ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 249 น้องสาวของเพื่อนผู้ล่วงลับ

บทที่ 249 น้องสาวของเพื่อนผู้ล่วงลับ

โหมวยู่ยังคงงัวเงีย จึงถามกลับไปว่า “ใคร”

“น้องสาวของหัวหน้าหน่วยจี้”

โหมวยู่พลันลืมตากะทันหัน เขาลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงราวกับถูกกดสวิชต์

“เธออยู่ไหน” โหมวยู่รีบไล่ถาม

“สถานการณ์ไม่ปกตินิดหน่อย…” ต้วนเหิงตอบกลับ “ถ้าคุณว่าง ก็แวะมานะ”

การเคลื่อนไหวของโหมวยู่ทำให้ชางหลิงรู้สึกตัวตื่น เขารีบลุกออกจากเตียงแทบไม่เว้นจังหวะ แล้วเอาเสื้อผ้าให้ชางหลิง โยนมันไปไว้ข้างตัวเธอ “แต่งตัว มีเรื่องด่วน”

ชางหลิงค่อนข้างสับสนงุนงง แต่ก็แต่งตัวอย่างเชื่อฟัง สองคนอาบน้ำอย่างรวดเร็ว และออกจากคฤหาสน์รวดเร็วราวกับควันพวยพุ่ง

ตลอดทางโหมวยู่ไม่พูดสักคำ เอาแต่ขมวดคิ้ว ชางหลิงไม่กล้าถามเขา ทำได้เพียงนิ่งเงียบ

รถจอดที่หน้าประตูNova ขึ้นลิฟท์ไป แทนที่จะไปชั้นบนสุด แต่ไปที่ห้องพักชั้นหนึ่งแทน จากระยะไกลเห็นคนชุดดำยืนเฝ้าประตู ต้วนเหิงหลีซินและฉินซางก็ยืนอยู่ที่นั่นเช่นกัน ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่ชางหลิงได้เห็นภาพแบบนี้ ต้วนเหิงเวลาทำงานมักจะสงบนิ่ง ฉินซางก็มีท่าทางไม่เอาจริงเอาจังเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เวลานี้พวกเขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด

เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้สี่พี่น้องตึงเครียดกันแบบนี้

“พี่ใหญ่” หลีซินเป็นคนแรกที่เห็นโหมวยู่ แล้วเข้ามาต้อนรับ

“คนนั้นเป็นอะไร” โหมวยู่พูดอย่างนั้นแล้วกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ต้วนเหิงกลับยื่นมือออกไปขวางเขาไว้และส่ายหน้า

“หมอยังอยู่ข้างในตรวจร่างกายให้เธอ มันไม่สะดวกที่จะเข้าไป”

โหมวยู่เลิกคิ้ว แต่ชางหลิงกลับฟังอย่างงุนงง

“ซินเหอกำลังดูแลอยู่ข้างใน” ต้วนเหิงบอกอีกประโยค

“ฉันเข้าไปได้ไหม” ชางหลิงพูดอย่างระมัดระวัง ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดกัน คงจะเป็นผู้หญิง และดูจากการแสดงออกของพวกเขาแบบนี้ คงจะเป็นคนที่สำคัญต่อพวกเขามาก

ต้วนเหิงเหลือบมองโหมวยู่ โหมวยู่ไม่ได้มีท่าทีอะไร ต้วนเหิงจึงคลายมือออก

ชางหลิงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปเบาๆ

ในห้องสวีทที่กว้างขวาง ในอากาศมีกลิ่นไอโอดีนและแอลกอฮอล์ หมอในชุดขาวยืนอยู่เต็มห้อง ลู่ซินเหอยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ดวงตาแดงก่ำ

บนเตียงขนาดใหญ่ มีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่ เวลานี้ตอนนี้ บนร่างกายเธอไม่มีเสื้อผ้าปกปิด ด้วยเหตุนี้ ชางหลิงจึงเห็นบาดแผลต่างๆ บนร่างกายเธอ ทั้งใหม่ทั้งเก่า มีรอยฟัน รอยหยิก ตุ่มพุพอง และยังมีผื่นแดงหนาเป็นปื้นบนแขน โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง…ชางหลิงรีบถอนสายตาหนี

เธอเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเพราะอะไรต้วนเหิงถึงบอกว่าโหมวยู่ไม่สะดวกที่จะเข้ามา

“พี่สะใภ้” ชางหลิงเดินเข้าไปหาลู่ซินเหอ

ลู่ซินเหอเช็ดน้ำตา เมื่อเห็นชางหลิงก็ปรับอารมณ์อย่างยากลำบาก

“เวรกรรมนัก เพิ่งเป็นเด็กสาวอายุยี่สิบเอง” ลู่ซินเหอสะอื้น

ชางหลิงหันหน้าไปมอง เด็กสาวที่อยู่บนเตียงใบหน้าเล็กขาวซีดไร้สีเลือด กำลังหลับตา เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่แตกหัก

หมอให้ยาเธอเสร็จก็เปิดประตูออก สี่คนด้านนอกที่กำลังรออยู่ต่างเดินเข้าไป

ชางหลิงสังเกตเห็นการแสดงออกของโหมวยู่ เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายสีหน้าแบบนี้อย่างไร รู้สึกผิด เวทนา และตำหนิตัวเอง

โหมวยู่ที่เลือดเย็นขนาดนี้ กลับมีท่าทางแบบนี้ต่อผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธองั้นเหรอ

“ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่สถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีนัก” หมอถอดหน้ากากออก พูดกับต้วนเหิง “เธอน่าจะขาดสารอาหารมานาน และยังมีสัญญาณของการใช้ยาด้วย”

ชางหลิงชะงักไป ถ้าอย่างนั้น สิ่งเหล่านั้นที่เธอเห็นบนแขนของเธอ ไม่ใช่ผื่นคัน แต่เป็น…รูเข็ม?

“ต่อให้รักษาบาดแผลหายดีแล้ว เกรงว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติในเวลาอันสั้น” หมอพูดเรียบๆ

ทุกคนต่างเงียบงัน ต้วนเหิงขอบคุณและลาส่งหมอ ฉับพลันในห้องก็กว้างขึ้นมาทันที

“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ ฉันอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนก็พอ” ลู่ซินเหอเตือน “ตอนฟื้นขึ้นมาพวกคุณจะได้ไม่ทำให้เธอกลัว”

โหมวยู่เดินนำออกไปก่อน ชางหลิงมองเด็กสาวแวบหนึ่งก่อนจะตามหลังพวกเขาออกไป

หลายคนตรงไปที่ชั้นบนสุด นั่งลงบนโซฟาคนละมุม ชางหลิงก็หาที่นั่งที่สบายนั่งลงด้วย กอดอกกวาดตามองเหล่าชายพี่น้องร่วมชาติ และเอ่ยปากพูด

“มีใครจะอธิบายให้ฉันฟังไหม”

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้ มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขา

โหมวยู่กำไฟแช็คในมือแน่น ไม่พูดอะไรสักคำ ต้วนเหิงเห็นอีกสองคนไม่กล้าพูด จึงกระแอมไอเคลียร์คอ

“เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนผู้ล่วงลับคนหนึ่งของพวกเรา” ต้วนเหิงหยั่งดูท่าทีของโหมวยู่ เห็นเขามีท่าทางเชิงว่าไม่ได้ให้หยุด จึงพูดต่อไป

“ตอนที่เราอยู่ในกองทัพ เรามีหัวหน้าหน่วยอาวุโสคนหนึ่ง ดูแลเราที่อยู่กองทหารภาคสนามดีเสมอมา แต่เมื่อสี่ปีก่อน มีอุบัติเหตุหนึ่งเกิดขึ้น…”

“ในขณะที่เรากำลังปฏิบัติภารกิจ ได้พบกับพวกลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ในระหว่างภารกิจนั้น…หัวหน้าหน่วยอาวุโส สละชีพ”

ชางหลิงอึ้ง

เธอเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่ามิตรภาพร่วมรบ เหตุผลที่ผู้ชายสี่คนมารวมตัวกันที่นี่ได้ ก็เพราะมิตรภาพร่วมรบ และการเสียสละของหัวหน้าหน่วยอาวุโส ในใจของพวกเขา คิดว่าน่าจะสูงส่งกว่าโหมวยู่เสียอีก

“เป็นเพราะเขาช่วยฉัน” โหมวยู่ที่เงียบมานานจู่ๆ ก็เปิดปากพูด

“ฉันทำผิดหลักการ เดิมทีคนที่ตายควรเป็นฉัน แต่เขาตายแทนฉัน”

ตอนแรกไม่ใช่กลุ่มลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่เป้าหมายในภารกิจของพวกเขานั้น พวกเขาได้รับคำสั่งว่าประเทศเพื่อนบ้านจะขนส่งสินค้าต้องห้ามเข้ามาในเขตแดนของพวกเขา หัวหน้าหน่วยอาวุโสจึงพาพวกเขาไปลาดตระเวน จึงได้พบกับกลุ่มคนพวกนั้นเข้าระหว่างทาง

พวกเขาแต่ละคนเนื้อตัวมอมแมมซอมซ่อ เดินเท้าข้ามชายแดน พยายามเข้าประเทศจีนด้วยช่องทางธรรมชาติ

ตามหลักแล้ว พวกเขาควรพาคนทั้งหมดไปที่ค่าย แต่ในนั้นดันมีหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดคนหนึ่ง

เมื่อเห็นเธอ ทำให้โหมวยู่นึกถึงที่แม่ตัวเองตายเพราะคลอดยาก จิตใจเขาจึงอ่อนแอขึ้นมากะทันหัน ทำให้ไม่มัดมือของเธอ

คืนนั้นฝนตกหนัก เหมือนคืนที่แม่ของเขาตาย ทำให้การเดินป่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้แต่สายตาก็พร่ามัว จู่ๆ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ล้มลง เขาจึงไปช่วยเธอ

เขาไม่ได้ป้องกันตัวจากเธอ แต่ระหว่างที่กำลังช่วยดึงขึ้น เธอฉกปืนของเขาไป แล้วเอาปากกระบอกปืนจ่อที่ศีรษะของเขา

ตอนที่ได้ยินเสียงปืนมันก็สายเกินไปแล้ว หัวหน้าหน่วยจี้เอาตัวเองมาป้องกันตรงหน้าเขา กระสุนทะลุผ่านหน้าอกเขา จนสุดท้ายก็ตกเข้าใส่ศีรษะของโหมวยู่

โหมวยู่ไม่ตาย หัวหน้าหน่วยจี้ใช้ร่างกายเป็นกันชน ทำให้เขาโชคดีได้ชีวิตคืนมา แต่หัวหน้าหน่วยจี้กลับหมดลมหายใจในที่เกิดเหตุ

หลังจากที่โหมวยู่ฟื้นขึ้นมาก็พบว่า สินค้าต้องห้ามที่พวกเขาพยายามสกัดกั้น ซ่อนอยู่ในตัวกลุ่มคนผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ดูอ่อนแอ และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เป็นผู้นำของพวกเขา

การตั้งครรภ์เป็นเรื่องจริง ส่วนการใช้การตั้งครรภ์มาตบตาและลวงความเห็นอกเห็นใจจากผู้คนก็จริงเช่นกัน

โหมวยู่พูดทั้งหมดนี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทั้งห้องเงียบเชียบ

“ไฟแช็คนี้ เป็นของที่เขาทิ้งไว้” โหมวยู่ลูบไฟแช็คในมืออย่างระมัดระวัง เขาเอามันติดตัวมาสี่ปีแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ไม่โทษตัวเอง

“พ่อแม่เขาตายก่อนนานแล้ว ในครอบครัวเหลือเพียงน้องสาวคนเดียวที่อายุน้อยกว่าสิบปี ก่อนที่เขาจะตายได้ฝากฝังกับเราไว้ว่าให้ดูแลน้องสาวของเขาด้วย” โหมวยู่ตาแดง “นี่คือสาเหตุว่าเพราะอะไรฉันถึงถอนตัวออกจากกองทัพ แต่เมื่อเรากลับมา น้องสาวของเขาก็หายตัวไปแล้ว”

ต้วนเหิงเองก็ถอนหายใจ “พวกเราตามหาเธอมาสี่ปี แต่เธอเหมือนระเหยกลายเป็นไอไปแล้ว จนกระทั่งวันนี้…”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท