การแข่งขันรอบเจ็ดของชางหลิงจบลงแล้ว
การแข่งขันรอบห้าและหกล้วนชนะอย่างหวุดหวิด และครั้งนี้ สถานการณ์กลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม คะแนนของเธออยู่อันดับสุดท้ายในรายชื่อผู้เข้ารอบ ต่ำกว่านี้อีกนิดเดียวก็จะหยุดที่การแข่งขันรอบแปด
ที่จริงในฐานะดีไซเนอร์หน้าใหม่ สามารถบรรลุถึงความสำเร็จในปัจจุบันมันไม่ง่าย แผนกดีไซเนอร์ของเซิ่งซื่อที่มาส่วนใหญ่ถูกคัดออกไปหมดแล้ว ที่ยังคงอยู่ในสนามต่อไปเหลือเพียงสามคน ในจำนวนนั้นนอกจากชางหลิง อีกสองคนล้วนแล้วแต่เป็นดีไซเนอร์เหรียญทอง ซึ่งฉีจินหมิ่นก็อยู่ในรายชื่อ
ชางหลิงออกจากสนามแข่งกลับไปที่โรงแรมด้วยความวิตกกังวล ตลอดทางเธอไม่มีการปริปาก โหมวยู่มองความกังวลของเธอออก จึงขับรถค่อนข้างช้าเป็นพิเศษ
“เครียดอะไร” โหมวยู่ปลอบเธอ “ด้วยคุณสมบัติในตอนนี้ของเธอ สามารถเลื่อนขั้นเข้าถึงการแข่งรอบแปดได้ ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแล้ว”
ชางหลิงถอนหายใจ มือของเธอล้วงเข้าไปในลิ้นชักด้านหน้าที่นั่งครู่หนึ่ง หยิบเอากล่องขนมที่อยู่ข้างในออกมา แกะมันแล้วเอาเข้าปาก
“ฉันก็ไม่อยากเครียด แต่ว่ายิ่งเข้าถึงรอบลึกๆ ยิ่งรู้สึกว่าถ้าแพ้ ความพยายามก่อนหน้าก็เป็นแค่ตะกร้าไม้ไผ่ว่างเปล่าเก็บน้ำไม่อยู่” ชางหลิงพิงพนักเบาะ มองดูมือที่เปื้อนน้ำตาล คิ้วขมวดมุ่น
เจสันทำลายหนึ่งในผลงานของเธอในการแข่งขันครั้งแรกของเธอ ช่วงเวลานี้ เธอยังถูกรบกวนด้วยเรื่องต่างๆ อีกด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาวิเคราะห์รายละเอียดชิ้นงานที่แปดของตัวเอง ตอนนี้เหลืออีกแค่สองวันแล้ว ในช่วงเวลาสองวัน เธอจะทำชุดที่แปดออกมาได้อย่างไร
เธออยู่ในอันดับรั้งท้ายสามเกมติดต่อกันแล้ว เกมสุดท้าย ผู้ตัดสินจะตัดสินผู้แข่งขันที่เข้ารอบด้วยอันดับที่ดีที่สุดตามการจัดอันดับโดยรวมของการแข่งขันรอบก่อน ถ้าการแข่งขันรอบนี้เธอไม่สามารถโดดเด่นได้ กลัวว่าทันทีที่เข้าถึงอันดับสูง ก็จะถูกพวกเขี้ยวลากดินจากกองพันทหารม้าโรมรันออกมาสังหารจนไม่เหลือซาก
ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ ชางหลิงก็คร่ำครวญอย่างทนไม่ไหว เธอเงยหน้าขึ้นฟ้ากรีดร้อง ติดอยู่กับปัญหาตรงหน้า
โหมวยู่เลิกคิ้ว เห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาก็มุมปากกระตุก เร่งความเร็วขึ้นมุ่งหน้าไปยังโรงแรม
เมื่อลงจากรถ มันเป็นเวลาที่ดีไซเนอร์คนอื่นกลับมาพอดี ล็อบบี้ของโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บรรดาโมเดลและพวกผู้ช่วย เดิมทียังคงพูดคุยกันสนุกสนาน แต่เมื่อเห็นโหมวยู่กับชางหลิง ก็หุบปากกันทันทีทันใด
แม้ว่าโหมวยู่จะเปิดเผยเรื่องระหว่างพวกเขาไปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อสายตาของคนรู้จัก ชางหลิงไม่อยากเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ กำลังจะออกห่างโหมวยู่ แต่เมื่อคิดทบทวนดูอีกที บางครั้ง การที่ระดับเสียงต่ำเกินไปมันน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าการตะโกนป่าวร้อง ตอนนี้พวกเขาเป็นที่รู้กันไปทั่วแล้ว หากเธอแอบซ่อน ในสายตาคนนอก อาจยิ่งเป็นที่สะดุดตามากกว่า
ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ เธอจึงจับมือของโหมวยู่อย่างผ่อนคลาย ยิ้มบางนิ่งๆ และเดินเข้าไปที่ลิฟต์
โหมวยู่ประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวกะทันหันของเธอ ผู้หญิงคนนี้ ในที่สุดก็เปิดใจแล้วงั้นเหรอ
“คุณชายรอง” ขณะที่พวกเขาเดินเข้าใกล้ คนที่แต่เดิมยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ต่างหลีกทางให้ และก้มศีรษะให้โหมวยู่ด้วยความเคารพ
ชางหลิงเชิดหน้ายืดอกแสร้งทำเป็นใจเย็นนิ่งสงบ ขณะที่กำลังคิดอยากให้ตัวเองล่องหน ผู้คนรอบข้างก็เปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้งมาให้ความเคารพต่อเธอ “ดีโซเนอร์ชางหลิง”
ชางหลิงประหลาดใจมาก เธอมองกลุ่มคนที่ทำความเคารพด้วยความแปลกใจ ยังไม่ทันได้เข้าสู่บทบาทอย่างเต็มที่เลยนะ
ที่อยู่ในนี้ ยังมีรุ่นพี่ที่ตำแหน่งสูงกว่าเธอมากด้วย
“อืม” โหมวยู่ยังคงสูงส่งเย็นชา เขากระชับมือชางหลิง สายตาไม่หวั่นไหว ไม่ได้รับผลกระทบจากภายนอกแม้แต่น้อย
แต่ชางหลิง แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเพลิดเพลินกับรสชาติที่ถูกคนยกย่องเชิดชู จึงรับไม่ไหวไปชั่วขณะหนึ่ง
เธอเปลี่ยนโฟกัสอย่างไม่เป็นสุข แต่กลับเห็นหลิวจื่อเวยไกลๆ ยืนอยู่หลังฝูงชน
เธอถูกคัดออกไปนานแล้ว เพื่อความสะดวกต่อการจัดการและรับประกันความปลอดภัย ถงเอินจึงตัดสินใจให้เธอรอกลับพร้อมทีมใหญ่จนเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน แต่ทุกวันนี้ชางหลิงยุ่งกับเรื่องอื่นจนลืมเธอไปแล้ว
ตอนนี้เวลานี้ หลิวจื่อเวยแสดงสีหน้าชัดเจนมาก มีทั้งความเกลียดชังทั้งความกริ่งเกรง เมื่อลองคิดดูแล้ว คาดว่ายังมีความรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่นิดหน่อย เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็คิดไม่ถึงว่าชางหลิงจะมีวันนี้ ที่สามารถยืนเคียงข้างโหมวยู่ รับการแสดงความเคารพจากทุกคน
ลิฟต์มาหยุดตรงหน้าพวกเขาแล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเดินมา แต่โหมวยู่ไม่เป็นเช่นนั้น ทำการกระชับมือชางหลิงเดินอย่างสง่างามเข้าไปในลิฟต์
ชางหลิงนิ่งมองลิฟต์ที่มีเพียงพวกเขายึดครองปิดประตูช้าๆ โหมวยู่ออกแรงดึงเธอเข้าหาตัว
“ก้าวหน้าแล้วเหรอ” เขายื่นมือไปหยิกแก้มเธอ “คราวหน้าเป็นธรรมชาติกว่านี้อีกหน่อย เพราะยังไงต่อไปก็ยังมีกรณีแบบนี้อีกเยอะ”
ชางหลิงแกะมือของเขาอย่างโมโห “ยังจะพูดอีกเหรอ มันเป็นผลมาจากที่ว่ามีเงินจึงสามารถสั่งผีทำงานได้น่ะสิ คุณเห็นสีหน้าพวกคนเมื่อครู่ไหม โดยเฉพาะหยูหวั่นเอ๋อกับแอวริล เดิมทีเชิดใส่ฉัน แต่ท่าทางนอบน้อมเมื่อครู่ มันทำให้ฉันตาเหลือกจริงๆ”
แต่เมื่อพูดถึงสองคนนั้น ชางหลิงยังค่อนข้างแปลกใจ หยูหวั่นเอ๋อเป็นโมเดลของฉีจินหมิ่น การติดตามมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็นับว่าปกติ แต่แอวริลนั่น ได้ยินว่าเดิมทีติดตามดีไซเนอร์คนอื่น หลังจากดีไซเนอร์คนนั้นตกรอบ เธอก็ไม่มีผู้นำ และมีรอบหนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นเวที แต่ตอนนี้ ในรอบเจ็ดเธอกลับติดตามดีไซเนอร์อีกคน
กลวิธีของเธอชัดเจน ไม่อย่างนั้น เมิ่งเคอก็คงไม่ตกอยู่ในกำมือของเธอ
เรื่องระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ซูเสี่ยวเฉิงก็กลับประเทศไปแล้ว โหมวยู่ถอนตัวชางหลิงออกจากห้องด้วยเหตุผลเรื่องความเหมาะสม ให้เธอมาอยู่ในห้องชุดของเขา
ชางหลิงผลักประตูเปิดก่อน แต่เพิ่งเข้ามามันก็สว่างอยู่ก่อนแล้ว
“นี่มัน….” เธอก้าวไปอย่างรวดเร็ว มองดูห้องที่เต็มไปด้วยผ้าและเครื่องประดับกระจุกกระจิกทุกชนิด ที่ที่แต่เดิมมีโต๊ะน้ำชาวางอยู่ ได้ถูกแทนที่ด้วยโต๊ะตัวใหญ่ เครื่องมือทำเสื้อผ้ายังคลุมด้วยฟิล์ม ไม่มีการถูกเปิด
“ของพวกนี้ทั้งหมดคุณเป็นคนจัดเตรียมเหรอ” ชางหลิงมองดูบรรดาสิ่งของพวกนั้นที่เธอคิดอยากได้อยู่เป็นเวลานานด้วยความประหลาดใจ และหันกลับไปมองโหมวยู่
โหมวยู่สงบนิ่งเช่นเคย เขายกเท้าเขี่ยสิ่งของระเกะระกะบนพื้น แหวกทางให้พอกับที่เขาจะเดินไป แล้วนั่งลงบนโซฟา
“โหมวยู่” ตัวเขาเพิ่งถึงโซฟา ชางหลิงก็กระโดดใส่ตัวเขาเหมือนตั๊กแตน จับศีรษะเขาเข้ามาจูบเหมือนไก่จิกข้าว “คุณคือสุดยอดปลั๊กอินของฉัน ฉันโคตรรักคุณเลย”
โหมวยู่เช็ดหน้าตัวเองอย่างขยะแขยง “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณฉัน ในเมื่อเธออยากชนะมาก ก็พยายามให้ดีๆ อย่าให้ความทุ่มเทของฉันสูญเปล่า”
สำหรับงานชิ้นที่แปดของเธอ เขาวิ่งรอบเกือบทุกตลาดผ้าในเมือง เขายังทำการบ้านด้วย รู้ว่าธีมการแข่งของเธอคือ “สืบสาน” จึงให้ฉินซางรวบรวมวัสดุที่ยอดเยี่ยมในประเทศจีนเหล่านี้มาเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าจะเป็นการหักคะแนนฝีมือของเธอ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋กัน เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ชางหลิงจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
และเมื่อได้เห็นคนที่หน้าประตู ชางหลิงก็ชะงักไป