ในวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่า
เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินของเมืองหนานสถานที่ซึ่งฉันอาศัยอยู่มานาน 20 ปีกว่ามันดูแปลกตาไปหลังจากการเดินทางที่ยาวนาน ชางหลิงเดินออกจากทางออก ส่วนซูเสี่ยวเฉิงและเมิ่งเคออยู่ที่นั่นรอเธอแล้ว
เสี่ยวหลิงหลิง! อาการบาดเจ็บของซูเสี่ยวเฉิงยังไม่หายขาดเพราะเธอไม่กระโดดด้วยความดีใจเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เธอก็เดินเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็วทันทีที่เนเธอ
“ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้วฉันนี่เป็นห่วงเธอแทบแย่เลย” ซูเสี่ยวเฉิงก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับชางหลิงที่มิลานด้วย ซึ่งเธอก็เคยได้ลิ้มลองวิธีการของโม่โม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นย่อมรู้ดีว่าโม่โม่นั้นรุนแรงแค่ไหน
“ฉันไม่เป็นไร” ชางหลิงกอดซูเสี่ยวเฉิงและอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอ หลังจากเหยียบลงบนผืนดินนี้ ชางหลิงก็ทิ้งหัวใจที่คิดถึงนั้นไป
“แล้วโม่โม่ล่ะ?” ซูเสี่ยวเฉิงได้ยินว่าพวกเขาพาโม่โม่และเจสันกลับมาด้วยกันด้วยแต่เมื่อครู่ที่เธอเหลือบมองมาที่ทีม เจสันก็ถูกนำตัวออกไป แต่กลับไม่เห็นเงาโม่โม่ไม่เลย
ความโชคดีไม่ได้เป็นของเราเสมอไป ซึ่งด้วยนิสัยของเธอแล้ว เธอจะต้องสามารถเปล่งได้หน้าได้ตาต่อหน้าโม่โม่ได้อย่าแน่นอน
สีหน้าของชางหลิงมืดครึ้มลงเธอหันหน้ากลับไป และในขณะนั้นชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างฉู่ฉือ ก็ถือโถกระดูกไว้ในมือ
“นั่น” ชางหลิงเหลือบมองแวบหนึ่ง
เรื่องของโม่โม่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากและพวกเขาก็ยุ่งอยู่กับการจบท้ายของอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา พวกเขาจึงไม่มีเวลามาอธิบายให้ซูเสี่ยวเฉิงพวกเขาฟังเลย
“อะไรนะ…” ซูเสี่ยวเฉิงตกใจ
“ชางหลิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เมิ่งเคอก็ประหลาดใจเช่นกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ในสองวันนี้พวกเขาก็นำเถ้าถ่านของโมโม่กลับมา……?
“เรื่องมันยาวน่ะ” ชางหลิงถอนหายใจ
และในขณะนั้นเอง นักข่าวกลุ่มหนึ่งที่ถือกล้องและไมโครโฟนก็บุกเข้าไปในล็อบบี้ของสนามบินอย่างเดินเป็นแถวยาวเหยียด และชางหลิงก็มองดูพวกเขาที่วิ่งเข้าหาแต่ไกล เธอจึงถอยกลับโดยไม่รู้ตัว
ตัวเธอจึงกระแทกเข้ากับหน้าอกที่แข็งแรง และโหมวยู่ก็เดินมาจากด้านหลังเขาจับไหล่ของเธอเบาๆ
“คุณชายรองคะ ได้ข่าวมาว่าคุณเคยแสดงความรักในมิลานมาก่อนแต่คู่รักกลับไม่ใช่คุณโม่ที่ทุกคนรู้จัก แต่เป็นชางหลิงดีไซเนอร์ที่อยู่ข้างๆ คุณไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นคะ?”
“ตระกูลโม่เพิ่งประกาศล้มละลายไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน และประธานโม่ก็ถูกส่งตัวเข้าคุกในข้อหาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่าคะ?”
“มีข่าวลือว่าคุณโม่เสียชีวิตแล้วและคุณก็กำลังมองหาคู่รักใหม่ในขณะนี้ ดังนั้น การเสียชีวิตของคุณโม่นั้นเกี่ยวข้องกับคุณชางท่านนี้หรือเปล่าคะ?”
……
เสียงกระซิบของเหล่านักข่าวดังขึ้นแค่ครู่เดียวพวกเขาก็ถูกล้อมไว้อย่างหนาแน่น
ชางหลิงฟังเสียงการซักถามเหล่านี้แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอยังคงมีความรู้สึกอึดอัดแต่เธอก็เอาแต่หลบหน้าอย่างเดียวเลย และไม่กล้าที่จะมองตรงไปที่กล้องเลย
“พวกคุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน!” ซูเสี่ยวเฉิงเป็นคนแรกที่โมโหจนทนไม่ไหว เธอยืนบังอยู่ข้างหน้าชางหลิง และไม่ต้องการให้คนเหล่านี้มองชางหลิง “ชางหลิงเคยอยู่กับคุณชายรองโหมวนานแล้วและการเสียชีวิตของคุณโม่ก็เป็นหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้นซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับชางหลิงเลยสักนิดไอ้พวกสื่อไร้ยางอายอย่างพวกคุณกินอิ่มจนไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง? ไปฟังข่าวมั่วมาจากที่ไหนแล้วยังกล้ามาซักถามคนอื่นไปมั่วอย่างนี้?
“ดังนั้น คุณผู้หญิงคนนี้ คุณก็ได้ยอมรับแล้วว่าคุณชางเข้าไปพัวพันในความสัมพันธ์ระหว่างคุณโม่และคุณชายรองโหมวในตอนที่พวกเขาหมั้นหมายกันไว้แล้ว? และคุณชางในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์มือใหม่คนหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารอบการแข่งขันผู้ยอดเยี่ยมที่มิลานในครั้งนี้ได้ เพราะความช่วยเหลือของคุนชายรองโหมวใช่ไหมคะ?”
เหล่านักข่าวพูดอย่างดุเดือดและแสงวาบที่ขัดลูกหูลูกตาก็ส่องเข้ามา ทำให้ชางหลิงก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้เลย
เพราะเธอรู้มานานแล้วว่าสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญเมื่อกลับมาที่นี่คืออะไร แต่เธอแค่คิดไม่ถึงว่าเมื่อความสงสัยและการเยาะเย้ยทั้งหมดมาถึง เธอก็ยังไม่สามารถยืนอยู่ได้
“เป็นเพราะผมเองที่ตามจีบเธอก่อน” น้ำเสียงที่แผ่วเบาของโหมวยู่ก็ดังขึ้นมา
เมื่อฟังคำพูดที่ใกล้หูของเธอชางหลิงก็ตะลึงเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังข้างใบหน้าของโหมวยู่
“ตอนนี้เธอเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผมแล้ว ดังนั้น ทุกท่านที่อยู่ที่นี่หากผมได้ยินใครกล้าใส่ร้ายภรรยาของผม ผมจะสืบหาให้มารับผิดชอบตามกฏหมายและเกรงว่าเมืองหนานที่แห่งนี้จะไม่ต้อนรับพวกคุณ”
ในคำพูดนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของการคุกคามและเหล่านักข่าวที่พยายามจะแย่งกันพูดแค่ครู่เดียวก็หุบปากไปทันที
“คุณชายรองโหมวคะ เช่นนั้นคุณต้องให้คำอธิบายแก่สาธารณชนนะคะ?” นักข่าวคนหนึ่งในนั้นยังถามอย่างระมัดระวัง
“ทำไมผมถึงต้องการอธิบายให้พวกคุณด้วย?” โหมวยู่หรี่ตาลง “มันเกี่ยวกับพวกคุณด้วยเหรอครับ?”
นักข่าวพูดไม่ออกกับคำพูดนี้ของโหมวยู่ชางหลิงยกมือขึ้นลูบจมูกตัวเองแล้วก็รู้สึกมีความสุขตามท่าทีการปกป้องเธอจากเขาขึ้นมา
ท่วมกลางพวกเขายังมีอยากจะเอ่ยปากพูดแต่โหมวยู่ก็กวาดสายตามองอย่างเย็นชาและในขณะนั้น ทุกคนก็เงียบกริบไปกันหมด
ฐานะของโหมวยู่ในเมืองหนานนั้นไม่ใช่การที่คนอย่างพวกเขาจะสามารถสั่นคลอนให้ขุ่นเคืองได้ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าการขุดข่าวซุบซิบก็แค่ฮือฮาไปช่วงหนึ่งเท่านั้นแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ใบหน้าที่เย็นชานี้จะปกป้องดีไซเนอร์ตัวน้อยคนนี้อย่างมาก เกรงว่ามันคงไม่ง่ายที่จะจัดการขนาดนั้นแล้ว
โหมวยู่ส่งสายตาไปให้ฉู่ฉือดังนั้นฉู่ฉือที่เข้าใจเขาเป็นอย่างดี ก็ให้ชายชุดดำเปิดทางให้พวกเขา โดยกวาดล้างทีมนักข่าวขนาดใหญ่ออกไป
ชางหลิงจับมือโหมวยู่ไว้แน่น เดินตามเขาออกจากสนามบินท่วมกลางสายตาที่จ้องมองนับไม่ถ้วนนั้น
หลังจากขึ้นรถ อารมณ์ของชางหลิงยังคงไม่สงบอยู่นาน เธอหันหน้าไปดูพวกสื่อที่ขวางทางด้านหลัง แล้วถอนหายใจยาวๆ
“ความกล้ากที่มีก่อนหน้านี้มันหายไปไหนแล้ว แค่เหตุการณ์แบบนี้สามารถทำให้เธอตกใจจนกลายเป็นแบบนี้เลยเหรอ?” มุมปากโหมวยาปรากฏรอยยิ้มที่ขี้เล่นขึ้นมา
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วยไม่ว่าลักษณะภายนอกของเธอจะเข้มแข็งแค่ไหนในความเป็นจริงแล้ว เธอก็ยังเป็นแค่คนขี้ขลาดเท่านั้น
“ไม่กลัวได้ด้วยเหรอ?” ชางหลิงตบหน้าอกตัวเอง “เธอดูท่าทางของพวกเขาสิคิดว่าฉันเป็นเมียน้อยที่เลวทรามที่ไม่เพียงแต่แย่งคู่หมั้นของโม่โม่เท่านั้นยังฆ่าเธอทิ้งด้วย ซึ่งฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นแล้วโทษฐานแบบนี้ฉันจะไม่ตื่นตระหนกได้ไงล่ะ?
อย่างไรเสียถ้าเป็นแบบนี้จริงๆจากนี้การที่เธออยู่ที่เมืองหนานนี้ คงจะถูกผู้คนเกลียดอย่างฉาวโฉ่แน่
“คุณชายรองครับ คุณชางครับ” ฉู่ฉือขับรถ แล้วเอียงหน้าพูดคุยกับพวกเขาเล็กน้อย “หลีซินทางนั้นเตรียมพร้อมแล้วครับ พวกเราตรงไปกันเลยไหมครับ?”
หลีซินเตรียมการรับรองต้อนรับอยู่ที่ Nova และฉู่ฉือก็ส่งรถไปรับซูเสี่ยวเฉิงและเมิ่งเคอไปที่นั่นก่อนแล้ว
โหมวยู่หันหน้ามองชางหลิงและถามความคิดเห็นจากเธอ อย่างไรก็ตาม ชางหลิงยังไม่ทันได้พูด รถก็เบรกอย่างกะทันหัน และพวกเขาก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน
โหมวยู่ยื่นมือออกไปบังหัวชางหลิงอย่างรวดเร็ว และหน้าผากของเธอก็กระทบเข้ากับฝ่ามือของเขา แม้ว่าจะไม่เจ็บ แต่มีอุบัติเหตุของโม่โม่เกิดขึ้นก่อน จึงทำให้เธอตกใจ
“ขออภัยด้วยนะครับคุณชายรอง!” ฉู่ฉือขอโทษอย่างรวดเร็วและโหมวยู่ก็เงยหน้าขึ้นในสายตาของเขา ก็เห็นรถลินคอล์นเวอร์ชันขยายคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้ารถของพวกเขา โดยปิดกั้นทางของพวกเขา
ชางหลิงเองก็รู้จักรถคันนี้และแน่นอนว่า ในวินาทีต่อมา ประตูของรถลินคอล์นก็เปิดออก และชายชราที่ผมขาวเป็นดอกเลาก็เดินเข้ามาหาพวกเขา
นั่นคือโจวฝู…
ชางหลิงจิตใจลุกลี้ลุกลน