ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 231 จะถูกหรือผิดก็อยู่ที่คุณจะพิจารณา

บทที่ 231 จะถูกหรือผิดก็อยู่ที่คุณจะพิจารณา

ชางหลิงเลิกคิ้วด้วยใบหน้าที่สะอาดเรียบร้อย แต่รอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยความกลัว

“อืมมันก็สมควรแล้วล่ะ” ชางหลิงหลบสายตาเธอยังคงหนุนหัวตัวเองไว้พร้อมกับมองออกไปยังทิศทางนอกหน้าต่างและแสงในดวงตาของเธอนั้นก็ค่อยๆ เยือกเย็นลง

“ไม่รู้เลยว่าในช่วง 10 วันมานี้โม่โม่เป็นยังไงบ้าง”

ใช่แล้ว เธอมันจงใจ

แสร้งทำเป็นมีบาดแผลทางใจ นอนไม่หลับบ้างทานอาหารไม่รู้รสบ้าง ล้วนเป็นการเสแสร้งที่เธอจงใจทำอะไรออกเท่านั้น

และเธอก็รู้ดีว่าโหมวยู่จะไม่ยอมปล่อยให้โม่โม่กับเจสันไปง่ายๆ แบบนี้หรอก และยังรู้ด้วยว่า ยิ่งเธอทรมานมากเท่าไหร่ ความโกรธที่รุนแรงของโหมวยู่ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และความเจ็บปวดทั้งหมดที่โม่โม่ได้รับนั้นจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้นด้วย

“แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่เหมือนกัน” ชางหลิงพูดอย่างเสียงเบาและดวงตาของเธอก็ค่อยๆ ย้อมความดุร้ายขึ้นมา “เธอเคยทำร้ายคนมากมายขนาดนั้นและทำสิ่งที่เลวร้ายอำมหิตมาก็มากมายดังนั้นความเจ็บปวดที่แดกดันมา 10 วันนั้น มันจะไปนับประสากับอะไรได้ล่ะ?”

แต่ทุกครั้งที่นึกถึงมีดเล่มนั้นที่ตัวซูเสี่ยวเฉิงได้ประสบ และทุกครั้งที่นึกถึงฉากที่หยูเฉินเสียชีวิตอย่างอนาถต่อหน้าเธอ ชางหลิงก็ยังคงเกลียดเธอจนทนไม่ไหว

มีดคมที่แทงเข้าใส่ร่างกายอย่างถี่ๆ ไม่รู้สึกเจ็บบ้างเลยเหรอ? ถูกอควารีเจียกัดกร่อนไปทั่วทั้งตัวไม่เจ็บเหรอ? ถูกโยนลงไปในสระน้ำจนกลายเป็นอาหารของปลิงและเกือบจมน้ำตายไม่กลัวบ้างเลยหรือไง?

เธอคิดว่าเธออยู่บนยอดสุดของห่วงโซ่อาหาร ก็จะสามารถพึ่งพาอำนาจและฐานะของครอบครัวเพื่อกระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสาน แต่กลับไม่เคยตระหนักว่าทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างก็เท่าเทียมกันและกรรมชั่วที่เธอได้กระทำไว้ในที่สุดก็ต้องรับการชดใช้

“ดังนั้นคุณต้องการจะทำยังไง?” ป๋ายจื๋อถามเธอ

ชางหลิงเงยหน้าขึ้นแล้วนั่งตัวตรงสีหน้าเธอเศร้าเล็กน้อย เธอตาแดงก่ำ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองป๋ายจื๋อที่อยู่บนเตียง

“แล้วฉันสามารถทำยังไงได้บ้างล่ะ? ฉันอยากให้เธอตายๆ ไปสะและอยากฆ่าเธอให้ตายด้วยมือตัวเอง แต่…ฉันทำได้ด้วยเหรอ?”

“ภาระที่เธอได้แบกไว้บนตัว ไม่เพียงแค่เป็นชีวิตของหยูเฉินเท่านั้น และไม่ใช่แค่ฉันและเธอที่มีความเกลียดแค้นกันมาก ถ้าฉันจบเธอแบบนี้แล้วฉันกับคนอย่างเธอจะไปต่างอะไรกันล่ะ? เพราะมันก็เป็นแค่อีกคนหนึ่งที่ต้องสู้รบกับความอ่อนแอที่ตัวเองมีซึ่งไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนเท่านั้น”

เธอขัดแย้งอย่างมาก

หลายครั้งที่เธอคิดว่า เธอจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จะฆ่าเธอไปแบบนี้แหละเพราะตราบใดที่เธอไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปปัญหาทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง แต่หลังจากที่เธอสงบลงแล้ว เธอก็รู้สึกกลัวกับความคิดแบบนี้ของตัวเอง

“ฉันกลัวว่าจะกลายเป็นคนแบบเธอเพราะความปรารถนาของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุดฉันเลยกลัวว่าถ้าได้ลิ้มรสความหวานนี้แล้ว ต่อไปในภายภาคหน้าหากเจอกับปัญหาเล็กน้อยอีกฉันก็จะเอาแต่อยากฆ่าคนที่ยืนขวางทางตรงหน้าฉัน…”

ป๋ายจื๋อหรี่ตาลง และค่อยๆ ขดมือที่ถือรีโมทไว้

“ผมไม่คิดว่าเลยคุณจะให้คำตอบนี้กับผม” น้ำเสียงป๋ายจื๋อนิ่งเฉย “คุณควรรู้นะว่าตั้งแต่ที่ผมกระโดดลงไปในสระ มันก็ไม่ใช่ความเกลียดแค้นของคุณคนเดียวอีกต่อไป”

เขาก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องด้วยเพราะบาดแผลที่เขาได้รับนั้น หนักกว่าชางหลิงสะอีก

“ดังนั้นผมเลยมาหาคุณ” ชางหลิงจ้องเขา “ผมเชื่อว่า โหมวยู่มีแผนของเขาเองแล้วและเขาจะให้คำอธิบายแก่พวกเรา”

ป๋ายจื๋อมองมาที่เธอและทั้งสองก็สบตากันอยู่นาน “คุณไม่อยากให้ผมฆ่าโม่โม่”

“ฉันรู้ว่าคุณฆ่าเธอได้”ซึ่งชางหลิงเองก็ไม่เคยสงสัยในความจริงข้อนี้เลยเขาถือปืนมาช่วยเธอ ถ้าเขายินยอม โม่โม่คงกลายเป็นศพไปแล้ว

แต่เขาไม่ได้ทำ

“ถ้าทุกคน ต่างก็ตัดสินชีวิตของคนอื่นได้ตามใจชอบเช่นนี้ในโลกนี้ คงไม่มีใครเคารพกฎหมายที่มีอยู่ แม้ว่าจะมีบางครั้งที่มีการรบกวนจากภายนอกบ้างก็ไม่แน่ว่ากฎหมายจะมีความยุติธรรมแต่สิ่งที่เราควรทำคือใช้กำลังอันเล็กน้อยนี้ของเรากวาดล้างการรบกวนเหล่าให้หมดสิ้น ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ยอมแพ้ต่อมัน”

ชางหลิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีความตื่นตัวนี้ด้วยเพราะที่จริงแล้วเธอเป็นเพียงสมาชิกของสิ่งมีชีวิตมากมายที่แสนจะธรรมดาซึ่งก่อนหน้านั้น เธอประพฤติตัวดีเคารพกฎหมายบ้านเมือง และกระตือรือร้นทะเยอทะยาน แต่ในช่วงเวลากลางดึกเธอก็ย้อนฝันถึงผู้คนจำนวนมากที่ถูกโม่โม่ฆ่าซึ่งเธอก็ไม่เคยพบมาก่อนอยู่ๆ เธอก็คิดว่า ถ้าวันใดที่เธอฆ่าโม่โม่ โม่โม่จะกลายเป็นฝันร้ายของเธอ แล้วเข้าไปยุ่งยากไม่ยอมปล่อยเธอหรือเปล่า

“สิ่งเหล่านั้นที่คุณพูด ผมไม่สนใจหรอก” ป๋ายจื๋อยังคงล่องลอย “อย่างไรก็ตามในเมื่อคุณบอกว่าไม่ต้องการฆ่าเธอ งั้นผมก็จะไม่ฆ่าเธอก็แล้วกัน”

ชางหลิงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

อะไรที่เรียกว่าถ้าคุณไม่ต้องการฆ่าเธอเขาก็จะไม่ฆ่าเหรอ?

“นี่คุณ…คุณพูดจริงเหรอ?” ชางหลิงยังคงไม่อยากเชื่อ

“อืม” ป๋ายจื๋อตอบรับ “คุณพูดยังไง ผมก็จะทำอย่างนั้น”

ชางหลิงขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแน่นหนา “หากตามที่เธอว่าถ้าวันหนึ่งสิ่งที่ฉันพูดมันผิดล่ะ? เธอยังจะทำเหรอ?”

ผมแค่ไปทำส่วนจะถูกหรือผิดนั้นก็อยู่ที่คุณจะพิจารณา” ป๋ายจื๋อตอบเธอโดยไม่ลังเลสักนิด

ชางหลิงไม่ได้นิ่งเงียบครู่หนึ่งเลย

ป๋ายจื๋อนี่ช่างเป็นคนที่เป็นดั่งชื่อตัวเองจริงๆซึ่งเป็นคนที่ดื้อด้านเหมือนอย่างกระดาษอย่างงั้นอย่างไงเลย

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันจะไม่พูดมากกับเธอล่ะ” เดิมทีเธอยังคิดว่ามันคงยากที่จะเกลี้ยกล่อมเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการพยายามด้วยคำสองคำเหล่านี้ ในที่สุดเขาก็รับปากอย่างนี้ไปจริงๆ ด้วย

ชางหลิงยืนขึ้นด้วยมือทั้งสองที่หนุนต้นขาตัวเองไว้ “เธอเก็บของอย่างเรียบร้อยไว้นะ และเตรียมออกจากโรงพยาบาลฉันแทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว” แม้ว่า บ้านที่เธออาศัยอยู่มา 22 ปีนั้น มันจะไม่มีอยู่แล้ว

ชางหลิงเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยของป๋ายจื๋อแต่พอปิดประตูและทันทีที่เธอหันหน้ามา ก็เห็นโหมวยู่ยืนอยู่ข้างๆ แล้ว

เขายืนพิงอยู่ใกล้กำแพง โดยใช้มือทั้งสองกอดอกไว้แล้วมองมาที่เธอ

ชางหลิงตกใจ และรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“คุณ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?”

แล้วสิ่งที่เมื่อครู่เธอได้พูดกับป๋ายจื๋อนั้น เขาคงไม่ได้ยินนะ

โหมวยู่มองดูนาฬิกาข้อมือ “10 นาที”

“นั่นเป็น เวลาที่เมื่อกี้คุณได้เข้าไป”

จบแล้วๆ ชางหลิงเซ่อนั่นมันไม่ใช่ว่า โหมวยู่ก็รู้แล้วสิว่าเธอจงใจไม่ยอมออกจากโรงพยาบาล?

ชางหลิงยืนนิ่งอยู่กับที่และโหมวยู่ก็หิ้วปกคอด้านหลังเธอขึ้นมาแล้วยกเธอขึ้นมาอย่างไม่ต้องลงแรงเยอะ จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเธอ

“โหมวยู่…” ชางหลิงถูกเขาโยนลงบนเตียงผู้ป่วยโดยรู้ว่าเขาจะต้องโกรธเธอแล้วแน่

“โหมวยู่คุณต้องฟังฉันพูดก่อนสิ…”

“คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายกับผมหรอก” โหมวยู่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วกดตัวเธอด้วยส่วนสูงที่ได้เปรียบของเขา

“ความเคียดแค้นทุกอย่างในใจคุณ ผมรู้หมดแล้ว”

“คุณแค่ต้องการใช้มือผมแก้แค้นโม่โม่เพื่อระบายความโกรธของคุณ แต่นี่มันก็ไม่ได้มากเกินไปหรอก”

“เอ่อ…เอ๊ะ?” ชางหลิงถูกห้อยจนคอตกอย่างน่าสงสารแต่เมื่อได้ยินคำพูดของโหมวยู่แล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ

ไม่มากเกินไปงั้นเหรอ?

“สิ่งที่คุณต้องการ ผมไม่เคยให้คุณเลยงั้นเหรอ? แต่คุณกลับเลือกวิธีที่จะทรมานตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”โหมวยู่มองไปที่ใบหน้าที่ผอมบางของเธอ ก็รู้สึกเจ็บปวดไปครู่หนึ่ง

เพราะเขารู้เจตนาของชางหลิงมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเหตุผลที่เขาไม่เปิดโปงเธอมานานขนาดนี้ ก็เพราะเขาอยากรู้ว่า สำหรับเธอแล้ว เธอจะทำไปถึงขั้นไหนกัน

ในที่สุดเธอก็ยังไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท