จูบแรก….
สมองของชางหลิงหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อนานมาแล้ว
ในตอนนั้น น่าจะเป็นเมื่อห้าปีก่อน หลังจบการแข่งขันบาสเกตบอล นักเรียนวัยรุ่นรวมตัวกันที่คาราโอเกะเพื่อสังสรรค์ หยูเฉินดื่มเหล้าไปนิดหน่อย เดินเซถลามาใส่ตัวเธอ เพื่อนๆ ส่งเสียงโห่แซว เขาสารภาพรักกับเธอ เธอยังคงนิ่งอึ้งไม่รู้ควรตอบอย่างไร แต่หยูเฉินกลับโน้มเข้ามาใกล้…
ชางหลิงยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“อายุสิบเจ็ด….” แม้จะรู้ว่าโหมวยู่อาจจะโกรธ แต่ชางหลิงก็ยังตอบอย่างซื่อสัตย์
นี่คืออดีตของเธอ อดีตที่โหมวยู่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง
เมื่อชางหลิงพูดจบ ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลง เธอเองก็กลั้นหายใจ รู้สึกว่ากำลังของโหมวยู่ที่จับมือของตัวเองอยู่แรงขึ้นเล็กน้อย
“อายุสิบหก” จู่ๆ โหมวยู่ก็พูดขึ้น “คุณจำผิดแล้ว”
“หืม?” ชางหลิงสงสัย ไม่เข้าใจว่าโหมวยู่หมายถึงอะไร
“ตอนอายุสิบหกคุณจมน้ำที่ชายหาด ผมเป็นคนผายปอดให้คุณ” โหมวยู่เอียงศีรษะเล็กน้อย บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่เหมือนว่ามันไม่ได้สลักสำคัญ
คนที่ผายปอด…ชางหลิงนึกถึงภาพเลือนลางในความทรงจำ ตอนนั้นเธออยู่ในอาการโคม่า มีแต่จิตใต้สำนึกที่คลุมเครือ ขณะที่จมลงสู่ก้นบึ้งคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอด ที่จริงแล้วรู้สึกว่ามีใครบางคนเข้ามาประกบปากถ่ายทอดลมหายใจให้เธอ
“ทุเรศ! โหมวยู่คุณมันสัตว์เดรัจฉาน อายุสิบหกนะคุณทำลงได้ไง” ถงเอินตกใจมาก “ฉันว่าแล้วว่าทำไมพวกคุณสองคนถึงได้มีพัฒนาการกันรวดเร็วนัก ที่แท้ก็เริ่มฝึกฝนกันมาตั้งแต่เด็กนี่เอง”
ใบหน้าชางหลิงแดงฉับพลัน เขินกับคำพูดของถงเอิน
ฉู่ฉือกระทุ้งศอกใส่ถงเอิน เป็นสัญญาณให้เธออย่าพูดมากอีก ถงเอินกวาดสายตามองทุกคนอย่างรวดเร็ว เห็นสีหน้าทุกคนดูกังวล จึงรู้สึกเบื่อหน่ายทันที
“เอาล่ะ ต่อไป” ถงเอินลุกขึ้นหมุนขวดบนโต๊ะต่อ
ครั้งนี้ ขวดชี้ไปยังหลีซินซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ที่ไม่ได้พูดอะไรมานานแล้ว
หลีซินชะงักไปครู่หนึ่ง มองทุกคนที่ต่างเล็งสายตามาที่ตัวเขา ก่อนจะยกแก้วตรงหน้าขึ้นอย่างหมดหนทาง แล้วดื่มลงไปอึกหนึ่ง
“ครั้งนี้ฉันถามเอง” ฉินซางยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาจงใจเหลือบมองไปยังชางหลิง พร้อมกับพูดกับหลีซิน
“ในหมู่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีคนที่นายชอบไหม”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ต้องสูดหายใจ
หลีซินปฏิบัติต่อชางหลิงอย่างไร ทุกคนล้วนประจักษ์แก่สายตา เรื่องนี้เกือบจะเป็นความลับไปโดยปริยายอยู่แล้ว แต่สุดท้ายฉินซางดันไปกวนน้ำให้ขุ่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
สีหน้าโหมวยู่ยิ่งเย็นชาหนัก ชางหลิงรู้สึกได้ว่าช่วงไหล่ที่ตัวเองกำลังพิงนั้นเริ่มเย็นลง
หลีซินถลึงตาใส่ฉินซาง ถ้าไม่ใช่เพราะแถวนี้มีคนอยู่เยอะ เขาจะเข้าไปต่อยฉินซางแน่นอน
เขาเหลือบมองชางหลิงที่ค่อนข้างตึงเครียด ซูเสี่ยวเฉิงที่อยู่ข้างเธอจ้องมองไวน์บนโต๊ะ ท่าทางเหมือนว่าไม่ได้สนใจอะไรนัก
“มี” หลีซินตอบอย่างหนักแน่น เป็นคำเดียวที่เขาใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
ชางหลิงเลื่อนสายตาขึ้น เธอสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของหลีซิน แต่เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าถึงแม้เขาจะมองมาทางนี้ ทว่ากลับมองไปที่ซูเสี่ยวเฉิงมากกว่า
บางทีนี่อาจเป็นเซนส์ของผู้หญิง แม้ทุกคนจะคิดว่าหลีซินหมายถึงเธอ แต่เธอสามารถรับรู้ถึงบรรยากาศระหว่างหลีซินกับซูเสี่ยวเฉิงได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ
ซูเสี่ยวเฉิงยังคงเมินเฉย เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าในจิตใจของเธอมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำ
ในที่สุดเขาก็ยอมรับ แม้จะเป็นต่อหน้าโหมวยู่ เขาก็ยังยอมรับว่ารู้สึกอย่างไรต่อชางหลิง ความรักที่ลึกซึ้งนี้ เธอจะมีความสามารถอะไรไปสั่นคลอนได้
“ดี ต่อเลย” ถงเอินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศบนโต๊ะถึงเริ่มแปลกไป เธอหมุนขวด ขวดบนโต๊ะหมุนเป็นวงกลม ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปที่จุดกึ่งกลาง ในที่สุดขวดก็ชี้ไปที่ซูเสี่ยวเฉิง
ซูเสี่ยวเฉิงยักไหล่ เธอมองแก้วไวน์ตรงหน้า ยื่นมือออกไปดันแก้วไวน์ออกเล็กน้อย “ในเมื่อพวกคุณเลือกtruth งั้นฉันเลือกdare ไม่อย่างนั้นจะน่าเบื่อเกินไป”
ชางหลิงฉวยโอกาสจับมือซูเสี่ยวเฉิง “งั้นฉันไม่เกรงใจนะ”
“ในหมู่ผู้ชายที่นี่ เธอเลือกคนที่ชอบที่สุดหนึ่งคน แล้วไปมอบจูบแรกของเธอซะ”
ทุกคนต่างโห่ร้อง ซูเสี่ยวเฉิงเบิกดวงตากว้าง มองชางหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ “ว้าว นี่เธอทำร้ายฉันเหรอ”
“ในเมื่อมันเป็นเกม แน่นอนว่าก็ต้องเล่นใหญ่หน่อยสิ” ฉินซางเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดในเรื่องแบบนี้เสมอ “คุณเลือกเลย ห้ามเปลี่ยนใจ”
ซูเสี่ยวเฉิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอมองทุกคนที่อยู่ที่นี่ โหมวยู่นั้นไม่กล้าคิดอยู่แล้ว ต้วนเหิงกับฉู่ฉือก็มีครอบครัวแล้ว ฉินซางชอบเมิ่งเคอ แวบเดียวเธอก็มองออก ส่วนที่เหลือ มีเพียงหลีซินกับป๋ายจื๋อ
ป๋ายจื๋อเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นคนแปลกหน้า และมีเพียงชางหลิงในสายตา แน่นอนว่าเธอไม่กล้าหาเรื่อง ส่วนหลีซิน….
ซูเสี่ยวเฉิงลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปทางหลีซิน….
ดวงตาชางหลิงมีแววยินดี เธอรู้ เธอรู้ว่าซูเสี่ยวเฉิงชอบหลีซินแน่นอน ขาดแค่โอกาส ถ้าข้อเสนอของเธอทำให้พวกเขาดีกัน มันก็คุ้มที่เธอจะถูกต่อว่า
ตัวซูเสี่ยวเฉิงยิ่งใกล้เข้ามา หลีซินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นภายนอกสงบนิ่ง แต่หัวใจกลับเต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด เขาพยายามควบคุมตัวเอง และเริ่มคิดว่าเมื่อครู่ตนกินอะไรที่มีกลิ่นแรงหรือเปล่า
ซูเสี่ยวเฉิงหยุดที่ข้างตัวเขา
ทว่าขณะที่หลีซินกำลังตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวของซูเสี่ยวเฉิงอยู่นั้น ทันใดนั้นจังหวะของเธอก็เปลี่ยนไป มุ่งหน้าไปทางบริกรที่อยู่ข้างหลังเขา
“พี่ชาย ช่วยอะไรหน่อย” ซูเสี่ยวเฉิงกะพริบดวงตาโตสดใส “ภายในที่นี้ คนที่ฉันชอบ อาจจะเป็นคุณ”
ชางหลิงตกตะลึง
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
บริกรคิดไม่ถึงว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ยืนนิ่งซื่อบื้ออยู่กับที่ เพราะยังเป็นเด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ผิวหน้ายังบางมาก มันจึงแดงลามไปถึงลำคอในทันที
ซูเสี่ยวเฉิงยิ้มเล็กน้อย สายตามองไปทางหลีซิน เขานั่งอยู่ที่เดิม ทุกคนต่างมองเธอ ยกเว้นเขา
เธอจะเลือกเขาได้ยังไง….
ก็เหมือนกับป๋ายจื๋อ ทั้งดวงใจทั้งดวงตามีเพียงชางหลิงคนเดียว หากเธอเลือกเขา ไม่เท่ากับว่าดูถูกตัวเองหรอกเหรอ
ชางหลิงจับจ้องหลีซิน เขาก้มหน้าต่ำ มองสีหน้าไม่ออก แต่ชางหลิงสามารถรับประกันได้ว่า เธอไม่เคยเห็นเขามีสายตาแบบนี้มาก่อน มันถึงขั้นมีไออันตรายแผ่ออกมา
ซูเสี่ยวเฉิงเขย่งปลายเท้า มือจับแขนบริกร ดวงตาที่มีน้ำตาคลอหน่วยปิดลงและโน้มตัวเข้าไป
ทว่า ช่วงเวลานั้นเอง จู่ๆ หลีซินก็ลุกขึ้น เขาผลักผู้ชายที่อยู่ข้างหลังตัวเอง แล้วเอาตัวเองไปยืนแทนตำแหน่ง
เขาเอื้อมมือโอบเอวซูเสี่ยวเฉิง แล้วก้มศีรษะจูบลงบนริมฝีปากของเธอ