาสั่นไหว

พี่ชาย….

เธอจำได้ ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน ซูเสี่ยวเฉิงเคยบอกเธอว่าหลีซินชอบเธอ ดังนั้นที่เขาพูดอย่างนี้คือ….ปล่อยวางแล้วเหรอ

“คุณ…รู้สึกแปลกๆ อะไรไหม” ชางหลิงถามลองเชิงเขา

“แปลกยังไง” หลีซินไม่เข้าใจ เขากวาดตามองรอบตัวเองแล้วก็ไม่เข้าใจสักนิด

“ไม่มีอะไร” ชางหลิงไม่ได้พูดต่อ

ช่างมันเถอะ ถ้าเขาปล่อยวางแล้วจริง มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอด้วย ตั้งแต่นี้ต่อไป เขาจะสามารถมีชีวิตของตัวเองที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้แน่นอน

“ไปแล้วนะ” ชางหลิงลุกขึ้น ยกมือให้หลีซิน “เดินทางปลอดภัยนะ อยู่ที่Novaเตรียมอาหารมื้อใหญ่เอาไว้ รอฉันกลับไป ถึงตอนนั้น ฉันยังอยากมีงานเลี้ยงฉลอง”

“ได้” หลีซินยิ้ม ฟันขาวนั้นเด่นชัดเป็นพิเศษ

ในที่สุดก็ส่งพวกเขากลับบ้านแล้ว ชางหลิงมองเครื่องบินบินผ่านพวกเขาไป นับว่าได้คลายใจลงเสียที

อย่างน้อยก็หมดห่วง ตอนนี้ที่เธอต้องทำ ก็คือการต่อสู้พยายามอย่างสุดความสามารถ

“นี่” ชางหลิงยืนอยู่นอกสนามบิน ดวงตายังคงมองท้องฟ้า แต่ปากพูดกับโหมวยู่ที่อยู่ข้างกายว่า “รอกลับประเทศแล้ว คุณควรยังต้องชดเชยเรื่องงานแต่งให้ฉันนะ”

โหมวยู่กอดอก เอียงศีรษะเล็กน้อย สีหน้าผ่อนคลายยกยิ้มบาง

“ขอแต่งงาน ใบรับรองสถานภาพสมรส ทะเบียนสมรส การใช้ชีวิตร่วมกัน ขั้นตอนทางการปฏิบัติพวกนี้ล้วนเข้าถึงหมดแล้ว งานแต่งยังจำเป็นอยู่อีกเหรอ”

ชางหลิงหันขวับไปจ้องเขาอย่างดุร้าย

แต่เมื่อคิดถึงพวกคำพูดที่หลีซินได้พูดเกี่ยวกับเขา เธอจึงส่งเสียงฮึอย่างลำพอง “คุณรอดูเลย ถ้าคุณไม่แต่งงานกับฉัน ฉันจะจ้างเกี้ยวใหญ่แปดคนหามพร้อมด้วยแม่สื่อและสินสอดทองหมั้นไปที่บ้านตระกูลโหมว เพื่อขอคุณมาแต่งงาน”

โหมวยู่กระตุกมุมปาก ไม่แสดงสีหน้า แต่หัวใจกลับถูกความวาบหวานบุกรุกเต็มพื้นที่

เขาไม่อยากถูกชางหลิงจับได้ จึงหันตัวก้าวกว้างเดินหนีไป

“เฮ้ คุณเดินเร็วอะไรขนาดนั้นเนี่ย ขายาวเกินไปแล้ว” ชางหลิงรีบก้าวตามเขา พลางบ่นอย่างทนไม่ไหว

“เธอไล่ตามฉันไม่ทันด้วยซ้ำ ยังจะอยากแต่งกับฉันอีกเหรอ” โหมวยู่แกล้งเธอ จงใจเร่งความเร็วขึ้น “ยัยแคระน้อย”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท