“โหมวยู่” โม่โม่มองมาที่เขาและเอ่ยปากพูดแบบคำต่อคำว่า “ที่จริงแล้วฉันคิดว่าไม่ว่าฉันจะเป็นยังไง คุณก็ต้องทิ้งหนทางรอดให้ฉัน ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาชอบฉัน แต่อย่างน้อยก็ยังดีเพราะเราโตมาด้วยกันคุณคงไม่บังคับจนฉันต้องหมดหนทางหรอก แต่ตอนนี้…”
ตั้งแต่ที่เธอถูกจับจนถึงตอนนี้เธอขอร้องเขาไปตั้งหลายครั้งแต่โหมวยู่กลับไม่เคยมาหาเธอเลย
ซึ่งเธอก็ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า หากไม่มีคำแนะนำของโหมวยู่ฉู่ฉือคงจะไม่ลงมือที่โหดร้ายอย่างนี้กับเธอ
เขาอยู่ข้างชางหลิงตั้งแต่ต้นแล้ว
“เป็นเพราะฉันรักผิดคนเอง” โม่โม่ยิ้ม และดวงตาที่แห้งเหือดก็ค่อยๆ เติมเต็มไปด้วยน้ำตา “เป็นเพราะฉันรักคนผิด!”
ถ้าตั้งแต่แรก เธอไม่ได้รักโหมวยู่เลยเธออาจจะยังเป็นคุณหนูโม่ที่จับจ้องของฝูงชน เธอคงจะพบคนที่ดีและแต่งงานกับเขาแม้ว่าตอนนี้ตระกูลโม่จะล่มสลายไปก็ตาม อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ
แต่ตอนนี้ ทั้งหมดนี้ก็ได้กลายเป็นแค่ภาพเพ้อฝัน
“โม่โม่” โหมวยู่จับมือชางหลิงไว้แน่น พร้อมกับขมวดคิ้ว “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง และเรื่องก็มาถึงวันนี้แล้วซึ่งก็ไม่สามารถตำหนิใครได้ด้วย คุณควรจะซื่อสัตย์หน่อยและกลับไปกับเรา”
“กลับไปงั้นเหรอ? กลับไปทำอะไร?กลับไปถูกไอ้พวกคนชั้นต่ำรังแกและเหยียบย่ำเหรอ? หรือว่าจะส่งฉันกลับไปที่โรงพยาบาลบ้าเพื่อขังฉันไว้จนตาย?” สายตาของโม่โม่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ฉันจะบอกให้นะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก! และฉันก็จะไม่ยอมถูกพิจารณาตัดสินคดีและขังที่นั่นหรอก ฉันจะไม่ให้พวกคุณกักขังฉัน ฉันเป็นคุณหนูโม่ที่สง่างามของตระกูลโม่ เป็นคนที่เติบโตมาในกำมือของพ่อแม่ฉันฉันเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเมืองหนาน และเป็นคนสิ่งที่ดำรงอยู่ที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทุกคนต่างก็พากันอิจฉา ฉันเกิดมาก็สูงส่งแล้ว พวกคุณคิดว่าพวกคุณมีคุณสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ?”
โม่โม่ตะโกนอย่างบ้าคลั่งจึงทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
“ชางหลิง เธอคิดว่าเธอชนะแล้วงั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก โลกนี้ มันกว้างใหญ่กว่าที่เธอเห็นเสียอีกถึงแม้ว่าจะไม่มีฉันก็จะมีผู้หญิงคนที่สองและคนที่สาม! ตราบใดที่ยังมีดหมวยู่อยู่ ตราบใดที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นประธานบริษัทเซิ่งซื่อของตระกูลโหมว ก็จะมีผู้หญิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และการที่เธออยู่เคียงข้างเขา มันจะมีสักวันหนึ่งเธอจะได้ลิ้มรสความสิ้นหวังที่ฉันเคยรู้สึก! เธอจะกลายเป็นคนอย่างฉัน!
ชางหลิงยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับใดๆ เธอกลืนน้ำลายลงพร้อมกับฟังคำพูดของโม่โม่หัวใจของเธอก็เริ่มสับสนขึ้นมา
สิ่งที่โม่โม่พูดนั้นมันไม่ผิดเพราะชางหลิงเองก็รู้สึกถึงความจริงข้อนี้มานานแล้วคนที่ยอดเยี่ยมอย่างโหมวยู่ ข้างกายเขาจะไม่อยู่อย่างสงบหรอก โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงสามัญชนที่แสนจะธรรมดาคนหนึ่งที่บุกรุกเข้ามาเท่านั้นเกรงว่าจะมีคนข้างหน้าที่ล้มลงไปแล้วคนข้างหลังก็จะกระโจนเข้าต่อสู้อย่างไม่ขาดสายอีกนับไม่ถ้วน
“ฉันรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” ชางหลิงระงับอารมณ์ตัวเอง “แต่ฉันจะไม่กลายเป็นอย่างเธอหรอก”
นี่คือสิ่งที่เธอสามารถมั่นใจได้แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เธอก็เห็นคุณค่าของชีวิตของเธอ ดังนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เพียงเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง แล้วจะบังคับตัวเองให้ไปถึงจุดนั้นได้
โม่โม่มองไปที่ชางหลิงอยู่นานแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอกลอกตา พร้อมกับมองไปที่โหมวยู่อีกครั้ง
และอารมณ์นับพันก็อยู่ในสายตานี้ เธอหัวเราะเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง ชางหลิงก็เข้าใจความหมายแฝงในสายตานั้นของโม่โม่
“แย่แล้ว!” ชางหลิงตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เธอผลักมือของโหมวยู่ทิ้ง แล้ววิ่งไปที่รถ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง โม่โม่กลับลุกขึ้นยืนอีกครั้งเธอยืดตัวออกไปที่เบาะหน้า ยกมือขึ้นแล้วกดปุ่ม
และรถที่ไม่ได้ปลดล็อคนั้นก็สตาร์ทอีกครั้งจากนั้นจึงทำลายความสมดุลที่รักษายากนี้ไป
“ชางหลิง! ฉันจะคอยดูแกจากนรกจะคอยมองดูเธอผิดหวังท้อใจมองดูเธอถูกโหมวยู่ทอดทิ้ง มองดูเธอไม่ตายดี!”
เสียงกระแทกก็ดังขึ้นแล้วรถล้มลงไปโดยตรง แล้วในสายตาของชางหลิงก็เกิดเป็นพาราโบลาดีสมบูรณ์แบบ
ชางหลิงเบิกตากว้าง แต่ในวินาทีต่อมา ตัวโหมวยู่ก็ก้าวออกไปข้างหน้า เขากอดเธอไว้แน่น แล้วหันกลับมา บังตาเธอไว้ ไม่ให้เธอเห็นฉากที่อกสั่นขวัญหาย
แล้วลมหายใจที่คุ้นเคยของชายผู้นั้นก็รายล้อมตัวเธอไว้ซึ่งเดิมทีก็มักจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอยู่เสมอ แต่ในขณะนี้กลับไม่สามารถหยุดความตื่นตระหนกของเธอได้เลย
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแต่เสียงดังของรถที่ตกลงสู่พื้นใต้สะพาน ก็ทำให้หัวใจเธอตะลึง
ชางหลิงจับแขนเสื้อของโหมวยู่ไว้แน่นซึ่งในขณะนี้ก็ราวกับว่าคนที่อยู่ในรถนั้นเป็นตัวเอง และร่างกายตัวเองก็แหลกเหลว ด้วยเสียงที่ดังอย่างมากนี้
“ไม่ต้องกลัวนะ” โหมวยู่พูดกระซิบข้างหูของเธอ “คุณจะไม่เป็นอย่างที่เธอพูดหรอก และผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องกลายเป็นอย่างที่เธอพูดด้วย”
ชางหลิงตกตะลึง
โม่โม่ฆ่าตัวตายเพราะเธอคิดว่าไม่ว่าจะยังไงโหมวยู่ก็จะไม่ตอบโต้กลับมาอย่างไรเสีย นั่นก็คือคนที่โตมาด้วยกันกับเขาและก็เป็นคู่หมั้นในนามของเขา ต่อให้เธอจะไม่ดีแค่ไหน มันก็เป็นชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่ของคนทั้งคนเลยนะ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงสงบอย่างมากในเวลาแบบนี้ เพียงแค่ไม่อยากให้เธอต้องกลัวในสิ่งที่โม่โม่พูดทิ้งไว้ก่อนที่จะตาย
ชางหลิงรู้สึกเย็นที่หลังของเธอทันที
เธอก็เป็นแค่คนที่โชคดีที่ได้เป็นคนซึ่งถูกโหมวยู่รักอย่างสุดซึ้งไม่เช่นนั้นเขาที่เย็นชาขนาดนี้ เธอจะอยู่กับคนเลือดเย็นอย่างนี้ได้อย่างไร
โม่โม่ตายแล้ว
ในที่สุดเธอก็ยังอยู่ที่ต่างแค้วนแดนไกล
ชางหลิงเห็นรถพยาบาลลากร่างที่ถูกด้วยผ้าขาวของเธอออกจากรถที่แยกออกเป็นชิ้นๆ หัวของเธอก็สั่น
เธอย้อนนึกถึงฉากต่างๆ มากมายขึ้นมาครั้งแรกที่เธอเห็นโม่โม่นั้นเธอช่างสง่างามและใจกว้างซึ่งเธอก็ยังคงเป็นท่าทีที่คอยช่วยแก้หน้าให้เธอที่บริษัทเซิ่งซื่อ
เธอพูดอย่างบ้าคลั่งว่าเธอจะฆ่าเธอคนที่โหดร้ายทารุณ แต่ก็น่าเศร้าที่ตัวเองบอกว่าเธอไม่สามารถกลับไปและให้เธออยู่กับความเดียวดายที่เธอได้ทิ้งไว้…
นี่เป็นท่าทีของผู้หญิงที่รักสุดขั้วจนเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเองไป ในที่สุด เธอก็ยังมีความเย่อหยิ่งของตัวเธอ แทนที่จะเดินทางกลับประเทศและต้องติดคุกด้วยข้อกล่าวหาแต่เธอกลับเลือกใช้วิธีนี้ เพื่อปลดปล่อยตัวเอง
เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้การเดินทางกลับประเทศของพวกเขาจึงล่าช้าไปซึ่งช้ากว่าที่วางแผนไว้เดิมทีสองวัน
และเครื่องบินก็แผดเสียงก้องจากฟากฟ้าจากผืนดินผืนนี้สู่ผืนดินผืนนั้น
พวกเขาจากไปและหลังจากนั้นไม่นานคนที่เคยพบพวกเขาก็ค่อยๆ ลืมพวกเขาไป และในไม่ช้า สิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ก็จะไม่มีใครจดจำอีกต่อไป
และอีกที่หนึ่งเนื่องจากการกลับมาของพวกเขาก็จะเกิดพายุนองเลือดอีกครั้ง