ชางหลิงพูดคำนี้อย่างเสียงดัง ทั้งงานเงียบกันไปสักพัก สุดท้ายก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นมา
ไม่เพียงแต่ทุกคนที่อึ้ง ขนาดรอยยิ้มบนใบหน้าของโหมวยู่ยังหายไปเลย เขาหรี่ตาลง
“ว่าไงนะ?” ฉู่ฉืออึ้ง “ถอนตัวออกจากการแข่งขัน?”
เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ชางหลิงผ่านด่านมาเยอะแยะขนาดนี้ อีกนิดเดียวก็จะชนะแล้ว แต่เธอกลับขอสละสิทธิ์กะทันหัน?
“ดิฉันไร้ความสามารถ แม้จะอยากชนะ แต่ก็อยากชนะแบบใสสะอาด” ชางหลิงยิ้มบางๆ สายตาจ้องมองไปยังกลุ่มหนึ่งของผู้คน
“ทุกคนล้วนแต่สมควรได้รับการเคารพ ทุกคนควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง เทียบกับชัยชนะที่สวยงามนี้ ฉันอยากใช้ชีวิตที่สวยงามในแบบของตัวเองมากกว่า” ชางหลิงพูดความในใจออกมา เธอโค้งคำนับให้ทุกคนอีกครั้ง “ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนฉัน ฉันจะพยายามมากขึ้น ให้เวลาฉันอีกหน่อย ฉันจะยืนต่อหน้าทุกคนอีกครั้งอย่างมีความมั่นใจแน่นอนค่ะ”
ชางหลิงพูดจบก็กลับหลังหัน ก้าวเท้าเดินออกจากเวทีทันที
ทุกคนต่างอึ้งกันไปหมด ยังคงตกใจกับข่าวการถอนตัวออกจากการแข่งขันของชางหลิง
มีเพียงโหมวยู่ที่ใบหน้าบึ้งตึง เขานั่งอยู่ในหมู่ผู้คนและแสยะยิ้มอย่างเย็นชา
คำพูดนี้ของชางหลิง เห็นได้ชัดว่ากำลังพูดให้เขาฟัง
ชัยชนะหรือคำพูดสวยหรูอะไรกัน ก็แค่กำลังบอกเขาว่า——เธอดูถูกเขา
ชางหลิงก็คือชางหลิง เธอใช้วิธีของเธอในการต่อต้าน ไปปกป้องความยุติธรรมในใจตัวเอง ทิ้งท้ายคำพูดที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ถูก
“ชางหลิง” โจวลี่ลี่มองเห็นชางหลิงเดินลงจากเวที ก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ! ได้เข้ารอบสุดท้ายแล้วแท้ๆ ทำไมถึงสละสิทธิ์ล่ะ เธอรู้ไหมมีคนมากมายอิจฉาเธอกันทั้งนั้น” โจวลี่ลี่ก็เป็นดีไซเนอร์ เธอก็เป็นหนึ่งในคนที่อิจฉา
“ทำไม เธอหึงงั้นเหรอ” ชางหลิงทำเป็นไม่สนใจ และยิ้มให้กับหล่อน
หึงบ้าอะไรกัน! โง่น่ะสิไม่ว่า โจวลี่ลี่มองหล่อน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดความในใจออกมา
ชางหลิงเห็นท่าทางหล่อนแบบนั้น ก็เดาได้แล้วว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ ก็แค่ขี้เกียจอธิบายก็เท่านั้น ปากเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทุกคนก็ล้วนแต่มีความคิดของตัวเอง ยังไงเธอก็ไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคนอื่นไม่ได้หรอก
“ไปล่ะนะ” ชางหลิงพูดแล้ว ก็เดินไปหยิบกระเป๋าที่ห้องแต่งหน้า
ตอนที่หันหลังเดินไปที่ประตู ก็ยังคงข่มอารมณ์เศร้าไว้ไม่อยู่ ชางหลิงเบะปาก เก็บความน้อยใจทุกอย่างไว้ภายในจิตใจ
ก็แค่การแข่งขันเองนี่? เธอไม่อยากได้หรอกนะ
เธอกำลังก้มหน้าเดิน แต่กลับชนเข้ากับใครบางคนเข้า ชางหลิงร้องโอ๊ยออกมา พอยกมือขึ้นก็เห็นใบหน้าที่ไม่พอใจของโหมวยู่
“ทำไม? อยากหนีงั้นเหรอ?” โหมวยู่ถามเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชางหลิงกำหมัดในมือไว้แน่น และถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เธอว่าเธอพูดได้เข้าใจแล้วนะ โหมวยู่เป็นคนฉลาด ก็ต้องเข้าใจความหมายของเธออยู่แล้ว
แม้เธอจะเป็นเพียงแค่ผู้หญิง แต่ภายในก็มีความแข็งแกร่งกว่าใคร จะไม่ยอมถูกอำนาจการเงินครอบงำเด็ดขาด สาบานจะปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองให้ถึงที่สุด
ฉู่ฉือถอยออกเงียบๆ บรรยากาศระหว่างคุณชายรองกับคุณชางเริ่มดุเดือดมากขึ้น ถ้าเกิดโดนผู้บริสุทธิ์เข้าก็คงไม่ดี แต่ว่าเรื่องที่ทดลองความเป็นความตายแบบนี้ ก็มีแต่คุณชางเท่านั้นที่กล้าทำ
พอนึกถึงตรงนี้ ฉู่ฉือก็ต้องนับถือชางหลิงอย่างสุดซึ้งจริงๆ
นิ่งอยู่แบบนี้นานมาก สุดท้ายชางหลิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน
“พี่ใหญ่ ฉันผิดไปแล้ว” ชางหลิงยอมแพ้ในทันที เธอจับแขนเสื้อโหมวยู่ น้ำตาไหลอาบแก้มลงมา “นายยกโทษให้ฉันครั้งนี้เถอะนะ ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยวทุกคนก็ออกมาแล้ว ไว้หน้าฉันสักครั้งเถอะนะ……”
เอ่อ……
โหมวยู่กับฉู่ฉือสองคนอึ้งอยู่กับที่
ฉู่ฉือขมวดคิ้ว ภาพความยิ่งใหญ่ในใจของเขาเมื่อกี้ก็ได้พังทลายลงไปในพริบตา
“ไว้หน้า? เธอกลัวเสียหน้าด้วยงั้นเหรอ?” โหมวยู่กระตุกยิ้มเย็นชา “ฉันคิดว่าเมื่อกี้เธอก็มีศักดิ์ศรีใหญ่เลยนี่ ไม่ต้องการอยู่ร่วมกับคนเยือกเย็นอย่างฉันหรอก”
“ไอ้หยา นั่นก็แค่คำพูดหลอกพวกเขา ฉันจะกล้าได้ยังไง ฉันร้อนจะตาย ต้องการคนเยือกเย็นอย่างท่านมาคลายความร้อนให้” ชางหลิงพูดประจบอย่างไม่มีความไร้ยางอาย
ถ้าเดี๋ยวเธอถูกโหมวยู่ลากคอเสื้อออกไปต่อหน้าทุกคน คำพูดเท่ๆเมื่อกี้ของเธอก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ?
นี่เป็นศักดิ์ศรีที่กว่าเธอจะหามาให้ตัวเองได้
โหมวยู่มองดูเธอ ดวงตากลมโตของชางหลิงยังคงแดงก่ำ ใบหน้าอมชมพู ทั้งที่ดูเหมือนคนที่ไร้เดียงสา แต่เขากลับมองไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้านี้ของเธอ
หลังจากเงียบอยู่นานแล้ว โหมวยู่ก็เอามือพาดหลัง ชักแขนเสื้อออกจากมือของเธอ และกลับหลังหันเดินออกไป
“คุณชาง” ฉู่ฉือโค้งคำนับชางหลิง และรีบตามโหมวยู่ไป
ชางหลิงถอนหายใจโล่งอก เธอมองดูแผ่นหลังของโหมวยู่ เธอเก็บอารมณ์บนสีหน้า ยกมือขึ้นเช็กน้ำตาตัวเองออก เหลือเพียงแต่คราบบางๆ
เมื่อกี้คำพูดบนเวทีนั้น เป็นความจริงทั้งหมด
เธอไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน
เธอต้องการมีชีวิตที่สวยงามในแบบของตัวเอง
แต่ว่า……
ชางหลิงมาถึงจัตุรัส ก็เห็นโหมวยู่ขึ้นรถและขับออกไป จนมองเห็นแต่ท้ายรถ
“นี่!” ชางหลิงวิ่งตามไปไม่ทัน “นายรอฉันก่อนสิ!”
“ยังไงนายก็รอฉันกลับไปก่อน ค่อยให้ฉันใช้ชีวิตที่สวยงามของตัวเองไหม” ชางหลิงจับเข่าสองข้างตัวเองอย่างเหนื่อยหอบ
ผู้ชายบ้า ใจแคบกว่ารูเข็มเสียอีก เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ ไม่กลัวจะตายอยู่กับความแค้นเหรอ
ภายในรถ
ฉู่ฉือนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ใช้กระจกมองหลังมองโหมวยู่
“คุณชายรอง จะทิ้งคุณชางไว้ด้านนอกจริงเหรอครับ?” แม้คุณชางจะทำเกินไปก็จริง แต่ยิ่งทำแบบนี้ เกรงว่าเธอจะโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“เธออยากใช้ชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้เธอไปทดลองแล้วกัน ไม่มีฉัน เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง” โหมวยู่มองออกไปนอกหน้าตาด้วยสายตาเย็นชา
แต่ทว่า เพราะมองออกไปก็มีรถสีดำคันหนึ่งผ่านไปตรงหน้าเขา เขาขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่สบายใจก็เอ่อล้นขึ้นมาทันที
นั่นคือ……
ในสมองของโหมวยู่ประมวลอยู่สักพัก ก็นึกป้ายทะเบียนรถได้
นั่นเป็นรถของเจสัน!
“ฉู่ฉือ กลับรถเร็ว!” โหมวยู่ร้อนรน