ชางหลิงกลับไปที่โรงแรม
ในห้องที่มีเศษผ้าที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปทั่วห้องนั้นถูกโหมวยู่ทำเก็บกวาดแล้วและแม้แต่ของส่วนตัวก็ยังถูกเขาเก็บใส่ไว้ในกล่องแค่รอเธอกลับมาก็สามารถกลับประเทศได้เลย
ชางหลิงหาของในกล่องนั้นอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้เธอจึงรีบหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรหาโจวลี่ลี่ เพียงแต่ ยังไม่ทันได้โทรติดโหมวยู่ก็ได้ผลักเปิดประตูแล้วเข้ามาพร้อมกับถือถุงของขวัญสีแดงไว้ในมือ
“กำลังหาอะไรอยู่เหรอ?” โหมวยู่ถามเธอ
ชางหลิงไม่ได้ตอบแต่โหมวยู่กลับยื่นถุงของขวัญให้เธอก่อนแล้ว
ชางหลิงกดวางสายแล้วรับถุงในมือของเขาหลังจากที่เปิดออกแล้ว เธอก็เห็นเสื้อผ้าที่ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ข้างใน
“ทำไมมันถึงอยู่ในมือคุณได้ล่ะ?” นี่เป็นชุดยกน้ำชาสีแดงที่เธอทำเพราะก่อนหน้านี้เธอกลับจากสนามแข่งอย่างเร่งรีบเกินไป จนลืมนำมันกลับมาด้วย
ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งของล้ำค่าอะไรแต่นี่ล้วนเป็นความพยายามอันอุตสาหะของแม่และมันก็จะทำหายไม่ได้เลย
“ไหนบอกเป็นของที่แม่ยายเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ?” โหมวยู่นั่งลง “ฉันต้องเก็บรักษามันให้ดีอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ” ชางหลิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างจริงใจ
เมื่อพูดถึงแม่ ชางหลิงก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็นั่งลงข้างๆ โหมวยู่
“ใช่แล้ว สำหรับแม่ของฉันฉันรู้ข่าวใหม่เกี่ยวกับแม่ของฉันด้วยนะ”
โหมวยู่หันหน้ามาแล้วมองเธอพร้อมกับวางมือไว้บนไหล่ของเธอ
“ออโรร่าบอกว่าเมื่อ 15 ปีก่อนเธอเห็นแม่ของฉันด้วยตอนนั้นเธอเป็นพี่เลี้ยงที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของเย่นเจิ้งหยางด้วยฉันเลยคิดว่าเรื่องนี้ มันอาจมีความเกี่ยวข้องกับการตายของแม่ฉัน”
“เย่นเจิ้งหยางงั้นเหรอ?” โหมวยู่ประหลาดใจไปครู่หนึ่ง
แต่ต้องรู้ว่า ตำแหน่งของเย่นเจิ้งหยางในสหรัฐอเมริกาเป็นตำแหน่งที่สำคัญซึ่งมีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมนะ เพราะเขามีอุตสาหกรรมน้ำมันขนาดใหญ่ที่ตะวันออกกลาง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีอยู่ในมือของเขาก็มีอีกมากมายเมื่อตระกูลโหมวเทียบกับเขาก็คงเป็นได้แค่ของที่เล็กเมื่อเปรียบเทียบของที่ใหญ่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเลยและไม่ค่อยปรากฏในความสนใจของสื่อด้วยซึ่งก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขามีทรัพย์สมบัติมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม คนที่ไร้อุปสรรคขวางทางโลกธุรกิจของสหรัฐอเมริกาอย่างนี้ จะไปอยู่กับแม่ของชางหลิงได้ยังไงกัน?
“ฉันก็รู้ว่ามันเหลือเชื่อเช่นกันแต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนมันจะอย่างที่มันบังเอิญอยู่บ้างเพราะแม่ของฉันฆ่าตัวตายด้วยโรคซึมเศร้าหลังจากพบกับไม่นานหลังจากพบกับเย่นเจิ้งหยางได้ไม่นานและตู้เว่ยหรันคนสนิทข้างกายเธอที่ตอนนี้ก็อยู่ที่ลอสแอนเจลิสสหรัฐอเมริกาซึ่งครอบครัวของออโรร่าและเย่นเจิ้งหยางก็อยู่ในลอสแอนเจลิสด้วย…”
ชางหลิงพูดความสงสัยของตัวเอง
ก่อนหน้าที่มักจะถูกเรื่องของโม่โม่รบกวนใจตลอด เลยไม่มีจิตใจที่จะไปตรวจสอบเรื่องแม่ของฉันได้มากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ฉันก็มีเวลาว่างแล้วและความลึกลับนี้ก็ทำให้เธอสับสนมานานเกินไป ซึ่งเธอก็รอไม่ไหวที่จะไขปริศนานี้แล้ว
“คุณคิดว่าตู้เว่ยหรันมีความเป็นไปที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเย่นเจิ้งหยางคนนี้?” โหมวยู่ถามเธอ
“ก่อนหน้านี้คุณก็เคยตรวจสอบแล้วไม่ใช่เหรอ? ตู้เว่ยหรันคนนี้ ไม่มีลูก เพราะเธอก็อยู่เป็นโสดมาทั้งชีวิตแล้ว และเขาก็ไม่ได้มีธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ในสหรัฐอเมริกาเลย ทำไมเขาถึงทิ้งบ้านเกิดไปอยู่ลอสแอนเจลิสล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็ทุกข์ทรมานจากโรคอัลไซเมอร์ที่บ้านพักคนชราและนี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลย แล้วเงินเหล่านี้ ใครจะเป็นคนรับภาระกันล่ะ?”
โหมวยู่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ชางหลิงพูดอย่างรอบคอบแล้วก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
“มันบังเอิญจริงๆ ด้วย” โหมวยู่ลูบผมของชางหลิง “ไว้ฉลองปีใหม่เสร็จก่อนเราคอยไปสหรัฐอเมริกาด้วยกันเพื่อดูว่าจะหาเบาะแสเพิ่มเติมได้ไหม”
“ค่ะ” ชางหลิงพยักหน้า
“ดังนั้นการที่คุณมามิลานด้วยระยะทางที่ยาวไกลขนาดนี้ก็ยังถือว่าได้กำไรอยู่บ้าง” โหมวยู่พูด
อย่างน้อยฉันก็ได้รู้จักออโรร่าและได้ทราบข่าวเกี่ยวกับแม่ของเธอจากปากของเธอ
ชางหลิงลืมตาขึ้นพร้อมกับมองไปที่โหมวยู่ซึ่งหนวดของเขาก็ไม่ได้โกนมาสักระยะหนึ่งแล้วและมีขนแข็งๆ ขึ้นที่คางของเขาเธอยื่นมือออกไปพร้อมกับใช้ปลายนิ้วมือลูบที่คางด้วยสายตาที่ใสแจ๋ว
“ขอโทษด้วยนะโหมวยู่ที่ฉันเอาแต่ใจเกินไปเพื่อการแข่งขันที่มิลานคุณช่วยฉันมากมายขนาดนั้น แต่ฉันกลับทำให้คุณผิดหวัง”
คนที่บอกว่าจะมาคือเธอเองคนที่บอกว่าต้องการชนะก็คือเธอ และคนที่บอกว่าจะยอมแพ้การแข่งขันก็เป็นเธอเช่นกัน
“คุณไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกว่าจะทำให้ผมผิดหวังหรือไม่” เพราะโหมวยู่เองก็ทำอะไรคุณไม่ได้ “แต่ขอแค่ตัวคุณมีความสุขก็ดีแล้ว”
แม้ว่าเขาจะเสียดายแทนเธอก็ตามแต่แค่ให้เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันก็เพื่อให้เธอมีความสุข ในเมื่อการยอมแพ้การแข่งขันก็ทำให้เธอมีความสุขแล้ว งั้นไม่แข่งก็ไม่ต้องแข่งแล้ว
“ทำไมคุณถึงดีกับฉันขนาดนี้ด้วย” ชางหลิงยังคงไม่เข้าใจสิ่งนี้ความอดทนของโหมวยู่ที่มีต่อเธอ ทำให้เธอนิสัยเสียไปแล้ว เธอกลัวมากถ้าอยู่ๆ วันหนึ่งเขาจะต้องทวงคืนความดีทั้งหมดไป เธอจะต้องเสียใจขนาดไหน
“อยากรู้เหรอ?” โหมวยู่พูดพร้อมกับโอบตัวเธอไว้โดยวางพนักพิงศีรษะของเธอไว้บนตักของเขาตามทิศทางผมของเธอ
“อืม” ชางหลิงพยักหน้า
ตาของโหมวยู่มองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องราวอดีตที่ลึกซึ้ง
“เมื่อตอนยังเด็ก ผมได้เห็นโศกนาฏกรรมของแม่ด้วยตาของตัวเอง ซึ่งเธอก็อาศัยอยู่ในบ้านที่หรูหราที่สุด เรื่องกิน เรื่องใช้ ล้วนเป็นของที่หรูหราทั้งนั้น แต่เธอกลับไม่มีความสุขเลย เพราะเธอแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รักเธอ”
เพราะโหมวเจิ้งถิงเพียงต้องการโภคทรัพย์ของตระกูลเซิ่งเท่านั้น ภายนอกเขาแสดงท่าทีเป็นสามีที่มีความรักความผูกพัน และพ่อที่พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แต่กลับไม่เคยเป็นฝ่ายที่จะดูแลแม่ของผม หรือบางที ในสายตาของเขาการที่ให้เงินแม่ใช้และไม่ปล่อยให้แม่หนาวและหิวโหยก็ถือว่าตัวเองได้รับผิดชอบอย่างเต็มที่แล้วซึ่งเท่าที่ผมจำได้แม่ผมน้ำตาอาบแก้มทุกวันและนับตั้งแต่นั้นมาผมก็คิดว่า…”
“ถ้ามีวันหนึ่งผมมีภรรยาเป็นของตัวเอง ผมจะใช้ทุกความสามารถเพื่อทำให้เธอมีความสุข”
ชางหลิงรู้สึกอบอุ่นใจเธอรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อยเธอหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้โหมวยู่เห็นท่าทางที่ไม่มีเหตุผลของเธอ
“คุณสามารถให้ฉันได้ทุกอย่างเลยเหรอ? แม้ว่าฉันจะไม่เชื่อฟังและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรขนาดนี้?”
“ในตอนแรกผมรู้สึกไม่ค่อยชินจริงๆ”โหมวยู่ยิ้มเบาๆ “แต่หลังจากประสบมามากมายขนาดนี้แล้ว ผมก็เกือบจะเสียคุณไปตั้งหลายครั้งผมเลยเข้าใจมันแล้วและคงไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าการที่คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและความสุข”
“ตราบเท่าที่ผมมีและตราบเท่าที่คุณต้องการ”
ชางหลิงสั่งจมูก พร้อมกับเอื้อมมือออกไปเกี่ยวคอของโหมวยู่แล้วเริ่มเงยหน้าขึ้น พร้อมกับจิกปากของเขาอย่างหนักไปทีหนึ่ง
“พรุ่งนี้กลับประเทศคุณเตรียมใจพร้อมหรือยัง?” โหมวยู่ถามเธอ
“เตรียมใจเหรอ?” ชางหลิงสับสน
แล้วมองไปที่สายตาของโหมวยู่ชางหลิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ใช่แล้วตอนนี้พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระทั้งคุณและฉัน เพราะสวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล
แต่ถึงอย่างนั้นแค่โม่โม่เพียงคนเดียวก็เกือบจะทำให้เธอพ่ายแพ้ยับเยินแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดเลยเมื่อกลับประเทศแล้วก็ยังมีโหมวเจิ้งถิงที่รอพวกเขาอยู่
ตอนนี้ทั้งสองก็ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้วและโหมวเจิ้งถิงจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
ทันทีที่นึกถึงสายตาที่ดุร้ายคู่นั้นชางหลิงก็ตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ถึงขั้นที่เธอต้องเหงื่อแตกเลยทีเดียว